วานนี้(15 มิ.ย.)นายจุฬา ศัลยพงศ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีเด็กเยาวชนและครอบครัว 3 เปิดเผยถึงคดีที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องนายวรมันต์ หรือโซโล โอภากุล อายุ 18 ปี บุตรชายนายยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว กับนายภควัชร หรือไผ่ พันธ์มณี และนายธนาศักดิ์ หรือ แฮม แสงฤทธิ์ ในความผิดฐานร่วมกันพาบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่ออนาจารโดยใช้อุบายหลอกหลวง, ร่วมพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากบิดา มารดา เพื่ออนาจาร, กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ซึ่งมิใช่ภรรยาตน โดยจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, กระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน15 ปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆโดยเด็กอยู่ในภาวะที่ไม่สามรถขัดขืนได้, ข่มขืนใจผู้อื่นเพื่อให้กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สิน และร่วมกันสนับสนุนผู้อื่น กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน15 ปีซึ่งมิใช่ภรรยาตน โดยจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม จากกรณีพรากเอาเด็กหญิงวัย 13 ปี จากโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง ย่านสุขุมวิท ไปเพื่อกระทำชำเรา รวมทั้งถ่ายคลิปวิดีโอไว้ข่มขู่ เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อเดือน ธ.ค.48 ว่า ล่าสุดตนได้รับการประสานจากพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ว่าจะนำตัว นายวรมันต์ มาส่งมอบให้ในวันที่ 2 ก.ค.นี้ ซึ่งขั้นตอนหลังจากได้ตัวผู้ต้องหามาแล้ว พนักงานอัยการจะต้องทำหนังสือแจ้งให้นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด ทราบเนื่องจากคดีนี้ นายยืนยง โอภากุล บิดาของผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ อสส.เอาไว้ด้วย
“ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าหากได้ตัวผู้ต้องหามาในวันที่ 2 ก.ค.นี้ จะสามารถยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลเยาวชน และครอบครัวกลางได้ทันทีหรือไม่ เนื่องจากบิดาของผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังอสส. อย่างไรก็ดี สำหรับคดีนี้อัยการเจ้าของสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาแล้ว หาก อสส.ไม่มีความเห็นแย้งไปอีกทางหนึ่ง ก็น่าจะส่งฟ้องได้ทัน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความเห็นใดๆ ลงมาจาก อสส." นายจุฬากล่าว
ด้านพ.ต.ต.ศราวุธ เดชศรี พนักงานสอบสวน(สบ 2) สน.ทองหล่อ กล่าวว่า ทางทนายความส่วนตัวของนายวรมันต์ ได้ทำหนังสือขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน ซึ่งตนได้แจ้งเรื่องนี้ไปยังพนักงานอัยการแล้ว ขณะเดียวกันได้ติดต่อไปยังผู้ต้องหาทราบว่าจะเข้าพบพนักงานสอบสวนภายในสัปดาห์นี้ แต่ยังไม่ได้มีการระบุวันเวลาที่แน่นอน อย่างไรก็ตามหากผู้ต้องหามีการผิดนัดไม่ยอมเข้าพบพนักงานสอบสวนตามนัดอีกจะเสนอศาลเพื่อขออนุมัติออกหมายจับทันที
พ.ต.ต.ศราวุธ กล่าวว่าสำหรับคดีนี้ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไปแล้ว แต่ที่มีความล่าช้าเนื่องจากพนักงานอัยการได้ให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำเพิ่มหลายครั้งในหลายประเด็น ซึ่งพนักงานสอบสวนได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในบางข้อกล่าวหา เนื่องจากเห็นว่าไม่เข้าองค์ประกอบความผิด แต่พนักงานอัยการได้มีความเห็นแย้ง จนต้องส่งสำนวนให้ ผบ.ตร. ชี้ขาด ซึ่งในที่สุดได้ข้อสรุปว่าให้สั่งฟ้องในทุกข้อกล่าวหา
ทั้งนี้ สำหรับคดีนี้ไม่สามารถยอมความได้ เนื่องจากขณะเกิดเหตุ ผู้เสียหายอายุเพียง13 ปี ซึ่งเมื่อนายวรมันต์ เข้าพบพนักงานสอบสวนจะได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาที่ได้มีการแจ้งเพิ่มด้วย
“ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าหากได้ตัวผู้ต้องหามาในวันที่ 2 ก.ค.นี้ จะสามารถยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลเยาวชน และครอบครัวกลางได้ทันทีหรือไม่ เนื่องจากบิดาของผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังอสส. อย่างไรก็ดี สำหรับคดีนี้อัยการเจ้าของสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาแล้ว หาก อสส.ไม่มีความเห็นแย้งไปอีกทางหนึ่ง ก็น่าจะส่งฟ้องได้ทัน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความเห็นใดๆ ลงมาจาก อสส." นายจุฬากล่าว
ด้านพ.ต.ต.ศราวุธ เดชศรี พนักงานสอบสวน(สบ 2) สน.ทองหล่อ กล่าวว่า ทางทนายความส่วนตัวของนายวรมันต์ ได้ทำหนังสือขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน ซึ่งตนได้แจ้งเรื่องนี้ไปยังพนักงานอัยการแล้ว ขณะเดียวกันได้ติดต่อไปยังผู้ต้องหาทราบว่าจะเข้าพบพนักงานสอบสวนภายในสัปดาห์นี้ แต่ยังไม่ได้มีการระบุวันเวลาที่แน่นอน อย่างไรก็ตามหากผู้ต้องหามีการผิดนัดไม่ยอมเข้าพบพนักงานสอบสวนตามนัดอีกจะเสนอศาลเพื่อขออนุมัติออกหมายจับทันที
พ.ต.ต.ศราวุธ กล่าวว่าสำหรับคดีนี้ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไปแล้ว แต่ที่มีความล่าช้าเนื่องจากพนักงานอัยการได้ให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำเพิ่มหลายครั้งในหลายประเด็น ซึ่งพนักงานสอบสวนได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในบางข้อกล่าวหา เนื่องจากเห็นว่าไม่เข้าองค์ประกอบความผิด แต่พนักงานอัยการได้มีความเห็นแย้ง จนต้องส่งสำนวนให้ ผบ.ตร. ชี้ขาด ซึ่งในที่สุดได้ข้อสรุปว่าให้สั่งฟ้องในทุกข้อกล่าวหา
ทั้งนี้ สำหรับคดีนี้ไม่สามารถยอมความได้ เนื่องจากขณะเกิดเหตุ ผู้เสียหายอายุเพียง13 ปี ซึ่งเมื่อนายวรมันต์ เข้าพบพนักงานสอบสวนจะได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาที่ได้มีการแจ้งเพิ่มด้วย
