“ยังไม่มีบทสรุปในเรื่องเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จนกว่าเมื่อสัญญาณการเลือกตั้งจะมาถึง เพราะตอนนี้เพื่อไทยก็ยังมี ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ทำหน้าที่หัวหน้าพรรคอยู่ และหัวหน้าพรรคตัวจริงก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ที่กำกับพรรคอยู่ข้างหลัง
เพียงแต่มีสัญญาณเลือกตั้ง ถึงตอนนั้นพรรคต้องชูผู้นำพรรคในการรณรงค์หาเสียงโดยเฉพาะการชูว่าเป็นผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แข่งกับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคกับพ.ต.ท.ทักษิณ ถึงค่อยสรุปกันว่า ใครจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค
แต่ชื่อก็ไม่ผิดไปจากการคาดการณ์กันมากนัก ยกเว้นแต่อาจมีคนนอกซึ่งไม่เคยเป็นข่าวมาก่อน และที่ผ่านมาอยู่ระหว่างการตัดสินใจเพราะเห็นว่าการเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้น แต่ถึงเวลาเมื่อไร พ.ต.ท.ทักษิณ จะเคาะชื่อส่งมาให้เอง”
เหล่านี้คือ คำเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงจากพรรคเพื่อไทยสายดูไบ ซึ่งใกล้ชิดกับทักษิณ ชินวัตร และเป็นคนหนึ่งที่มีชื่อเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยกับ”ทีมข่าวการเมือง ASTVผู้จัดการรายวัน
เป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าจนถึงขณะนี้ กระแสข่าวเรื่องเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาอย่างต่อเนื่องว่า เป็นสถานการณ์”ฝุ่นตลบ” ที่ระดับแกนนำพรรคต่างพยายามดันคนที่คิดว่า
ถ้าได้เป็นหัวหน้าพรรคแล้ว จะมีประโยชน์ทางการเมืองกับกลุ่มตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มส.ส.อีสาน-กลาง-เหนือ หรือสายบ้านริมคลอง ของเฉลิม อยู่บำรุง –สายดูไบ
ด้วยทุกกลุ่มในเพื่อไทย ต่างก็มีเป้าหมายและผลประโยชน์ทางการเมืองแตกต่างกันไป ทำให้ที่ผ่านมา จึงปรากฏข่าวคนจะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สารพัดชื่อ โดยตอนแรกที่แรงสุดคงหนีไม่พ้น
”ปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”
ที่ยามนี้คือเสนาธิการใหญ่ของเพื่อไทยและทักษิณ ทั้งดูแลค่าใช้จ่ายภายในพรรค –บริหารเรื่องเงินท่อน้ำเลี้ยงที่จ่ายให้ส.ส.-รับคำสั่งจากทักษิณมาถ่ายทอดให้กับแกนนำและส.ส.ฟังถึงยุทธศาสตร์การเมืองและการเตรียมการเลือกตั้ง
ทว่า”ยิ่งลักษณ์”ที่ผ่านประสบการณ์ธุรกิจมาโชกโชน ก็ย่อมรู้ดีถึงจุดอ่อนจุดด้อยของตัวเอง โดยเฉพาะแม้ทุกคนในพรรคจะเกรงใจเธอในฐานะน้องสาวทักษิณ และผู้บริหารที่มีอำนาจเต็มในการจัดการทุกอย่างภายในพรรคเพื่อไทย แต่ความด้อยประสบการณ์ทางการเมือง ทำให้เจ้าตัวขอเวลาสะสมบารมีและประสบการณ์ก่อน
เพราะเธอรู้ดีว่าไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ เพราะถึงอย่างไร เพื่อไทยก็คือทักษิณ ทักษิณก็คือเพื่อไทย
แค่ทักษิณประกาศโฟนอินไปห้องประชุมส.ส.เพื่อไทยคำเดียวว่า
ยิ่งลักษณ์ คือผู้นำพรรคคนใหม่
เธอก็ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค หรือแม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ยังได้ หากเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลจริง
