นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายต่อผู้บริหารกรมประชาสัมพันธ์ว่า เป็นการเชิญประชาสัมพันธ์จังหวัด ซึ่งตั้งใจเชิญมาทั้งประเทศ โดยสัปดาห์ที่แล้วเชิญประชาสัมพันธ์ทุกจังหวัดในภาคอีสาน วันนี้เป็นทุกจังหวังหวัคภาคเหนือ ต่อไปจะเป็นภาคกลาง ตะวันออก ตะวันตก และภาคใต้ตามลำดับ หลักการคือมาพูดคุยกัน 2 เรื่องคือ
1. นโยบายที่มอบให้กับประชาสัมพันธ์จังหวัดเอาไว้ในเรื่องของโฆษกจังหวัด ซึ่งจะต้องนำเอาจุดแข็งในจังหวัดขึ้นมา และเน้นเรื่องความเข้มแข็งของภาคประชาชนกับการเข้ามาช่วยเหลือรัฐบาลในเรื่องการจัดการดูแลทรัพยากร
2. ในฐานะที่ประชาสัมพันธ์จังหวัดเป็นตัวแทนของรัฐบาล ที่ทำงานด้านประชาสัมพันธ์ทุกจังหวัด จะเน้นสองเรื่องคือ การสร้างเครือข่ายการด้านการประชาสัมพันธ์ให้กับรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายวิทยุชุมชน เคเบิ้ลทีวีท้องถิ่น หรือเครือข่ายส่วนบุคคล ซึ่งจะมีการรื้อฟื้นอาสาสมัครประชาสัมพันธ์หมู่บ้าน และอาสาสมัครที่เป็นโฆษกรัฐบาลท้องถิ่น จะมีการจัดโครงการลงไปพบปะกัน
โอกาสนี้ยังได้พูดคุยกันถึงเรื่องการติดตามงานนโยบายของรัฐบาลที่ลงถึงท้องถิ่น โดยเน้นว่าภาคประชาชนได้รับประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียนฟรี เบี้ยยังชีพ ตรงนี้ขอให้ทำเป็นข่าวสะท้อนขึ้นมา
นอกจากนี้ ยังได้พูดถึงประเด็นปัญหาที่เป็นความขัดแย้งทางการเมือง กรณีของความเห็นไม่ตรงกันของคนเสื้อสีต่างๆ กับกรณีของการเป็นตัวแทนที่จะลงไปดูเรื่องการเคารพเทิดทูนสถาบันฯ โดยสรุปคือ ทางประชาสัมพันธ์จังหวัดจะไปสร้างเครือข่ายประชาสัมพันธ์ในท้องถิ่น โดยส่วนกลางจะเป็นคนป้อนเนื้อหาต่างๆ ที่จะประชาสัมพันธ์ลงไป ถือเป็นการทำประชาสัมพันธ์เชิงรุก และให้ 70 กว่าจังหวัด สร้างเครือข่ายลงถึงตำบล หมู่บ้าน
อย่างไรก็ตาม ประชาสัมพันธ์จังหวัดได้เสนอโครงการที่ดีหลายโครงการ เช่น ประชาสัมพันธ์อำเภอที่มาจากอาสาสมัคร ซึ่งมาจากประชาชน หรืออาสาสมัครประชสัมพันธ์หมู่บ้าน จะทำกันเป็นเครือข่าย และทำการประชาสัมพันธ์ครั้งใหญ่ โดยรัฐบาลส่วนกลางจะเป็นคนป้อนข้อมูลข้อเท็จจริง ข่าวสารต่างๆ ลงไปยังเครือข่ายทั้งหลาย ซึ่งเขายังเรียกร้องว่า โฆษกของจังหวัดอยากจะเชื่อมต่อกับทีมโฆษกของรัฐบาลในเชิงข้อมูลข่าวสารด้วย ซึ่งเราจะทำให้
