xs
xsm
sm
md
lg

ยงยุทธเมินเสียงท้า ไม่ลงเลือกตั้งซ่อม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการลาออกจาก ส.ส.สุราษฎร์ธานี หลังจากที่กกต.มีมติว่าขาดคุณสมบัติ จากการถือหุ้นสัมปทานรัฐ และมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายกฯ ไม่ค่อยพอใจที่ประกาศลาออกโดยไม่มีการหารือกันก่อน ว่า "นายกฯบอกคุณหรือว่าท่านเคืองผม ผมถึงบอกให้สื่อระวังจินตนาการ ไม่อย่างนั้นผมก็แย่ เพราะพวกคุณเล่นไปแหย่คนโน้นที คนนี้ที แล้วมาทำข่าวเอง เรื่องนี้ถ้านายกฯ เคืองผมท่านคงมาบอกแล้วล่ะ" นายสุเทพ กล่าว
ส่วนความเห็นของคนในพรรคที่ยังมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องควรลาออกหรือไม่นั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดา และเรื่องนี้ความจริงก็คุยกันในพรรคมาก่อนแล้ว ก็มีหลากหลายความเห็น อย่างไรก็ตามตนไม่ประสงค์ให้คนอื่นที่โดนเหมือนตน ลาออกตาม เพราะเหตุผลไม่เหมือนกัน ที่ตนลาออกเพราะต้องการสมาธิในการทำหน้าที่ในตำแหน่งรองนายกฯ ที่ดูแลด้านความมั่นคง เพราะมีงานเยอะ แต่อยากให้คนที่เหลือต่อสู้คดี เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า จะให้นายธานี เทือกสุบรรณ น้องชาย ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม แทนตำแหน่งของตนเองนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องกลไกของพรรค ที่จะต้องฟังเสียงของฝ่ายต่างๆเสียก่อน ส่วนที่นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ท้าให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มาลงเลือกตั้งซ่อมแข่งกับประชาธิปัตย์นั้น ก็เป็นความเห็นของส.ส. แต่นายยงยุทธ ก็เป็นคนสุราษฎร์ธานี ซึ่งพี่ชายของท่านคือ ดร.ธวัช วิชัยดิษฐ์ ก็เคยเป็นส.ส.ที่นั่น เมื่อเมื่อถามว่าระหว่างตระกูล เทือกสุบรรณ กับ ตระกูลวิชัยดิษฐ์ เขาจะสู้ไหวหรือ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเมืองไม่ใช่เรื่องที่จะเอาตระกูลมาห้ำหั่นกัน
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า การลาออกจากตำแหน่งส.ส.ของนายสุเทพ เป็นการสร้างภาพ และจะส่งนายธานี เทือกสุบรรณ น้องชายลงสมัคร ส.ส.สุราษฏ์รธานี แทนว่า เรื่องนี้ขอชี้แจงแทนนายธานี เพราะเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม เนื่องจากนายธานี ไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่ได้รับใบเหลือง ก็เพราะคนอื่นมีพฤติกรรมที่ กกต.ชี้ว่า กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จึงให้ใบเหลืองกับนายธานี และวันนี้ ก็ยังไม่ชัดเจนว่า นายธานี จะลงสมัครแทนนายสุเทพ
สำหรับขั้นตอนการเลือกผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ มีขึ้นตอนชัดเจน คือ ต้องฟังเสียงสาขาในพื้นที่ และต้องนำมาเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการที่มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค เป็นประธาน จากนั้นจึงนำเข้าสู่คณะกรรมการบริหารพรรค ไม่ได้เป็นสิทธิ์ของคนหนึ่งคนใด และนายสุเทพ ก็ไม่สามารถชี้ได้ว่า ให้ใครเป็นผู้สมัคร เพียงแต่มีการวิเคราะห์ว่า นายธานี อาจจะเป็นผู้ลงสมัคร เพราะนายธานี เป็นนายกฯอบจ. เป็นคนที่มีชื่อเสียง และ เป็นที่ยอมรับของประชาชน และขณะนี้ว่างเว้นจากตำแหน่งทางการเมืองในระดับท้องถิ่น น่าจะเป็นผู้ที่มีโอกาส แต่พรรคก็ไม่ได้กีดกันคนอื่นที่เหมาะสม สามารถเสนอตัวมาเป็นแคนดิเดตได้
ส่วนการที่ตนเสนอให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มาลงสมัครเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เพราะเห็นว่าเป็นฐานเสียงนายยงยุทธ ตนไม่ท้าทายอะไร แต่ต้องการการเลือกตั้งที่มีสีสัน และแข่งขันที่สมน้ำสมเนื้อ หากนายยงยุทธ จะส่ง นายสมพล วิชัยดิษฐ์ น้องชาย ลงแทนนั้น ซึ่งเคยลงสมัครหลายครั้ง แพ้ซ้ำซาก ตนคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องมวยล้มต้มคนดู แต่หากเปลี่ยนเป็นนายยงยุทธ ก็จะเป็นมวยถูกคู่ ที่คนดูถูกใจ