ขณะที่คนที่เคยเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ ก็มีทั้งคนที่มีสิทธิ์และคนที่เป็นแค่ข่าวปล่อยกันเองของแต่ละกลุ่มภายในพรรค เพื่อเอาชื่อขึ้นมาล่อเป้า และโยนหินถามทางเพื่อเช็กปฏิกิริยาจากคนในพรรคและกระแสสังคม
อาทิ “โดเรมิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ที่เดิมก็แรงพอใช้ได้ แต่พอแสดงบทบาทในฐานะหัวหน้าทีมการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.-พ.ร.ก.กู้เงิน 8 แสนล้านบาท ของเพื่อไทยในสภาฯ
มีสุ้มเสียงออกมาจากเพื่อไทยว่า ทักษิณ และส.ส.ในพรรคต่าง“ส่ายหัว”ให้กับความไม่เอาถ่านของมิ่งขวัญ ที่อภิปรายแบบไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว เส้นทางของมิ่งขวัญ ในเพื่อไทยจึงเหลือน้อยลงทุกทีเสียแล้ว
ส่วนโอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลพลังประชาชนก็มีโอกาสพอสมควร เพราะใกล้ชิดและทำงานกับทักษิณมานาน เพียงแต่มีจุดอ่อนเรื่องไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง และส.ส.ส่วนใหญ่ไม่ชอบ แถมเจ้าตัวก็คงไม่หวัง เพราะรอเป็นรมว.คลังมากกว่า
ขณะที่คนอื่นๆ ทั้ง พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี เพื่อน ตท.10 ของทักษิณ ที่ตอนนี้ถูกแป๊กในเก้าอี้ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมหรือ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีตประธานวุฒิสภา สองคนนี้ ดูแล้วแทบไม่มีโอกาสเป็นไปได้
อย่างพล.อ.อ.สุเมธ แทบไม่มีใครรู้จัก ไม่เคยทำงานการเมืองใดๆ จึงไม่เหมาะกับการทำศึกการเลือกตั้งที่ต้องชี้เป็นชี้ตายต่อการกลับมาเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลของเพื่อไทย และทักษิณ
ซึ่งมีเดิมพันสูงมาก เพราะหากทำไม่ได้ สิ่งที่ทักษิณสู้มาทั้งหมดก็สลายกลายเป็นอากาศธาตุส่วนมนูญกฤต พบว่าเป็นการพยายามปล่อยข่าวของ เฉลิม อยู่บำรุง ในเป้าหมายเดียวกันกับการพยายาม
ผลักดันยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือตีกันคนอื่นนั่นเอง
ขณะที่ “บิ๊กตุ้ย” พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ที่ประกาศตัวแบบอ้าแขนเต็มที่ สนใจจะมาเป็น หน.เพื่อไทย เพราะคิดว่าจะอาศัยสัมพันธ์ลูกพี่ลูกน้อยทักษิณ แล้วจะนั่งเก้าอี้นี้แบบไม่ต้องลงทุนมาก ก็ต้องหน้าแตกเช่นกัน เพราะทักษิณไม่หนุนหลังเนื่องจากเหตุผลส่วนตัว
แต่ข่าวว่า บิ๊กตุ้ย ก็ยังพยายามอยู่โดยล็อบบี้ผ่านส.ส.อีสานหลายคนให้ช่วยส่งเสียงหนุนหลังไปให้ทักษิณได้ยินถึงดูไบ
ขณะที่ที่ส.ส.บางส่วนอ้างว่า ทักษิณ กำลังทาบทาม ศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) ซึ่งประเมินแล้วน่าจะยาก เพราะคนที่รู้จัก “ดร.ซุป”ดีจะรู้ว่า อดีตรองนายกฯคนนี้ “เลือดสีน้ำเงินประชาธิปัตย์” แท้ขนาดไหน
ที่น่าจับตาคือ สองคู่หู-ดูโอการเมือง ที่เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย
เสนาะ เทียนทอง-พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก
สองชื่อนี้ล่าสุดค่อนข้างแน่ชัดว่า จะมาเพื่อไทยแน่นอน เพียงแต่จะเป็นในสูตรที่เสนาะผลักดันให้พล.ต.อ.ประชา เป็นหัวหน้าพรรค แล้วตัวเองขอเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ซึ่งสูตรนี้พบว่า ส.ส.อีสานส่วนใหญ่ก็เอาด้วย
แต่คนที่คัดค้านหัวชนฝาคือ เฉลิม ที่เป็นศัตรูคู่แค้นกับ เสนาะ มาหลายปี เพราะรู้ดีว่าหากเสนาะ-ประชา มีอำนาจในเพื่อไทยเมื่อไร บารมีเหลิมในกลุ่มส.ส.อีสาน จะหายวับไปทันที
