วานนี้ (1ก.ค.) ที่ร.ร.ปริ้นซ์พาเลซ กลุ่มสยามสามัคคี นำโดย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา พล.อ.ภาษิต สนธิขันธ์ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตรองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา พ.ญ.พรพันธุ์ บุญยรัตพันธุ์ ส.ว.สรรหา นพ.พลเดช ปิ่นประทีป อดีต รมว.พัฒนาสังคมและทรัพยากรมนุษย์ นายปรเมศวร์ รัชไชยบุญ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม นายพลีธรรม ตริยะเกษม นายสันติสุข พรหมศิริ ได้หารือร่วมกันถึงกรณี กลุ่มเสื้อแดง ประกาศล่ารายชื่อประชาชนจำนวน 1 ล้านคน เพื่อถวายฏีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม ทางกลุ่มได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2
นายสมชาย แสวงการ แถลงว่า จากเหตุการณ์ความวุ่นวายในบ้านเมืองที่ผ่านมา ปรากฏชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณและพวก ต้องการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง รวมทั้งยังกล่าวหาสถาบันฯ จนกระทั่งถูกแจ้งความดำเนินคดี ในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณและเครือข่ายยังไม่รู้สำนึกว่า การกระทำดังกล่าว กระทบกระเทือนจิตใจคนไทยทั้งชาติ แต่กลับพยายามนำพาประเทศไปสู่ความรุนแรง ทั้งสังคมและเศรษฐกิจ และยังมีความพยายามเสนอให้ วันที่ 24 มิ.ย. เป็นวันชาติ แทนวันเฉลิมพระชนมพรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทั้งที่เป็นวันรวมใจของคนในชาติ และโดยข้อเท็จจริงประเทศอื่นในโลกที่ยังมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่างก็ได้กำหนดวันชาติ เป็นวันที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นการเสนอให้เปลี่ยนวันชาติ ย่อมเกิดคำถามว่า ขบวนการเคลื่อนไหวที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ มีทัศนคติเช่นไร
นายสมชาย กล่าวว่า การประกาศรวบรวมรายชื่อถวายฏีกาเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณนั้น สังคมต้องร่วมกันตั้งคำถามว่า เจตนาที่แท้จริงของขบวนการสนับสนุนเป็นเช่นไร เป็นการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ลงมาอยู่ระหว่างความขัดแย้งทางการเมือง เพราะไม่ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีพระบรมราชวินิจฉัยเป็นอย่างไร ย่อมจะสร้างความไม่พอใจแก่มวลชนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งจะมีผลเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
นอกจากนี้ การจะยื่นถวายฏีกาเพื่อขอให้มีพระบรมราชวินิจฉัย ปลดประธานองคมนตรี และองคมนตรี เป็นสิ่งที่ขบวนการดังกล่าวได้ประกาศมาโดยตลอด แม้จะถูกหลายฝ่ายในสังคม ประชาชนทุกภาคส่วนออกมาทักท้วงว่า เป็นการละเมิดพระราชอัธยาศัย แต่ก็ไม่ได้นำพา กลับหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง
การกระทำเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า ขบวนการเคลื่อนไหวเช่นนี้มีเจตนาที่จะก้าวล่วงหรือไม่ สังคมต้องร่วมกันจับตาและต่อต้านการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่ายที่อาจทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายรอบใหม่ และอาจลุกลามกลายเป็นสงครามประชาชน ทำให้แผ่นดินไทยนองเลือดได้อีกครั้ง
ดังนั้น ทางกลุ่มสยามสามัคคี จึงขอเรียกร้องดังนี้
1.รัฐบาลไม่ควรประเมินการเคลื่อนไหวดังกล่าวต่ำกว่าความเป็นจริง เช่น ที่เคยมองข้ามการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงที่ขัดขวางการประชุมอาเซียนที่พัทยา และกระทรวงมหาดไทย
2.นายกฯ ต้องตระหนักว่าระบอบทักษิณ เป็นขบวนการนอกกฎหมายและมีพฤติกรรมที่เป็นศัตรูต่อประเทศชาติและราชบัลลังก์
3.นายกฯในฐานะผู้นำประเทศควรตัดสินใจในปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ บนพื้นฐานผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยรวม
4.ขอเรียกร้องต่อข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักธุรกิจ นักการเมือง ที่สนับสนุนพรรคการเมืองในระบอบทักษิณ ให้ยุติการสนับสนุนหรือเกี่ยวข้องค้ำจุน
5.เรียกร้องให้กกต. ตรวจสอบพรรคการเมืองที่มีพฤติกรรมชัดเจนว่าได้รับการสนับสนุนจากพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำพิพากษาว่า มีพฤติกรรมที่เป็นปรปักษ์ต่อการปกครอง
6. เรียกร้องให้ประชาชนแสดงออกถึงการไม่เห็นด้วย หรือต่อต้านโดยสันติ และเปิดเผยต่อการที่ระบอบทักษิณ กำลังดำเนินการให้ระคายเคืองต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ด้วยการสื่อสารผ่านสื่อสารมวลชน ทุกสาขา
