ASTVผู้จัดการรายวัน - ธนาคารออมสินรับเป็นเจ้าภาพ จัดประชุมสถาบันออมสินโลกระดับภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค พร้อมผลักดันให้มีความร่วมมือของกลุ่มสมาชิก รุกบริการเอทีเอ็มเน็ตเวิร์ค ให้บริการโอนเงินระหว่างกัน รองรับการใช้บริการของลูกค้าในต่างแดน
นายยงยุทธ ตะริโย รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินกลุ่มปฏิบัติการ รักษาการกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและดูแลกลั่นกรองสายงานบริหารความเสี่ยง ในฐานะประธานสถาบันธนาคารออมสินโลกประจำภูมิภาค เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมของสถาบันธนาคารออมสินโลกระดับภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค ครั้งที่ 15 วันที่ 29-30 มิ.ย.นี้ โดยมี 24 สมาชิก 17 ประเทศเข้าร่วมประชุม
ในการประชุมครั้งนี้เพื่อติดตามความคืบหน้าของการบริการใหม่ๆของประเทศสมาชิก โดยเฉพาะการหารือถึงแนวคิดในการผลักดันให้มีเอทีเอ็มเน็ตเวิร์คในเอเชีย เพื่อเชื่อมโยงระหว่างเซฟวิ่งแบงก์ด้วยกันและขยายไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาพักผ่อนในเมืองไทย เนื่อจากพบว่าชาวยุโรปเป็นลูกค้าของเซฟวิ่งแบงก์มากถึง 80-90%
นอกจากนั้นยังมีผลดีในด้านการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านสาขาของเซฟวิ่งแบงก์ประเทศนั้นๆ ซึ่งจะเอประโยชน์ให้ผู้ที่ไปทำงานต่างประเทศสามารถโอนเงินกลับมาให้ครอบครัวได้ในต้นทุนที่ถูกลง โดยสถิติพบว่าแต่ละปีมีการโอนเงินมากถึง 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จึงมองว่าเซฟวิ่งแบงก์ที่เป็นสมาชิกขณะนี้มีมากถึง 110 สมาชิกจาก 92 ประเทศทั่วโลกรวมแล้วมีสาขากว่า 2 แสนสาขา สินทรัพย์รวม 370 ล้านล้านบาท เฉพาะในเอเชียมีสาขา 8.7 หมื่นสาขา จึงน่าจะมีศักยภาพดำเนินการได้เหมือนสหยูเนี่ยน
อย่างไรก็ตามการโอนเงินระหว่างสาขาของเซฟวิ่งแบงก์นี้องมีเซ็นเตอร์ที่เชื่อมโยงข้อมูลและต้องดำเนินการตามระเบียบของธนาคารกลางของทั้ง 2 ฝ่ายในการรายงานข้อมูลการโอนเงินเข้า-ออกจากประเทศเพื่อป้องกันการฟอกเงิน ซึ่งเรื่องดังกล่าวน่าจะดำเนินการได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก
“ในการประชุมครั้งนี้จะถือโอกาสหยิบยกประเด็นความร่วมมือด้านดังกล่าวมาหารือกันเพื่อผลักดันให้เห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป โดยทางสถาบันธนาคารออมสินโลก จะต้องเป็นผู้วางระบบต่างๆในการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างประเทศสมาชิกเริ่มจากระดับภูมิภาคก่อนจะขยายไปทั่วโลก”
นายยงยุทธกล่าวว่า ธนาคารออมสินแต่ละประเทศจะมีการหารือถึงบทบาทในการสนับสนุนเชิงสังคมให้มากขึ้นด้วย ซึ่งของไทยเองก็มีธนาคารประชาชาชนที่เป็นบริการที่จะส่งเข้าประกวดชิงเงินรางวัลจากมูลนิธิของบิลเกตที่ตั้งไว้ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยยอมรับว่าไทยยังไม่ลงลึกลงไปถึงลูกค้าทุกกลุ่มเหมือนธนาคารของอินเดียที่รับฝากและปล่อยกู้ให้ขอทาน แต่ต่อไปเราจะรุกให้บริการอย่างทั่วถึง รวดเร็วและเพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้น.