และอีกหนึ่งคนที่ชื่อก็ติดโผในช่วงนี้ ปานปรีย์ พหิทธานุกร หลานเขย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ที่ตอนนี้ทำงานเป็นประธานคณะทำงานฝ่ายยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
เหตุที่ติดโผนอกจากเพราะมีประสบการณ์การเมืองมาเกือบยี่สิบปี ตั้งแต่เป็นเลขานุการส่วนตัว พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ในช่วงเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรองเลขาธิการและกรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนา อดีตผู้แทนการค้าไทยสมัยรัฐบาลไทยรักไทย และตำแหน่งการเมืองอีกนับไม่ถ้วน จึงรู้จักนักการเมืองหลายพรรค และคุ้นเคยกับเกมการเมืองเป็นอย่างดี แถมมีดีกรีปริญญาเอกจากต่างประเทศ
ทำให้ส.ส.หลายคนเห็นว่าน่าจะสู้กับอภิสิทธิ์ได้ เพียงแต่ต้องเร่งเปิดตัวเร็วขึ้น เพื่อผลในการเลือกตั้ง
ปานปรีย์ เป็นคนหนึ่งซึ่งเมื่อทักษิณตกต่ำและลำบาก คนในไทยรักไทยมีแต่คนรีบสละเรือทิ้ง แต่ปานปรีย์ กลับยืนอยู่ข้างเดียวกับทักษิณมาตลอด โดยอยู่กับไทยรักไทย มาจนถึงพลังประชาชน และเพื่อไทย แม้จะถูกหลายพรรคทาบทามให้ไปร่วมงาน แต่ปานปรีย์ ปฏิเสธ จึงทำให้ประทับใจทักษิณอย่างมาก จนจะผลักดันให้เป็นรัฐมนตรีมาหลายครั้งในรัฐบาลพลังประชาชน แต่เจ้าตัวไม่ขอรับตำแหน่ง ผนวกกับได้รับแรงหนุนจากพี่น้องตระกูลชินวัตร และขั้วอำนาจเก่าสายจันทร์ส่องหล้า จึงเป็นชื่อที่ติดมาในเวลานี้
ทว่าทั้งหมด ก็ยังเป็นแค่การโยนหินถามทาง และการทำให้ข่าวของเพื่อไทย แลดูคึกคักเพื่อทำให้เห็นว่า พรรคนี้กำลังกลับมาเตรียมเฟื่องฟูอีกครั้ง มีแต่คนวิ่งเข้ามาขอทำงานกับพรรค เพื่อทำให้พรรคดูมีราคามากขึ้นในทางการเมือง
และก็อย่างที่บอกไว้แต่ต้น ทั้งหมดจะยังฝุ่นตลบไปเรื่อยๆ จนกว่าสัญญาณเลือกตั้งจะมาถึง และทักษิณ ชี้นิ้วว่าจะให้ใครเป็นหัวหน้าพรรค แค่นี้ก็จบปัญหา!
เพียงแต่มีสัญญาณเลือกตั้ง ถึงตอนนั้นพรรคต้องชูผู้นำพรรคในการรณรงค์หาเสียงโดยเฉพาะการชูว่าเป็นผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แข่งกับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคกับพ.ต.ท.ทักษิณ ถึงค่อยสรุปกันว่า ใครจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค
แต่ชื่อก็ไม่ผิดไปจากการคาดการณ์กันมากนัก ยกเว้นแต่อาจมีคนนอกซึ่งไม่เคยเป็นข่าวมาก่อน และที่ผ่านมาอยู่ระหว่างการตัดสินใจเพราะเห็นว่าการเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้น แต่ถึงเวลาเมื่อไร พ.ต.ท.ทักษิณ จะเคาะชื่อส่งมาให้เอง”
เหล่านี้คือ คำเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงจากพรรคเพื่อไทยสายดูไบ ซึ่งใกล้ชิดกับทักษิณ ชินวัตร และเป็นคนหนึ่งที่มีชื่อเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยกับ”ทีมข่าวการเมือง ASTVผู้จัดการรายวัน
เป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าจนถึงขณะนี้ กระแสข่าวเรื่องเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาอย่างต่อเนื่องว่า เป็นสถานการณ์”ฝุ่นตลบ” ที่ระดับแกนนำพรรคต่างพยายามดันคนที่คิดว่า
ถ้าได้เป็นหัวหน้าพรรคแล้ว จะมีประโยชน์ทางการเมืองกับกลุ่มตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มส.ส.อีสาน-กลาง-เหนือ หรือสายบ้านริมคลอง ของเฉลิม อยู่บำรุง –สายดูไบ
