เอเอฟพี – เกิดเหตุระเบิดรถบรรทุกคันหนึ่งใกลักับเมืองเคอร์คุกซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอิรักในวันเสาร์ (20) ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 72 คน และบาดเจ็บ 163 คน นับเป็นเหตุโจมตีร้ายแรงที่สุดในรอบ 15 เดือน โดยมองกันว่าเป็นฝีมือพวกอัลกออิดะห์ และเกิดขึ้นในห้วงเวลาที่สหรัฐฯ มีกำหนดเริ่มถอนทหารออกจากอิรักในอีก 10 วันข้างหน้า
เหตุระเบิดเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณบ่ายโมงตามเวลาท้องถิ่น (17.00 เวลาประเทศไทย) ใกล้กับมัสยิดแห่งหนึ่งในเขตทาซา คาร์มาตุ ซึ่งอยู่ทางด้านใต้ของเมืองเคอร์คุก พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งน้ำมันของอิรัก โดยมีชาวมุสลิมนิกายชีอะห์เชื้อสายเติร์กเมนิสถานอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีชาวเคิร์ด และชาวอาหรับอาศัยอยู่ด้วย
ทางการอิรักระบุว่าเหยื่อระเบิดมีทั้งผู้หญิงและเด็กๆ โดยในรถบรรทุกดังกล่าวมีระเบิดอยู่ถึงกว่าหนึ่งตัน
นายกรัฐมนตรีนูรี อัล-มาลิกิ ระบุในคำแถลงว่า “อาชญากรรมอันน่ารังเกียจครั้งนี้เป็นความพยายามที่จะทำลายความมั่นคงและเสถียรภาพของอิรัก และยังเป็นการสร้างกระแสไม่ไว้วางใจในกองกำลังตำรวจทหารของอิรักให้แพร่กระจายออกไป”
“กองกำลังของเราจะจับกุมผู้ก่ออาชญากรรมที่ทาซา คาร์มาดุ แล้วนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้” เขากล่าว
ขณะที่ พลตำรวจจัตวา ซาร์ฮัต กอดีร์ บอกว่า การที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากการโจมตีเมื่อวันเสาร์สูงลิ่วเช่นนี้ เนื่องจากบ้านเรือนที่ทำด้วยอิฐราว 30 หลังรอบๆ มัสยิด ต่างได้รับความเสียหายหนัก โดยที่ตัวมัสยิดเองก็ถูกทำลายราบ
“การปฏิบัติการคราวนี้มีร่องรอยหลายอย่างที่เหมือนกับเป็นลายนิ้วมือของอัลกออิดะห์” เขากล่าว พร้อมกับเสริมว่ายังกำลังดำเนินการสอบสวนกันอยู่ ทั้งนี้มีรายงานหลายกระแสขัดแย้งกันว่า การโจมตีคราวนี้กระทำโดยมือระเบิดฆ่าตัวตาย หรือรถบรรทุกคันดังกล่าวถูกกับระเบิดกันแน่
ทางด้านแนวร่วมเติร์กเมน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองหลักของชาวเติร์กเมนในอิรัก ประกาศไว้ทุกข์เป็นเวลาสามวัน และเรียกร้องให้มีการ “สืบสวนเหตุการณ์ทันที และจับตัวอาญากรมาขึ้นศาลให้ได้”
นอกจากนั้น ในวันเดียวกันก็ยังเกิดระเบิดรถยนต์คันหนึ่งในเมืองฟัลลูจาห์ ทางตะวันตกของแบกแดดด้วย มีตำรวจเสียชีวิต 3 นาย และประชาชนอีก 7 คน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์ ซาบาห์ อัล-ดาอูดี ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุขของอิรักในเคอร์คุก ระบุว่า เหตุร้ายที่เขตทาซา มีผู้เสียชวิตแล้ว 64 คน และบาดเจ็บอีก 202 คน แต่ต่อมาทางการได้ปรับตัวเลขเป็นตาย 72 คน บาดเจ็บ 163 คน
แม้เพียงตัวเลขเดิม ก็ทำให้เหตุร้ายครั้งนี้กลายเป็นการโจมตีครั้งรุนแรงที่สุดในอิรัก นับตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2008 ซึ่งเกิดระเบิดบนถนนภายหลังมือระเบิดฆ่าตัวตายบุกก่อเหตุกลางกรุงแบกแดด ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 68 คน
การระเบิดที่ใกล้เมืองเคอร์คุกคราวนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาก่อนหน้ากำหนดเส้นตายถอนทหารสหรัฐฯ ออกจากเขตตัวเมืองใหญ่ทั้งหมดของอิรักเพียงราวหนึ่งสัปดาห์ โดยตามข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ กับอิรักนั้น การถอนทหารจะเสร็จสิ้นทั้งหมดภายในปลายปี 2011
นายกรัฐมนตรีอิรักได้ออกมาเตือนในเดือนนี้แล้วว่ากลุ่มก่อการร้ายคงจะเพิ่มการโจมตีในช่วงหลายสัปดาห์นี้ โดยหวังจะบ่อนทำลายความเชื่อมั่นต่อกองกำลังรักษาความมั่นคงของอิรัก