ด้านพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม กล่าวว่า กลุ่มสยามสามัคคี เคยออกแถลงการณ์มาแล้วครั้งหนึ่งก่อนเหตุเมษาฯจลาจล แต่โชคดีที่ประชาชนไม่ให้ความร่วมมือกับกลุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณและพวก ทำให้คนพวกนี้ยุติบทบาทไป มาครั้งนี้ทางกลุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกยังมีเจตนาจะก่อความวุ่นวาย จะล่ารายชื่อเพื่อถวายฎีกา เป็นการส่อเจตนาที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และสร้างความสับสนให้กับประชาชน โดยเฉพาะการใช้พลังมวลชนยื่นถวายฎีกา ซึ่งไม่ว่าพระองค์จะทรงวินิจฉัยอย่างไรก็จะเกิดผลกระทบแน่นอน ซึ่งเป็นการระคายเคืองเบื้องยุคลบาท จึงขอเรียกร้องให้ประชาชนและสังคมได้พึงตระหนัก และออกมาต่อต้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าว
ขณะที่พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ กล่าวว่า ทางกลุ่มสยามสามัคคี ได้วิเคราะห์ถึงการเคลื่อนไหวขอพระราชทานอภัยโทษของกลุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกแล้ว มีอยู่ 2 ประเด็น คือ พ.ต.ท.ทักษิณตกกระไดพลอยโจนไปกับนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง หรือไม่ก็เป็นการสมรู้ร่วมคิดกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเกิดผลเสีย 3 ด้าน คือ
1. กลุ่มที่ไม่พอใจพ.ต.ท.ทักษิณ หรือฝ่ายตรงข้าม จะออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน ซึ่งจะทำให้เกิดการเผชิญหน้า เกิดการต่อสู้ระหว่างประชาชนกับประชาชนอีกครั้งหนึ่ง
2. การล่ารายชื่อจะทำให้ประชาชนที่อยู่ห่างไกลข่าวสาร เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษจริง ทั้งที่เงื่อนไขเป็นไปไม่ได้
3. ไม่ว่าจะได้รายชื่อครบ 1 ล้านชื่อหรือไม่ หากไม่เข้าเกณฑ์ทางสำนักพระราชวัง ก็ไม่สามารถยกเรื่องขึ้นมาพิจารณาได้ เมื่อนั้นจะมีการกล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ทรงมีพระกรุณาต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณว่า เป็นเรื่องของกรอบกฎหมาย ต้องดูกฏหมาย ส่วนจะสามารถทำได้หรือไม่นั้น ตนยังไม่ทราบ ต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทางด้านกฏหมายไปปรึกษาหารือกัน เพราะเป็นเรื่องของกรอบของกฎหมาย
เมื่อถามว่า กลุ่มเสื้อแดงมีการลงพื้นที่ล่ารายชื่อประชาชนจะส่งผลกระทบต่องานด้านความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องที่ใครอยากจะทำอะไรก็ทำ ต้องมีกฎหมายดูแล
นายสมชาย แสวงการ แถลงว่า จากเหตุการณ์ความวุ่นวายในบ้านเมืองที่ผ่านมา ปรากฏชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณและพวก ต้องการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง รวมทั้งยังกล่าวหาสถาบันฯ จนกระทั่งถูกแจ้งความดำเนินคดี ในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณและเครือข่ายยังไม่รู้สำนึกว่า การกระทำดังกล่าว กระทบกระเทือนจิตใจคนไทยทั้งชาติ แต่กลับพยายามนำพาประเทศไปสู่ความรุนแรง ทั้งสังคมและเศรษฐกิจ และยังมีความพยายามเสนอให้ วันที่ 24 มิ.ย. เป็นวันชาติ แทนวันเฉลิมพระชนมพรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทั้งที่เป็นวันรวมใจของคนในชาติ และโดยข้อเท็จจริงประเทศอื่นในโลกที่ยังมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่างก็ได้กำหนดวันชาติ เป็นวันที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นการเสนอให้เปลี่ยนวันชาติ ย่อมเกิดคำถามว่า ขบวนการเคลื่อนไหวที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ มีทัศนคติเช่นไร
นายสมชาย กล่าวว่า การประกาศรวบรวมรายชื่อถวายฏีกาเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณนั้น สังคมต้องร่วมกันตั้งคำถามว่า เจตนาที่แท้จริงของขบวนการสนับสนุนเป็นเช่นไร เป็นการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ลงมาอยู่ระหว่างความขัดแย้งทางการเมือง เพราะไม่ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีพระบรมราชวินิจฉัยเป็นอย่างไร ย่อมจะสร้างความไม่พอใจแก่มวลชนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งจะมีผลเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