ด้วยทุกกลุ่มในเพื่อไทย ต่างก็มีเป้าหมายและผลประโยชน์ทางการเมืองแตกต่างกันไป ทำให้ที่ผ่านมา จึงปรากฏข่าวคนจะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สารพัดชื่อ โดยตอนแรกที่แรงสุดคงหนีไม่พ้น
”ปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”
ที่ยามนี้คือเสนาธิการใหญ่ของเพื่อไทยและทักษิณ ทั้งดูแลค่าใช้จ่ายภายในพรรค –บริหารเรื่องเงินท่อน้ำเลี้ยงที่จ่ายให้ส.ส.-รับคำสั่งจากทักษิณมาถ่ายทอดให้กับแกนนำและส.ส.ฟังถึงยุทธศาสตร์การเมืองและการเตรียมการเลือกตั้ง
ทว่า”ยิ่งลักษณ์”ที่ผ่านประสบการณ์ธุรกิจมาโชกโชน ก็ย่อมรู้ดีถึงจุดอ่อนจุดด้อยของตัวเอง โดยเฉพาะแม้ทุกคนในพรรคจะเกรงใจเธอในฐานะน้องสาวทักษิณ และผู้บริหารที่มีอำนาจเต็มในการจัดการทุกอย่างภายในพรรคเพื่อไทย แต่ความด้อยประสบการณ์ทางการเมือง ทำให้เจ้าตัวขอเวลาสะสมบารมีและประสบการณ์ก่อน
เพราะเธอรู้ดีว่าไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ เพราะถึงอย่างไร เพื่อไทยก็คือทักษิณ ทักษิณก็คือเพื่อไทย
แค่ทักษิณประกาศโฟนอินไปห้องประชุมส.ส.เพื่อไทยคำเดียวว่า
ยิ่งลักษณ์ คือผู้นำพรรคคนใหม่
เธอก็ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค หรือแม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ยังได้ หากเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลจริง
ขณะที่คนที่เคยเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ ก็มีทั้งคนที่มีสิทธิ์และคนที่เป็นแค่ข่าวปล่อยกันเองของแต่ละกลุ่มภายในพรรค เพื่อเอาชื่อขึ้นมาล่อเป้า และโยนหินถามทางเพื่อเช็กปฏิกิริยาจากคนในพรรคและกระแสสังคม
อาทิ “โดเรมิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ที่เดิมก็แรงพอใช้ได้ แต่พอแสดงบทบาทในฐานะหัวหน้าทีมการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.-พ.ร.ก.กู้เงิน 8 แสนล้านบาท ของเพื่อไทยในสภาฯ
มีสุ้มเสียงออกมาจากเพื่อไทยว่า ทักษิณ และส.ส.ในพรรคต่าง“ส่ายหัว”ให้กับความไม่เอาถ่านของมิ่งขวัญ ที่อภิปรายแบบไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว เส้นทางของมิ่งขวัญ ในเพื่อไทยจึงเหลือน้อยลงทุกทีเสียแล้ว
ส่วนโอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลพลังประชาชนก็มีโอกาสพอสมควร เพราะใกล้ชิดและทำงานกับทักษิณมานาน เพียงแต่มีจุดอ่อนเรื่องไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง และส.ส.ส่วนใหญ่ไม่ชอบ แถมเจ้าตัวก็คงไม่หวัง เพราะรอเป็นรมว.คลังมากกว่า
ขณะที่คนอื่นๆ ทั้ง พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี เพื่อน ตท.10 ของทักษิณ ที่ตอนนี้ถูกแป๊กในเก้าอี้ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมหรือ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีตประธานวุฒิสภา สองคนนี้ ดูแล้วแทบไม่มีโอกาสเป็นไปได้
อย่างพล.อ.อ.สุเมธ แทบไม่มีใครรู้จัก ไม่เคยทำงานการเมืองใดๆ จึงไม่เหมาะกับการทำศึกการเลือกตั้งที่ต้องชี้เป็นชี้ตายต่อการกลับมาเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลของเพื่อไทย และทักษิณ
ซึ่งมีเดิมพันสูงมาก เพราะหากทำไม่ได้ สิ่งที่ทักษิณสู้มาทั้งหมดก็สลายกลายเป็นอากาศธาตุส่วนมนูญกฤต พบว่าเป็นการพยายามปล่อยข่าวของ เฉลิม อยู่บำรุง ในเป้าหมายเดียวกันกับการพยายาม
ผลักดันยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือตีกันคนอื่นนั่นเอง
