รอยเตอร์ – อินเตอร์เนชั่นแนล ไครซิส กรุ๊ป (ไอซีจี) องค์การศึกษาวิจัยนอกภาครัฐบาลชื่อดัง เผยแพร่รายงานเมื่อวานนี้ (18) ซึ่งระบุว่าเกาหลีเหนือมีอาวุธเคมีเป็นจำนวนหลายพันตัน ที่อาจจะใช้ติดขีปนาวุธเพื่อโจมตีเกาหลีใต้ได้ทันที
ทั้งนี้ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้เพิ่มความตึงเครียดให้กับภูมิภาคเอเชียเหนือ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่กุมเศรษฐกิจโลกไว้ถึงหนึ่งในหก โดยเกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธ และข่มขู่ว่าจะเข้าโจมตีเกาหลีใต้ อีกทั้งยังทดสอบนิวเคลียร์ไปเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา จนสหประชาชาติประกาศคว่ำบาตร
รายงานจากไอซีจีระบุว่า มีความเห็นสอดคล้องต้องกันโดยทั่วไปว่า เกาหลีเหนือนั้นครอบครองอาวุธเคมีไว้เป็นจำนวนราว 2,500-5,000 ตัน ซึ่งรวมถึงก๊าซพิษที่ชื่อ “ซาริน” ที่เป็นสารทำลายประสาทร้ายแรงด้วย
“หากมีการขยายความขัดแย้งออกไปและหากเกิดการโจมตีทางทหารขึ้น ก็มีความเสี่ยงว่าจะมีการใช้สารเหล่านี้ ในแง่ของอาวุธตามแบบฉบังแล้ว เราเชื่อว่าเกาหลีเหนืออยู่ในฐานะอ่อนแอ และพวกเขารู้สึกว่าอาจจะต้องหันมาใช้สารเหล่านี้” แดเนียล พิงค์สตัน ตัวแทนของไอซีจี กล่าวที่กรุงโซล
ในรายงานระบุอีกว่า เกาหลีเหนือสะสมอาวุธเคมีมาหลายสิบปีแล้ว และสามารถยิงอาวุธเหล่านี้ด้วยปืนใหญ่พิสัยไกลที่มุ่งเป้าไปยังบริเวณกรุงโซล ซึ่งประชากรเกาหลีใต้ 49 ล้านคนอาศัยอยู่ในพื้นที่แถบนี้ถึงครึ่งหนึ่ง นอกจากนั้นโสมแดงยังอาจยิงด้วยขีปนาวุธ ที่สามารถไปถึงเป้าหมายในเกาหลีใต้ทั่วทั้งประเทศด้วย
“แม้ดูเหมือนว่าอาวุธเคมีที่สะสมไว้จะไม่ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่เท่าที่มีอยู่ก็มากเพียงพอที่จะทำให้พลเรือนของเกาหลีใต้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมหาศาล" รายงานระบุ
ส่วนโครงการอาวุธชีวภาพนั้น รายงานระบุว่าเกาหลีเหนือกำลังดำเนินการเช่นกัน แต่พิงค์สตันไม่คิดว่าเกาหลีเหนือจะพัฒนาโครงการอาวุธดังกล่าวได้สมบูรณ์แล้ว
นอกจากนั้น ในรายงานอีกฉบับหนึ่งของไอซีจีที่นำออกเผยแพร่พร้อมๆ กัน ยังระบุว่าเกาหลีเหนือได้ติดตั้งจรวดประเภท “สกั๊ด” จำนวนมากกว่า 600 ลูก ซึ่งสามารถทำลายเกาหลีใต้ได้ทั้งหมด และยังมีขีปนาวุธ “โรดอง” อีก 320 ลูกที่สามารถโจมตีญี่ปุ่นด้วย
ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธหลายคนเชื่อว่าเกาหลีเหนือยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าที่จะสามารถพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ให้มีขนาดเล็กพอที่จะติดหัวรบของขีปนาวุธ และยังต้องทดสอบอีกหลายครั้งกว่าที่จะประสบความสำเร็จ
**ทดสอบขีปนาวุธ**
โฆษกของกองกำลังรักษาชายฝั่งของญี่ปุ่นระบุว่า เกาหลีเหนือได้เตือนให้เรือต่างๆ ออกห่างจากน่านน้ำของเมืองวอนซาน ทางตะวันออกไปจนถึงปลายเดือนนี้ ซึ่งทำให้สงสัยกันว่าโสมแดงจะมีการทดสอบขีปนาวุธในบริเวณดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้จากชายฝั่งทางตะวันออกของประเทศภายหลังการทดสอบนิวเคลียร์เมื่อเดือนพฤษภาคมด้วย และเมื่อเดือนเมษายนก็ได้ทดสอบการยิงจรวด โดยอ้างว่าเป็นการยิงจรวดปล่อยดาวเทียม
นอกจากนั้น หนังสือพิมพ์โยมิอูริ ของญี่ปุ่นยังรายงานโดยอ้างนักวิเคราะห์ของกระทรวงกลาโหมระบุว่า เกาหลีเหนืออาจกำลังเตรียมทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามประเทศญี่ปุ่นในช่วงสองสามสัปดาห์นี้ด้วย
นักวิเคราะห์ชี้ว่าการทดสอบอาวุธของเกาหลีเหนือเหล่านี้ มีขึ้นเพื่อระดมการสนับสนุนภายในประเทศต่อประธานคิมจองอิล วัย 67 ปี ซึ่งกำลังวางตัวลูกชายคนเล็กให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำคนต่อไป หลังจากที่มีข่าวว่าเขาล้มป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองเมื่อปีที่แล้ว
อนึ่ง เกาหลีเหนือได้ตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรครั้งล่าสุดของสหประชาชาติ โดยระบุเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจะเริ่มโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเป็นอีกเส้นทางหนึ่งในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์