นอกจากนี้ การจะยื่นถวายฏีกาเพื่อขอให้มีพระบรมราชวินิจฉัย ปลดประธานองคมนตรี และองคมนตรี เป็นสิ่งที่ขบวนการดังกล่าวได้ประกาศมาโดยตลอด แม้จะถูกหลายฝ่ายในสังคม ประชาชนทุกภาคส่วนออกมาทักท้วงว่า เป็นการละเมิดพระราชอัธยาศัย แต่ก็ไม่ได้นำพา กลับหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง
การกระทำเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า ขบวนการเคลื่อนไหวเช่นนี้มีเจตนาที่จะก้าวล่วงหรือไม่ สังคมต้องร่วมกันจับตาและต่อต้านการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่ายที่อาจทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายรอบใหม่ และอาจลุกลามกลายเป็นสงครามประชาชน ทำให้แผ่นดินไทยนองเลือดได้อีกครั้ง
ดังนั้น ทางกลุ่มสยามสามัคคี จึงขอเรียกร้องดังนี้
1.รัฐบาลไม่ควรประเมินการเคลื่อนไหวดังกล่าวต่ำกว่าความเป็นจริง เช่น ที่เคยมองข้ามการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงที่ขัดขวางการประชุมอาเซียนที่พัทยา และกระทรวงมหาดไทย
2.นายกฯ ต้องตระหนักว่าระบอบทักษิณ เป็นขบวนการนอกกฎหมายและมีพฤติกรรมที่เป็นศัตรูต่อประเทศชาติและราชบัลลังก์
3.นายกฯในฐานะผู้นำประเทศควรตัดสินใจในปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ บนพื้นฐานผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยรวม
4.ขอเรียกร้องต่อข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักธุรกิจ นักการเมือง ที่สนับสนุนพรรคการเมืองในระบอบทักษิณ ให้ยุติการสนับสนุนหรือเกี่ยวข้องค้ำจุน
5.เรียกร้องให้กกต. ตรวจสอบพรรคการเมืองที่มีพฤติกรรมชัดเจนว่าได้รับการสนับสนุนจากพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำพิพากษาว่า มีพฤติกรรมที่เป็นปรปักษ์ต่อการปกครอง
6. เรียกร้องให้ประชาชนแสดงออกถึงการไม่เห็นด้วย หรือต่อต้านโดยสันติ และเปิดเผยต่อการที่ระบอบทักษิณ กำลังดำเนินการให้ระคายเคืองต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ด้วยการสื่อสารผ่านสื่อสารมวลชน ทุกสาขา
ด้านพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม กล่าวว่า กลุ่มสยามสามัคคี เคยออกแถลงการณ์มาแล้วครั้งหนึ่งก่อนเหตุเมษาฯจลาจล แต่โชคดีที่ประชาชนไม่ให้ความร่วมมือกับกลุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณและพวก ทำให้คนพวกนี้ยุติบทบาทไป มาครั้งนี้ทางกลุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกยังมีเจตนาจะก่อความวุ่นวาย จะล่ารายชื่อเพื่อถวายฎีกา เป็นการส่อเจตนาที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และสร้างความสับสนให้กับประชาชน โดยเฉพาะการใช้พลังมวลชนยื่นถวายฎีกา ซึ่งไม่ว่าพระองค์จะทรงวินิจฉัยอย่างไรก็จะเกิดผลกระทบแน่นอน ซึ่งเป็นการระคายเคืองเบื้องยุคลบาท จึงขอเรียกร้องให้ประชาชนและสังคมได้พึงตระหนัก และออกมาต่อต้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าว
ขณะที่พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ กล่าวว่า ทางกลุ่มสยามสามัคคี ได้วิเคราะห์ถึงการเคลื่อนไหวขอพระราชทานอภัยโทษของกลุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกแล้ว มีอยู่ 2 ประเด็น คือ พ.ต.ท.ทักษิณตกกระไดพลอยโจนไปกับนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง หรือไม่ก็เป็นการสมรู้ร่วมคิดกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเกิดผลเสีย 3 ด้าน คือ
1. กลุ่มที่ไม่พอใจพ.ต.ท.ทักษิณ หรือฝ่ายตรงข้าม จะออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน ซึ่งจะทำให้เกิดการเผชิญหน้า เกิดการต่อสู้ระหว่างประชาชนกับประชาชนอีกครั้งหนึ่ง
2. การล่ารายชื่อจะทำให้ประชาชนที่อยู่ห่างไกลข่าวสาร เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษจริง ทั้งที่เงื่อนไขเป็นไปไม่ได้
3. ไม่ว่าจะได้รายชื่อครบ 1 ล้านชื่อหรือไม่ หากไม่เข้าเกณฑ์ทางสำนักพระราชวัง ก็ไม่สามารถยกเรื่องขึ้นมาพิจารณาได้ เมื่อนั้นจะมีการกล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ทรงมีพระกรุณาต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณว่า เป็นเรื่องของกรอบกฎหมาย ต้องดูกฏหมาย ส่วนจะสามารถทำได้หรือไม่นั้น ตนยังไม่ทราบ ต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทางด้านกฏหมายไปปรึกษาหารือกัน เพราะเป็นเรื่องของกรอบของกฎหมาย
เมื่อถามว่า กลุ่มเสื้อแดงมีการลงพื้นที่ล่ารายชื่อประชาชนจะส่งผลกระทบต่องานด้านความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องที่ใครอยากจะทำอะไรก็ทำ ต้องมีกฎหมายดูแล