นายยงยุทธ ตะริโย รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินกลุ่มปฏิบัติการ รักษาการกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและดูแลกลั่นกรองสายงานบริหารความเสี่ยง ในฐานะประธานสถาบันธนาคารออมสินโลกประจำภูมิภาค เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมของสถาบันธนาคารออมสินโลกระดับภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค ครั้งที่ 15 วันที่ 29-30 มิ.ย.นี้ โดยมี 24 สมาชิก 17 ประเทศเข้าร่วมประชุม
ในการประชุมครั้งนี้เพื่อติดตามความคืบหน้าของการบริการใหม่ๆของประเทศสมาชิก โดยเฉพาะการหารือถึงแนวคิดในการผลักดันให้มีเอทีเอ็มเน็ตเวิร์คในเอเชีย เพื่อเชื่อมโยงระหว่างเซฟวิ่งแบงก์ด้วยกันและขยายไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาพักผ่อนในเมืองไทย เนื่อจากพบว่าชาวยุโรปเป็นลูกค้าของเซฟวิ่งแบงก์มากถึง 80-90%
นอกจากนั้นยังมีผลดีในด้านการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านสาขาของเซฟวิ่งแบงก์ประเทศนั้นๆ ซึ่งจะเอประโยชน์ให้ผู้ที่ไปทำงานต่างประเทศสามารถโอนเงินกลับมาให้ครอบครัวได้ในต้นทุนที่ถูกลง โดยสถิติพบว่าแต่ละปีมีการโอนเงินมากถึง 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จึงมองว่าเซฟวิ่งแบงก์ที่เป็นสมาชิกขณะนี้มีมากถึง 110 สมาชิกจาก 92 ประเทศทั่วโลกรวมแล้วมีสาขากว่า 2 แสนสาขา สินทรัพย์รวม 370 ล้านล้านบาท เฉพาะในเอเชียมีสาขา 8.7 หมื่นสาขา จึงน่าจะมีศักยภาพดำเนินการได้เหมือนสหยูเนี่ยน
อย่างไรก็ตามการโอนเงินระหว่างสาขาของเซฟวิ่งแบงก์นี้องมีเซ็นเตอร์ที่เชื่อมโยงข้อมูลและต้องดำเนินการตามระเบียบของธนาคารกลางของทั้ง 2 ฝ่ายในการรายงานข้อมูลการโอนเงินเข้า-ออกจากประเทศเพื่อป้องกันการฟอกเงิน ซึ่งเรื่องดังกล่าวน่าจะดำเนินการได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก
“ในการประชุมครั้งนี้จะถือโอกาสหยิบยกประเด็นความร่วมมือด้านดังกล่าวมาหารือกันเพื่อผลักดันให้เห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป โดยทางสถาบันธนาคารออมสินโลก จะต้องเป็นผู้วางระบบต่างๆในการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างประเทศสมาชิกเริ่มจากระดับภูมิภาคก่อนจะขยายไปทั่วโลก”
นายยงยุทธกล่าวว่า ธนาคารออมสินแต่ละประเทศจะมีการหารือถึงบทบาทในการสนับสนุนเชิงสังคมให้มากขึ้นด้วย ซึ่งของไทยเองก็มีธนาคารประชาชาชนที่เป็นบริการที่จะส่งเข้าประกวดชิงเงินรางวัลจากมูลนิธิของบิลเกตที่ตั้งไว้ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยยอมรับว่าไทยยังไม่ลงลึกลงไปถึงลูกค้าทุกกลุ่มเหมือนธนาคารของอินเดียที่รับฝากและปล่อยกู้ให้ขอทาน แต่ต่อไปเราจะรุกให้บริการอย่างทั่วถึง รวดเร็วและเพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้น.
