ASTVผู้จัดการรายวัน - กองทุนส่วนบุคคลเดือนพ.ค. คึกคัก อานิสงส์หุ้นทะยาน เงินกองทุนประกันสังคม ดันสินทรัพย์ทั้งระบบพุ่งขึ้นเฉียด 3 หมื่นล้านบาท ส่วนภาพรวม 5 เดือนแรก ขยายตัว 9.23% ฟื้นตัวจากติดลบ 12% ช่วงต้นปี "กสิกรไทย" ยังรั้งแชมป์
รายงานข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคม บลจ.) เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล (ไพรเวตฟันด์) ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาว่า แม้ว่าในช่วงต้นปี มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนจะปรับลดลงกว่า 12% แต่ก็ค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาหลังจากภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย รวมถึงหุ้นทั่วโลก มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนส่วนบุคคล กลับมาเติบโตเพิ่มขึ้น 9.23% ซึ่งตัวเลขเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 ที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 168,276.96 ล้านบาท เป็น 183,814.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวนเงินรวมที่เพิ่มขึ้นประมาณ 15,537.71 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากพิจารณาดูเฉพาะตัวเลขเงินลงทุนในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่า ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้านี้ค่อนข้างมาก โดยคิดเป็นจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นรวมกันกว่า 29,484.64 ล้านบาท สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะตลาดหุ้นในเดือนดังกล่าว ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างรุนแรง หลังจากเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีเงินทุนใหม่ไหลเข้ามาลงทุนเพิ่ม หลังจากมองว่ามีโอกาสดีจากสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัวด้วย
สำหรับบริษัทจัดการที่มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) สูงสุด 3 อันดับแรกนั้น อันดับ 1 ยังคงเป็น บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด ด้วยสินทรัพย์รวม 43,454.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 7,160.62 ล้านบาท อันดับ 2 ยังคงเป็น บลจ.วรรณ เช่นเดิม โดยมีสินทรัพย์รวมขยับขึ้นอีก 5,858.58 ล้านบาทมาอยู่ที่ 28,967.55 ล้านบาท ในขณะที่อันดับ 3 ได้แก่ บลจ.ทิสโก้ ซึ่งมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นประมาณ 6,086.30 ล้านบาท มาอยู่ที่ 27,413.14 ล้านบาทในปัจจุบัน
สมาคมบลจ. รายงานเพิ่มเติมว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีแนวคิดในการให้ความเห็นชอบผู้รับฝากทรัพย์สิน ( Custodian) ของกองทุนส่วนบุคคลเพิ่มเติม โดยให้ถือว่าผู้ที่สามารถประกอบธุรกิจ Custodian ของประเทศที่บริษัทจัดการลงทุนได้ลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินเพื่อกองทุนส่วนบุคคลหรือเป็น Custodian ได้โดยชอบด้วยกฎหมายของประเทศที่ Custodian ตั้งอยู่ เป็น Custodian ที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. โดยกำหนดให้ทำหน้าที่ได้เฉพาะการรับฝากทรัพย์สินให้กับกองทุนส่วนบุคคล ที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศทั้งจำนวน และกรณีกองทุนส่วนบุคคลที่มีลูกค้าเป็นบุคคล/นิติบุคคลต่างประเทศ และหากลูกค้ากองทุนส่วนบุคคลเป็นสถาบันการเงินที่ประกอบธุรกิจ Custodian อยู่แล้ว ให้ถือว่าลูกค้าดังกล่าวได้รับความเห็นชอบ ให้เป็น Custodian เก็บรักษาทรัพย์สินได้เฉพาะทรัพย์สินของตนเองเท่านั้น
นายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร(AUM) ของกองทุนสวนบุคคลที่บริษัทดูแลอยู่นั้นน่าจะมาจากการได้รับความไว้วางใจให้บริหารกองทุนของสำนักงานประกันสังคมในช่วงที่ผ่านมาจำนวน 6 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการขยายตัวของกองทุนประเภทนี้ถือว่ายังไม่สูงมากนัก เนื่องจากการลงทุนยังกระจุกตัวอยู่ในส่วนของสถาบันใหญ่ อาทิ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) สำนักงานประกันสังคม(สปส.) และบริษัทประกันภัยต่างๆ มากกว่าที่จะเป็นลูกค้ารายย่อย ทำให้สัดส่วนการลงทุนยังขยายตัวตามการลงทุนของสถาบันใหญ่เท่านั้น
"กองทุนประเภทนี้ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งอย่างที่ว่านักลงทุนจะดูลักษณะการลงทุน ซึ่งในครึ่งปีหลังหากจะบอกว่ามันจะขยายตัวได้มากน้อยขนาดไหนต้องดูภาวะการลงทุน โดยหากมองหุ้นในช่วงนี้หลายคนมองว่าตลาดอาจไม่ขึ้นไปเร็วเนื่องจาก ที่ผ่านมาราคามันไปค่อนข้างเยอะแล้ว และถ้าเป็นแบบนี้คงต้องรอดูอีกครั้งว่าผลประกอบการในไตรมาส 2 จะเป็นอย่างไร"นายรพีกล่าว
นายรพี กล่าวอีกว่า นอกจากบริษัทจะสร้างความเชื่อใจและขยายฐานลูกค้ากับสถาบันขนาดใหญ่แล้ว บริษัทยังมีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้ารายย่อยเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยปัจจุบันบริษัทยังทำความร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยที่เป็นบริษัทแม่ในการจัดทำโครงการเพื่อเป็นการส่งเสริมการลงทุนของลูกค้าระดับสูงให้เพิ่มมากขึ้นด้วย