ทั้งนี้ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้เพิ่มความตึงเครียดให้กับภูมิภาคเอเชียเหนือ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่กุมเศรษฐกิจโลกไว้ถึงหนึ่งในหก โดยเกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธ และข่มขู่ว่าจะเข้าโจมตีเกาหลีใต้ อีกทั้งยังทดสอบนิวเคลียร์ไปเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา จนสหประชาชาติประกาศคว่ำบาตร
รายงานจากไอซีจีระบุว่า มีความเห็นสอดคล้องต้องกันโดยทั่วไปว่า เกาหลีเหนือนั้นครอบครองอาวุธเคมีไว้เป็นจำนวนราว 2,500-5,000 ตัน ซึ่งรวมถึงก๊าซพิษที่ชื่อ “ซาริน” ที่เป็นสารทำลายประสาทร้ายแรงด้วย
“หากมีการขยายความขัดแย้งออกไปและหากเกิดการโจมตีทางทหารขึ้น ก็มีความเสี่ยงว่าจะมีการใช้สารเหล่านี้ ในแง่ของอาวุธตามแบบฉบังแล้ว เราเชื่อว่าเกาหลีเหนืออยู่ในฐานะอ่อนแอ และพวกเขารู้สึกว่าอาจจะต้องหันมาใช้สารเหล่านี้” แดเนียล พิงค์สตัน ตัวแทนของไอซีจี กล่าวที่กรุงโซล
ในรายงานระบุอีกว่า เกาหลีเหนือสะสมอาวุธเคมีมาหลายสิบปีแล้ว และสามารถยิงอาวุธเหล่านี้ด้วยปืนใหญ่พิสัยไกลที่มุ่งเป้าไปยังบริเวณกรุงโซล ซึ่งประชากรเกาหลีใต้ 49 ล้านคนอาศัยอยู่ในพื้นที่แถบนี้ถึงครึ่งหนึ่ง นอกจากนั้นโสมแดงยังอาจยิงด้วยขีปนาวุธ ที่สามารถไปถึงเป้าหมายในเกาหลีใต้ทั่วทั้งประเทศด้วย
“แม้ดูเหมือนว่าอาวุธเคมีที่สะสมไว้จะไม่ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่เท่าที่มีอยู่ก็มากเพียงพอที่จะทำให้พลเรือนของเกาหลีใต้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมหาศาล" รายงานระบุ
ส่วนโครงการอาวุธชีวภาพนั้น รายงานระบุว่าเกาหลีเหนือกำลังดำเนินการเช่นกัน แต่พิงค์สตันไม่คิดว่าเกาหลีเหนือจะพัฒนาโครงการอาวุธดังกล่าวได้สมบูรณ์แล้ว
นอกจากนั้น ในรายงานอีกฉบับหนึ่งของไอซีจีที่นำออกเผยแพร่พร้อมๆ กัน ยังระบุว่าเกาหลีเหนือได้ติดตั้งจรวดประเภท “สกั๊ด” จำนวนมากกว่า 600 ลูก ซึ่งสามารถทำลายเกาหลีใต้ได้ทั้งหมด และยังมีขีปนาวุธ “โรดอง” อีก 320 ลูกที่สามารถโจมตีญี่ปุ่นด้วย
ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธหลายคนเชื่อว่าเกาหลีเหนือยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าที่จะสามารถพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ให้มีขนาดเล็กพอที่จะติดหัวรบของขีปนาวุธ และยังต้องทดสอบอีกหลายครั้งกว่าที่จะประสบความสำเร็จ
**ทดสอบขีปนาวุธ**
โฆษกของกองกำลังรักษาชายฝั่งของญี่ปุ่นระบุว่า เกาหลีเหนือได้เตือนให้เรือต่างๆ ออกห่างจากน่านน้ำของเมืองวอนซาน ทางตะวันออกไปจนถึงปลายเดือนนี้ ซึ่งทำให้สงสัยกันว่าโสมแดงจะมีการทดสอบขีปนาวุธในบริเวณดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้จากชายฝั่งทางตะวันออกของประเทศภายหลังการทดสอบนิวเคลียร์เมื่อเดือนพฤษภาคมด้วย และเมื่อเดือนเมษายนก็ได้ทดสอบการยิงจรวด โดยอ้างว่าเป็นการยิงจรวดปล่อยดาวเทียม
นอกจากนั้น หนังสือพิมพ์โยมิอูริ ของญี่ปุ่นยังรายงานโดยอ้างนักวิเคราะห์ของกระทรวงกลาโหมระบุว่า เกาหลีเหนืออาจกำลังเตรียมทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามประเทศญี่ปุ่นในช่วงสองสามสัปดาห์นี้ด้วย
นักวิเคราะห์ชี้ว่าการทดสอบอาวุธของเกาหลีเหนือเหล่านี้ มีขึ้นเพื่อระดมการสนับสนุนภายในประเทศต่อประธานคิมจองอิล วัย 67 ปี ซึ่งกำลังวางตัวลูกชายคนเล็กให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำคนต่อไป หลังจากที่มีข่าวว่าเขาล้มป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองเมื่อปีที่แล้ว
อนึ่ง เกาหลีเหนือได้ตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรครั้งล่าสุดของสหประชาชาติ โดยระบุเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจะเริ่มโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเป็นอีกเส้นทางหนึ่งในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์