อนึ่ง เหตุรุนแรงในอิรักได้ลดน้อยลงอย่างมากในช่วงก่อนหน้านี้ โดยในเดือนพฤษภาคมมียอดผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงต่ำที่สุดนับตั้งแต่การบุกอิรักในปี 2003 แต่เหตุโจมตีก็เกิดขึ้นอยู่ประปรายเรื่อยมา โดยเฉพาะในกรุงแบกแดด และเมืองโมซุลซึ่งเป็นเมืองเอกทางภาคเหนือ
เหตุระเบิดเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณบ่ายโมงตามเวลาท้องถิ่น (17.00 เวลาประเทศไทย) ใกล้กับมัสยิดแห่งหนึ่งในเขตทาซา คาร์มาตุ ซึ่งอยู่ทางด้านใต้ของเมืองเคอร์คุก พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งน้ำมันของอิรัก โดยมีชาวมุสลิมนิกายชีอะห์เชื้อสายเติร์กเมนิสถานอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีชาวเคิร์ด และชาวอาหรับอาศัยอยู่ด้วย
ทางการอิรักระบุว่าเหยื่อระเบิดมีทั้งผู้หญิงและเด็กๆ โดยในรถบรรทุกดังกล่าวมีระเบิดอยู่ถึงกว่าหนึ่งตัน
นายกรัฐมนตรีนูรี อัล-มาลิกิ ระบุในคำแถลงว่า “อาชญากรรมอันน่ารังเกียจครั้งนี้เป็นความพยายามที่จะทำลายความมั่นคงและเสถียรภาพของอิรัก และยังเป็นการสร้างกระแสไม่ไว้วางใจในกองกำลังตำรวจทหารของอิรักให้แพร่กระจายออกไป”
“กองกำลังของเราจะจับกุมผู้ก่ออาชญากรรมที่ทาซา คาร์มาดุ แล้วนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้” เขากล่าว
ขณะที่ พลตำรวจจัตวา ซาร์ฮัต กอดีร์ บอกว่า การที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากการโจมตีเมื่อวันเสาร์สูงลิ่วเช่นนี้ เนื่องจากบ้านเรือนที่ทำด้วยอิฐราว 30 หลังรอบๆ มัสยิด ต่างได้รับความเสียหายหนัก โดยที่ตัวมัสยิดเองก็ถูกทำลายราบ
“การปฏิบัติการคราวนี้มีร่องรอยหลายอย่างที่เหมือนกับเป็นลายนิ้วมือของอัลกออิดะห์” เขากล่าว พร้อมกับเสริมว่ายังกำลังดำเนินการสอบสวนกันอยู่ ทั้งนี้มีรายงานหลายกระแสขัดแย้งกันว่า การโจมตีคราวนี้กระทำโดยมือระเบิดฆ่าตัวตาย หรือรถบรรทุกคันดังกล่าวถูกกับระเบิดกันแน่
ทางด้านแนวร่วมเติร์กเมน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองหลักของชาวเติร์กเมนในอิรัก ประกาศไว้ทุกข์เป็นเวลาสามวัน และเรียกร้องให้มีการ “สืบสวนเหตุการณ์ทันที และจับตัวอาญากรมาขึ้นศาลให้ได้”
นอกจากนั้น ในวันเดียวกันก็ยังเกิดระเบิดรถยนต์คันหนึ่งในเมืองฟัลลูจาห์ ทางตะวันตกของแบกแดดด้วย มีตำรวจเสียชีวิต 3 นาย และประชาชนอีก 7 คน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์ ซาบาห์ อัล-ดาอูดี ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุขของอิรักในเคอร์คุก ระบุว่า เหตุร้ายที่เขตทาซา มีผู้เสียชวิตแล้ว 64 คน และบาดเจ็บอีก 202 คน แต่ต่อมาทางการได้ปรับตัวเลขเป็นตาย 72 คน บาดเจ็บ 163 คน
แม้เพียงตัวเลขเดิม ก็ทำให้เหตุร้ายครั้งนี้กลายเป็นการโจมตีครั้งรุนแรงที่สุดในอิรัก นับตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2008 ซึ่งเกิดระเบิดบนถนนภายหลังมือระเบิดฆ่าตัวตายบุกก่อเหตุกลางกรุงแบกแดด ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 68 คน
การระเบิดที่ใกล้เมืองเคอร์คุกคราวนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาก่อนหน้ากำหนดเส้นตายถอนทหารสหรัฐฯ ออกจากเขตตัวเมืองใหญ่ทั้งหมดของอิรักเพียงราวหนึ่งสัปดาห์ โดยตามข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ กับอิรักนั้น การถอนทหารจะเสร็จสิ้นทั้งหมดภายในปลายปี 2011
นายกรัฐมนตรีอิรักได้ออกมาเตือนในเดือนนี้แล้วว่ากลุ่มก่อการร้ายคงจะเพิ่มการโจมตีในช่วงหลายสัปดาห์นี้ โดยหวังจะบ่อนทำลายความเชื่อมั่นต่อกองกำลังรักษาความมั่นคงของอิรัก
อนึ่ง เหตุรุนแรงในอิรักได้ลดน้อยลงอย่างมากในช่วงก่อนหน้านี้ โดยในเดือนพฤษภาคมมียอดผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงต่ำที่สุดนับตั้งแต่การบุกอิรักในปี 2003 แต่เหตุโจมตีก็เกิดขึ้นอยู่ประปรายเรื่อยมา โดยเฉพาะในกรุงแบกแดด และเมืองโมซุลซึ่งเป็นเมืองเอกทางภาคเหนือ