รายงานข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคม บลจ.) เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล (ไพรเวตฟันด์) ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาว่า แม้ว่าในช่วงต้นปี มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนจะปรับลดลงกว่า 12% แต่ก็ค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาหลังจากภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย รวมถึงหุ้นทั่วโลก มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนส่วนบุคคล กลับมาเติบโตเพิ่มขึ้น 9.23% ซึ่งตัวเลขเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 ที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 168,276.96 ล้านบาท เป็น 183,814.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวนเงินรวมที่เพิ่มขึ้นประมาณ 15,537.71 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากพิจารณาดูเฉพาะตัวเลขเงินลงทุนในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่า ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้านี้ค่อนข้างมาก โดยคิดเป็นจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นรวมกันกว่า 29,484.64 ล้านบาท สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะตลาดหุ้นในเดือนดังกล่าว ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างรุนแรง หลังจากเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีเงินทุนใหม่ไหลเข้ามาลงทุนเพิ่ม หลังจากมองว่ามีโอกาสดีจากสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัวด้วย
สำหรับบริษัทจัดการที่มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) สูงสุด 3 อันดับแรกนั้น อันดับ 1 ยังคงเป็น บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด ด้วยสินทรัพย์รวม 43,454.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 7,160.62 ล้านบาท อันดับ 2 ยังคงเป็น บลจ.วรรณ เช่นเดิม โดยมีสินทรัพย์รวมขยับขึ้นอีก 5,858.58 ล้านบาทมาอยู่ที่ 28,967.55 ล้านบาท ในขณะที่อันดับ 3 ได้แก่ บลจ.ทิสโก้ ซึ่งมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นประมาณ 6,086.30 ล้านบาท มาอยู่ที่ 27,413.14 ล้านบาทในปัจจุบัน
สมาคมบลจ. รายงานเพิ่มเติมว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีแนวคิดในการให้ความเห็นชอบผู้รับฝากทรัพย์สิน ( Custodian) ของกองทุนส่วนบุคคลเพิ่มเติม โดยให้ถือว่าผู้ที่สามารถประกอบธุรกิจ Custodian ของประเทศที่บริษัทจัดการลงทุนได้ลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินเพื่อกองทุนส่วนบุคคลหรือเป็น Custodian ได้โดยชอบด้วยกฎหมายของประเทศที่ Custodian ตั้งอยู่ เป็น Custodian ที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. โดยกำหนดให้ทำหน้าที่ได้เฉพาะการรับฝากทรัพย์สินให้กับกองทุนส่วนบุคคล ที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศทั้งจำนวน และกรณีกองทุนส่วนบุคคลที่มีลูกค้าเป็นบุคคล/นิติบุคคลต่างประเทศ และหากลูกค้ากองทุนส่วนบุคคลเป็นสถาบันการเงินที่ประกอบธุรกิจ Custodian อยู่แล้ว ให้ถือว่าลูกค้าดังกล่าวได้รับความเห็นชอบ ให้เป็น Custodian เก็บรักษาทรัพย์สินได้เฉพาะทรัพย์สินของตนเองเท่านั้น
นายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร(AUM) ของกองทุนสวนบุคคลที่บริษัทดูแลอยู่นั้นน่าจะมาจากการได้รับความไว้วางใจให้บริหารกองทุนของสำนักงานประกันสังคมในช่วงที่ผ่านมาจำนวน 6 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการขยายตัวของกองทุนประเภทนี้ถือว่ายังไม่สูงมากนัก เนื่องจากการลงทุนยังกระจุกตัวอยู่ในส่วนของสถาบันใหญ่ อาทิ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) สำนักงานประกันสังคม(สปส.) และบริษัทประกันภัยต่างๆ มากกว่าที่จะเป็นลูกค้ารายย่อย ทำให้สัดส่วนการลงทุนยังขยายตัวตามการลงทุนของสถาบันใหญ่เท่านั้น
"กองทุนประเภทนี้ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งอย่างที่ว่านักลงทุนจะดูลักษณะการลงทุน ซึ่งในครึ่งปีหลังหากจะบอกว่ามันจะขยายตัวได้มากน้อยขนาดไหนต้องดูภาวะการลงทุน โดยหากมองหุ้นในช่วงนี้หลายคนมองว่าตลาดอาจไม่ขึ้นไปเร็วเนื่องจาก ที่ผ่านมาราคามันไปค่อนข้างเยอะแล้ว และถ้าเป็นแบบนี้คงต้องรอดูอีกครั้งว่าผลประกอบการในไตรมาส 2 จะเป็นอย่างไร"นายรพีกล่าว
นายรพี กล่าวอีกว่า นอกจากบริษัทจะสร้างความเชื่อใจและขยายฐานลูกค้ากับสถาบันขนาดใหญ่แล้ว บริษัทยังมีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้ารายย่อยเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยปัจจุบันบริษัทยังทำความร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยที่เป็นบริษัทแม่ในการจัดทำโครงการเพื่อเป็นการส่งเสริมการลงทุนของลูกค้าระดับสูงให้เพิ่มมากขึ้นด้วย