เมื่อถามว่าจะดึงประชาชนเข้ามาร่วมอย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า ในแง่อาสาสมัครประชาสัมพันธ์หมู่บ้าน จะดึงประชาชนเข้ามาร่วม แม้แต่ในส่วนของวิทยุท้องถิ่น ประชาสัมพันธ์จังหวัดก็จะเข้าไปสร้างเครือข่าย เมื่อสร้างได้จะรายงานกลับมา โดยเราจะทำแผนที่ไว้ว่าประชาสัมพันธ์ได้สร้างเครือข่ายไว้ที่ใด จุดหนึ่งที่จะลงไปคือ รายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ จะเผยแพร่ทั้งเวลาจริง และรีรัน และสร้างเนื้อหาอื่นเพิ่มเติม จะเป็นสกู๊ป แผ่นสปอตต่างๆ
เมื่อถามว่า เป็นส่วนหนึ่งของรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ที่ผลสำรวจพบว่าประชาชนฟังน้อยใช่หรือไม่ จึงต้องทำเชิงรุก นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ตรงนี้เป็นแผนงานที่จะต้องทำอยู่แล้ว ส่วนสำรวจรายการเชื่อมั่นฯ นั้น เป็นการสำรวจครั้งแรกของกระทรวงไอซีที และทำหลายเรื่อง หากเป็นจริงตามนั้น ตัวเลขสูงกว่าเรตติ้งในทีวีมาก ซึ่งทีวีคนดูเปอร์เซนต์จะน้อยกว่า ในการสำรวจของไอซีที คนร้อยคนดูเกือบครึ่ง ซึ่งจะเอามาประเมินตัวเลขของคนทั้งประเทศไม่ได้ เพราะประเทศมีคน 60 กว่าล้านคน คนดูทีวีครึ่งหนึ่ง ประมาณ 10 กว่าล้าน ดูครึ่งหนึ่งคิดว่าตัวเลขอาจไม่ใช่
เมื่อถามว่า มีรายงานว่า รัฐบาลจะดึงเครือข่ายของกองทัพบกทั้งโทรทัศน์ และวิทยุเข้ามาช่วยประชาพันธ์ด้วย นายสาทิตย์ กล่าวยอมรับว่า ได้มีการพูดคุยและประชุมกันไปแล้วหลายรอบ คือเชื่อมทั้งเครือข่ายวิทยุของทหารบก เรือ อากาศ ตำรวจ เครือข่าย อสมท. ทั้งนี้ เราคิดว่าเครือข่ายวิทยุชุมชน สำคัญสุด เพราะขณะนี้มีถึง 7,000 กว่าสถานี
1. นโยบายที่มอบให้กับประชาสัมพันธ์จังหวัดเอาไว้ในเรื่องของโฆษกจังหวัด ซึ่งจะต้องนำเอาจุดแข็งในจังหวัดขึ้นมา และเน้นเรื่องความเข้มแข็งของภาคประชาชนกับการเข้ามาช่วยเหลือรัฐบาลในเรื่องการจัดการดูแลทรัพยากร
2. ในฐานะที่ประชาสัมพันธ์จังหวัดเป็นตัวแทนของรัฐบาล ที่ทำงานด้านประชาสัมพันธ์ทุกจังหวัด จะเน้นสองเรื่องคือ การสร้างเครือข่ายการด้านการประชาสัมพันธ์ให้กับรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายวิทยุชุมชน เคเบิ้ลทีวีท้องถิ่น หรือเครือข่ายส่วนบุคคล ซึ่งจะมีการรื้อฟื้นอาสาสมัครประชาสัมพันธ์หมู่บ้าน และอาสาสมัครที่เป็นโฆษกรัฐบาลท้องถิ่น จะมีการจัดโครงการลงไปพบปะกัน
โอกาสนี้ยังได้พูดคุยกันถึงเรื่องการติดตามงานนโยบายของรัฐบาลที่ลงถึงท้องถิ่น โดยเน้นว่าภาคประชาชนได้รับประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียนฟรี เบี้ยยังชีพ ตรงนี้ขอให้ทำเป็นข่าวสะท้อนขึ้นมา
