นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงหลังการประชุมว่า กกต. มีมติมอบหมายให้อนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องร้องคัดค้านและปัญหาข้อโต้งแย้งของ กกต.ไปตรวจสอบกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหาร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบ นายถาวร เสนเนียม รมช.ทหาดไทย และนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พานิชย์ กระทำการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 และ 269 โดยภรรยานายถาวร ถือครองหุ้นในกิจการที่เป็นคู่สัญญาหรือสัมปทานกับรัฐในนามคณะบุคคล ส่วนนางพรทิวา มีหุ้นในบริษัทการบินไทย ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 182 (7) ง
โดยกรณีของนางพรทิวา อาจเข้าข่ายความเป็น ส.ส.สิ้นสุดลงด้วย เนื่องจาก เป็นการกระทำที่ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (6) โดยสอบสวน ให้แล้วเสร็จภายใน 30วัน
นอกจากนี้ยังมีมติขยายเวลาในการสืบสวบสวนอีก 15 วันให้กับอนุกรรมการสอบสวนฯ กรณีนายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ร้องขอให้ กกต. ตรวจสอบการกระทำของ ส.ส. 28 ราย ที่ถือครองหุ้นในการกิจการ หรือห้างหุ้นส่วน ที่มีลักษณะผูกขาดตัดตอนหรือเป็นคู่สัมปทานกับรัฐ โดยให้นับการขยายเวลาตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามที่ประชุม กกต.ยังไม่มีวาระการพิจารณาเรื่องการถือครองหุ้นของ ส.ว.ที่นายศุภชัยร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบ
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าว กกต.จะวินิจฉัยอย่างไรก็จะส่งผลถึงกรณีคุณสมบัติของส.ส. และรัฐมนตรีด้วย ที่มีการร้องอยู่เป็นจำนวนมากแต่ขณะนี้ยังสอบไม่แล้วเสร็จเพราะขอข้อมูลไปยังบริษัทแล้วยังไม่ส่งมา ซึ่งกกต.ต้องรอบคอบในการพิจารณา เพราะการวินิจฉัยมีผลกระทบกว้างขวางในหลายด้าน รวมไปถึงผู้ถือหุ้นด้วยแต่ กกต.ต้องยึดหลักกฎหมายๆ เป็นอย่างไรก็ต้องตัดสินไปตามนั้น และเมื่อตัดสินแล้วถ้าเห็นว่ากฎหมายแรงไป ก็เสนอแก้ไขได้
โดยกรณีของนางพรทิวา อาจเข้าข่ายความเป็น ส.ส.สิ้นสุดลงด้วย เนื่องจาก เป็นการกระทำที่ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (6) โดยสอบสวน ให้แล้วเสร็จภายใน 30วัน
นอกจากนี้ยังมีมติขยายเวลาในการสืบสวบสวนอีก 15 วันให้กับอนุกรรมการสอบสวนฯ กรณีนายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ร้องขอให้ กกต. ตรวจสอบการกระทำของ ส.ส. 28 ราย ที่ถือครองหุ้นในการกิจการ หรือห้างหุ้นส่วน ที่มีลักษณะผูกขาดตัดตอนหรือเป็นคู่สัมปทานกับรัฐ โดยให้นับการขยายเวลาตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามที่ประชุม กกต.ยังไม่มีวาระการพิจารณาเรื่องการถือครองหุ้นของ ส.ว.ที่นายศุภชัยร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบ
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าว กกต.จะวินิจฉัยอย่างไรก็จะส่งผลถึงกรณีคุณสมบัติของส.ส. และรัฐมนตรีด้วย ที่มีการร้องอยู่เป็นจำนวนมากแต่ขณะนี้ยังสอบไม่แล้วเสร็จเพราะขอข้อมูลไปยังบริษัทแล้วยังไม่ส่งมา ซึ่งกกต.ต้องรอบคอบในการพิจารณา เพราะการวินิจฉัยมีผลกระทบกว้างขวางในหลายด้าน รวมไปถึงผู้ถือหุ้นด้วยแต่ กกต.ต้องยึดหลักกฎหมายๆ เป็นอย่างไรก็ต้องตัดสินไปตามนั้น และเมื่อตัดสินแล้วถ้าเห็นว่ากฎหมายแรงไป ก็เสนอแก้ไขได้