ขณะที่ “บิ๊กตุ้ย” พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ที่ประกาศตัวแบบอ้าแขนเต็มที่ สนใจจะมาเป็น หน.เพื่อไทย เพราะคิดว่าจะอาศัยสัมพันธ์ลูกพี่ลูกน้อยทักษิณ แล้วจะนั่งเก้าอี้นี้แบบไม่ต้องลงทุนมาก ก็ต้องหน้าแตกเช่นกัน เพราะทักษิณไม่หนุนหลังเนื่องจากเหตุผลส่วนตัว
แต่ข่าวว่า บิ๊กตุ้ย ก็ยังพยายามอยู่โดยล็อบบี้ผ่านส.ส.อีสานหลายคนให้ช่วยส่งเสียงหนุนหลังไปให้ทักษิณได้ยินถึงดูไบ
ขณะที่ที่ส.ส.บางส่วนอ้างว่า ทักษิณ กำลังทาบทาม ศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) ซึ่งประเมินแล้วน่าจะยาก เพราะคนที่รู้จัก “ดร.ซุป”ดีจะรู้ว่า อดีตรองนายกฯคนนี้ “เลือดสีน้ำเงินประชาธิปัตย์” แท้ขนาดไหน
ที่น่าจับตาคือ สองคู่หู-ดูโอการเมือง ที่เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย
เสนาะ เทียนทอง-พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก
สองชื่อนี้ล่าสุดค่อนข้างแน่ชัดว่า จะมาเพื่อไทยแน่นอน เพียงแต่จะเป็นในสูตรที่เสนาะผลักดันให้พล.ต.อ.ประชา เป็นหัวหน้าพรรค แล้วตัวเองขอเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ซึ่งสูตรนี้พบว่า ส.ส.อีสานส่วนใหญ่ก็เอาด้วย
แต่คนที่คัดค้านหัวชนฝาคือ เฉลิม ที่เป็นศัตรูคู่แค้นกับ เสนาะ มาหลายปี เพราะรู้ดีว่าหากเสนาะ-ประชา มีอำนาจในเพื่อไทยเมื่อไร บารมีเหลิมในกลุ่มส.ส.อีสาน จะหายวับไปทันที
และอีกหนึ่งคนที่ชื่อก็ติดโผในช่วงนี้ ปานปรีย์ พหิทธานุกร หลานเขย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ที่ตอนนี้ทำงานเป็นประธานคณะทำงานฝ่ายยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
เหตุที่ติดโผนอกจากเพราะมีประสบการณ์การเมืองมาเกือบยี่สิบปี ตั้งแต่เป็นเลขานุการส่วนตัว พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ในช่วงเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรองเลขาธิการและกรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนา อดีตผู้แทนการค้าไทยสมัยรัฐบาลไทยรักไทย และตำแหน่งการเมืองอีกนับไม่ถ้วน จึงรู้จักนักการเมืองหลายพรรค และคุ้นเคยกับเกมการเมืองเป็นอย่างดี แถมมีดีกรีปริญญาเอกจากต่างประเทศ
ทำให้ส.ส.หลายคนเห็นว่าน่าจะสู้กับอภิสิทธิ์ได้ เพียงแต่ต้องเร่งเปิดตัวเร็วขึ้น เพื่อผลในการเลือกตั้ง
ปานปรีย์ เป็นคนหนึ่งซึ่งเมื่อทักษิณตกต่ำและลำบาก คนในไทยรักไทยมีแต่คนรีบสละเรือทิ้ง แต่ปานปรีย์ กลับยืนอยู่ข้างเดียวกับทักษิณมาตลอด โดยอยู่กับไทยรักไทย มาจนถึงพลังประชาชน และเพื่อไทย แม้จะถูกหลายพรรคทาบทามให้ไปร่วมงาน แต่ปานปรีย์ ปฏิเสธ จึงทำให้ประทับใจทักษิณอย่างมาก จนจะผลักดันให้เป็นรัฐมนตรีมาหลายครั้งในรัฐบาลพลังประชาชน แต่เจ้าตัวไม่ขอรับตำแหน่ง ผนวกกับได้รับแรงหนุนจากพี่น้องตระกูลชินวัตร และขั้วอำนาจเก่าสายจันทร์ส่องหล้า จึงเป็นชื่อที่ติดมาในเวลานี้
ทว่าทั้งหมด ก็ยังเป็นแค่การโยนหินถามทาง และการทำให้ข่าวของเพื่อไทย แลดูคึกคักเพื่อทำให้เห็นว่า พรรคนี้กำลังกลับมาเตรียมเฟื่องฟูอีกครั้ง มีแต่คนวิ่งเข้ามาขอทำงานกับพรรค เพื่อทำให้พรรคดูมีราคามากขึ้นในทางการเมือง
และก็อย่างที่บอกไว้แต่ต้น ทั้งหมดจะยังฝุ่นตลบไปเรื่อยๆ จนกว่าสัญญาณเลือกตั้งจะมาถึง และทักษิณ ชี้นิ้วว่าจะให้ใครเป็นหัวหน้าพรรค แค่นี้ก็จบปัญหา!