ศูนย์ข่าวภูเก็ต- กรมส่งเสริมการเกษตรตั้งเป้าภายใน 5 ปี จากนี้ผลิตกล้วยไม้ส่งออกตลาดต่างประเทศปีละ 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันที่ส่งออกปีละ 3 พันล้านบาท กระทรวงเกษตรฯจับมือภาคเอกชนพัฒนาทั้งพันธุ์ คุณภาพและการตลาดเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้
นายอรรถ อินทลักษณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยถึงการส่งเสริมการปลูกกล้วยไม้เพื่อการส่งออก ภายหลังเป็นประธานเปิดงาน “ไม้ดอกไม้ประดับ” จังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 17 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24กรกฎาคม .-2 สิงหาคม ที่บริเวณเวทีกลางสะพานหิน อ.เมืองว่า ปัจจุบันตลาดไม้ดอกไม้ประดับที่ส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นกล้วยไม้ ซึ่งประเทศไทย มีการปลูกกล้วยไม้เป็นจำนวนมาก กล้วยไม้มีพันธุ์ดีๆ อยู่ที่เมืองไทย ทำให้เมืองไทยจะเป็นศูนย์นวัตกรรมเกี่ยวกับกล้วยไม้ของโซนเขตร้อนในภูมิภาคนี้ทั้งหมด ปัจจุบันนี้ไทยสามารถผลิตกล้วยไม้ส่งขายต่างประเทศ ทั้งไม้ตัดดอก และไม้ขายต้น ปีละประมาณ 3,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กรมส่งเสริมการเกษตรได้ตั้งเป้าไว้ว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า จะทำให้การส่งออกกล้วยไม้ของไทยไปยังตลาดต่างประเทศปีละ 1 หมื่นล้านบาท โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์ด้านต่างๆ ที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย โดยยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้มีทั้งยุทธศาสตร์ด้านการผลิตกล้วยไม้ ยุทธศาสตร์ด้านการตลาด ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพ ซึ่งในเรื่องนี้ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้บูรณาการการทำงานร่วมกันกับภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นทางสมาคมต่างๆ หรือกลุ่มเกษตรกร เราก็มีการสร้างเครือข่ายในการที่จะพัฒนาคุณภาพกล้วยไม้ แล้วก็เสริมสร้างทางด้านการตลาดให้เข้มแข็งมากขึ้น
สำหรับพื้นที่ที่มีการปลูกดอกกล้วยไม้ในประเทศไทย อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า เราโชคดีที่สามารถปลูกดอกกล้วยไม้ได้ทุกที่ในประเทศไทย และดอกกล้วยไม้เราสามารถปรับตัวได้ดีมาก จะสังเกตเห็นว่าประเทศไทยทุกที่จะมีดอกกล้วยไม้ เพียงแต่ว่าปลูกจุดไหนดูแล้วจะสวยงาม สดใส ซึ่งก็อยู่ที่วิธีการปลูก และความสามารถของเกษตรกรว่าจะทำอย่างไรให้สวยงาม และขายได้ราคาดี
พื้นที่ผลิตใหญ่ๆ เพื่อการส่งออกไปต่างประเทศ จะอยู่ทางภาคกลางและภาคเหนือ ที่ภาคกลางนั้นจะปลูกมาก ที่จังหวัดนครปฐม สุพรรณบุรี อ่างทอง อยุธยา ส่วนทางภาคเหนือจะปลูกมากตั้งแต่ลำพูนขึ้นไปจนถึงเชียงใหม่ เชียงราย นับว่าประเทศไทยเราโชคดีมีต้นทุนทางทรัพยากรธรรมชาติสูง เหมาะสำหรับปลูกดอกกล้วยไม้ ซึ่งที่อื่นสู้บ้านเราไม่ได้
ส่วนพันธุ์ที่มีการปลูกมีหลากหลายมีทั้งสายพันธุ์แท้ และพันธุ์ลูกผสม มีหลายตระกูลมาก เช่นหวาย แคทลียา ซึ่งขณะนี้มีจำนวนมาก โดยในส่วนของตระกูลหวายก็เป็นพันธุ์ที่ต่างประเทศต้องการ และมีการส่งออกมากในแต่ละปี เพื่อนำไปใช้ในงานทั่วๆ ไป ใช้ทั้งงานประดับงานตกแต่งต่างๆ ส่วนตระกูล แคทลียา ก็มีการส่งออกมากเช่นเดียวกัน และราคาจะสูง โดยกลุ่มประเทศที่เป็นลูกค้า สำคัญๆ คือ อเมริกา เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย เป็นต้น