นอกจากนี้ ยังได้พูดถึงประเด็นปัญหาที่เป็นความขัดแย้งทางการเมือง กรณีของความเห็นไม่ตรงกันของคนเสื้อสีต่างๆ กับกรณีของการเป็นตัวแทนที่จะลงไปดูเรื่องการเคารพเทิดทูนสถาบันฯ โดยสรุปคือ ทางประชาสัมพันธ์จังหวัดจะไปสร้างเครือข่ายประชาสัมพันธ์ในท้องถิ่น โดยส่วนกลางจะเป็นคนป้อนเนื้อหาต่างๆ ที่จะประชาสัมพันธ์ลงไป ถือเป็นการทำประชาสัมพันธ์เชิงรุก และให้ 70 กว่าจังหวัด สร้างเครือข่ายลงถึงตำบล หมู่บ้าน
อย่างไรก็ตาม ประชาสัมพันธ์จังหวัดได้เสนอโครงการที่ดีหลายโครงการ เช่น ประชาสัมพันธ์อำเภอที่มาจากอาสาสมัคร ซึ่งมาจากประชาชน หรืออาสาสมัครประชสัมพันธ์หมู่บ้าน จะทำกันเป็นเครือข่าย และทำการประชาสัมพันธ์ครั้งใหญ่ โดยรัฐบาลส่วนกลางจะเป็นคนป้อนข้อมูลข้อเท็จจริง ข่าวสารต่างๆ ลงไปยังเครือข่ายทั้งหลาย ซึ่งเขายังเรียกร้องว่า โฆษกของจังหวัดอยากจะเชื่อมต่อกับทีมโฆษกของรัฐบาลในเชิงข้อมูลข่าวสารด้วย ซึ่งเราจะทำให้
เมื่อถามว่าจะดึงประชาชนเข้ามาร่วมอย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า ในแง่อาสาสมัครประชาสัมพันธ์หมู่บ้าน จะดึงประชาชนเข้ามาร่วม แม้แต่ในส่วนของวิทยุท้องถิ่น ประชาสัมพันธ์จังหวัดก็จะเข้าไปสร้างเครือข่าย เมื่อสร้างได้จะรายงานกลับมา โดยเราจะทำแผนที่ไว้ว่าประชาสัมพันธ์ได้สร้างเครือข่ายไว้ที่ใด จุดหนึ่งที่จะลงไปคือ รายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ จะเผยแพร่ทั้งเวลาจริง และรีรัน และสร้างเนื้อหาอื่นเพิ่มเติม จะเป็นสกู๊ป แผ่นสปอตต่างๆ
เมื่อถามว่า เป็นส่วนหนึ่งของรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ที่ผลสำรวจพบว่าประชาชนฟังน้อยใช่หรือไม่ จึงต้องทำเชิงรุก นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ตรงนี้เป็นแผนงานที่จะต้องทำอยู่แล้ว ส่วนสำรวจรายการเชื่อมั่นฯ นั้น เป็นการสำรวจครั้งแรกของกระทรวงไอซีที และทำหลายเรื่อง หากเป็นจริงตามนั้น ตัวเลขสูงกว่าเรตติ้งในทีวีมาก ซึ่งทีวีคนดูเปอร์เซนต์จะน้อยกว่า ในการสำรวจของไอซีที คนร้อยคนดูเกือบครึ่ง ซึ่งจะเอามาประเมินตัวเลขของคนทั้งประเทศไม่ได้ เพราะประเทศมีคน 60 กว่าล้านคน คนดูทีวีครึ่งหนึ่ง ประมาณ 10 กว่าล้าน ดูครึ่งหนึ่งคิดว่าตัวเลขอาจไม่ใช่
เมื่อถามว่า มีรายงานว่า รัฐบาลจะดึงเครือข่ายของกองทัพบกทั้งโทรทัศน์ และวิทยุเข้ามาช่วยประชาพันธ์ด้วย นายสาทิตย์ กล่าวยอมรับว่า ได้มีการพูดคุยและประชุมกันไปแล้วหลายรอบ คือเชื่อมทั้งเครือข่ายวิทยุของทหารบก เรือ อากาศ ตำรวจ เครือข่าย อสมท. ทั้งนี้ เราคิดว่าเครือข่ายวิทยุชุมชน สำคัญสุด เพราะขณะนี้มีถึง 7,000 กว่าสถานี