**"ยงยุทธ"ไม่รับคำท้าลงเลือกตั้งซ่อม
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการคัดเลือกบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกซ่อมส.ส. สุราษฎร์ธานีว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการหารือกัน เพราะยังมีเวลาอีกมาก กฤษฎีกาวันเลือกตั้งก็ยังไม่ออกมา ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พรรคจะให้ตนลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น ตัวผู้สมัครนั้นมีหลักอยู่ 3 อย่าง คือ ความคิดเห็นของพรรค คือผู้บริหารเห็นเป็นอย่างไร เห็นว่าใครเหมาะสมที่สุด สอง คือประชาชน ต้องดูว่าประชาชนในพื้นที่ให้การตอบรับคนๆนั้นอย่างไร และสุดท้ายคือ เรื่องความพร้อมของผู้สมัคร ซึ่งสำหรับตนแล้วต้องบอกว่า ตนออกมาจากจ.สุราษฎร์ธานีตั้งแต่ปี 2500 มาถึงตอนนี้ก็ 52 ปีแล้ว ที่ไม่ได้กลับไปในพื้นที่เลย และการทำงานในพื้นที่ภาคใต้นั้น ที่ผ่านมาตนก็ทำงานแต่ในจังหวัดอื่น ไม่เคยทำงานในจังหวัดสุราษฎร์ธานีเลย ดังนั้นพูดจริงๆ แล้วความผูกพันในพื้นที่ ความผูกพันกับประชาชนนั้นไม่มี ถ้าจะให้ตนไปลงเลือกตั้งจะเป็นการดูถูก และไม่ยุติธรรมกับตัวเองและประชาชน ตนยังไม่มีความพร้อมที่จะลงสมัครส.ส.ครั้งนี้

** "เหนาะ"ไม่สนกกต.เตรียมเชือด
นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวถึง กรณีที่ตนเองอยู่ในข่ายที่ กกต. จะพิจารณาวินิจฉัยคุณสมบัติ ส.ส. เนื่องจากภรรยา ถือหุ้นในบริษัทคู่สัมปทานของรัฐ ว่า สถาบันที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ ต้องพิจารณาดูให้ดี ไม่ใช่เขาเขียนอะไรมาก็จะเอาตามตัวหนังสือทั้งหมด ต้องดูที่เจตนารมณ์ว่า ส่อไปในทางทุจริตคอร์รัปชัน หรือบริสุทธิ์ เพราะหุ้นที่ถือนั้นมีนิดเดียว และเป็นหุ้นมหาชน ที่ซื้อไว้ตั้งแต่ปี 38 ขณะที่นางอุไรวรรณ เทียนทอง ภรรยาตน เป็นข้าราชการ จะเอาไปทำอะไรได้ ทีรัฐมนตรีถือหุ้นได้ แต่ ส.ส.ถือไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้สึกแคร์อะไร
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.นั้น นายเสนาะ กล่าวว่า ก็ไม่มีอะไรที่จะมากดดันตน เพราะเรื่องนี้ต้องดูที่เจตนา แม้แต่จำเลยที่ทำความผิดพลาด ไปฆ่าคนตายศาลก็ยังดูเจตนา
นายเสนาะ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่า ในอนาคตพรรคประชาราช อาจจะไปรวมกับพรรคเพื่อไทย ว่า " เรื่องอะไร แค่นี้ประเทศไทยก็อยู่ลำบากแล้ว"
ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมตีกอล์ฟปาร์ตี้สานสัมพันธ์สามัคคี 111+37= เพื่อไทย ที่สนามกอล์ฟ lotus valley resort & golf club อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ว่าได้ร่วมก๊วนกับนายเสนาะ เทียนทอง ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ได้ให้เกียรติมาร่วมงานด้วย โดยไม่ได้มีการพูด หรือชักชวนเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย เพราะตนเป็นคนนอก ไม่ได้อยู่ในพรรคเพื่อไทย แต่ถ้ามาจริง ก็เป็นเรื่องที่ดีจะทำให้พรรคขนาดเล็กได้พัฒนายิ่งขึ้น ส่วนจะมาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายเสนาะจะตัดสินใจ
**"มานิต-บุญจง"พร้อมลงสนามซ่อม
นาย ศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึง กรณีที่ตนเองยื่นคำร้องให้กกต.ตรวจสอบการถือครองหุ้นของส.ส.จนทำให้ส.ส. 13 คนของพรรคประชาธิปัตย์ถูกกกต.ชี้ให้สิ้นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ว่า การยื่นในครั้งนั้นไม่มีความประสงค์ที่จะให้เกิดความวุ่นวาย แต่ตอนที่ยื่นสังคมมีการตั้งคำถามเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย เพราะมีบุคคลสำคัญของบ้านเมืองไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จึงต้องการสร้างบรรทัดฐานให้กับสังคม ตนไม่มีเจตนาที่จะก่อผลกระทบกับรายบุคคลแต่เป็นการทำตามหลักการ และการตัดสินของ กกต. ครั้งนี้ก็สร้างบรรทัดฐานให้กับสังคม ประชาชนก็คงชื่นชมกกต.
"ผมคิดว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เข้าใจที่คนเหล่านั้นต้องโกรธ และขอแสดงความเสียใจด้วยที่ทำให้รู้สึกอย่างนั้น แต่ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยก็ยังสามารถทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ได้ เพราะเราแยกเรื่องส่วนตัวออกจากบ้านเมือง ผมไม่ได้แค้นใคร และเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์คงไม่แค้นผม"
ส่วนที่ กกต.เตรียมจะวินิจฉัยกรณีการถือหุ้นของ 44 ส.ส. ที่เหลือ และมีรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย 2 คน คือ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช. มหาดไทย และนายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข นั้นหากผลออกมาว่า ขาดคุณสมบัติ ทั้ง 2 คน ก็พร้อมจะลงสมัคร ส.ส. ใหม่ แต่ส่วนตนเห็นว่า กกต.เหมือนกับพนักงานสอบสวน การจะมีความผิดหรือไม่ต้องอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ตัดสินดังนั้นอย่าเพิ่งรีบลาออก
กำลังโหลดความคิดเห็น