วานนี้ (8 มิ.ย.) เมื่อเวลา 05.30 น. พ.ต.ท.มานิต เกษมศิริ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งเหตุมีผู้ต้องหาคดียาเสพติดผูกคอตายอยู่ในห้องควบคุมกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ตั้งอยู่เลขที่ 88 ม.3 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญญจมานนท์ รอง ผบช.ปส. กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช และมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุอยู่ภายในห้องควบคุมผู้ต้องหาคดียาเพสติดของ บช.ปส. เจ้าหน้าที่พบศพนายพัฒนพงษ์ หรือเซ้ง หรือตี๋ เทียนหิรัญ อายุ 37 ปี สวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีครีม ใช้เสื้อเชิ้ตผูกคอกับราวเหล็กของห้องขัง ส่วนอีกรายคือ นายวุฒิพงษ์ หรือโจ สุทธิวนาสกุล อายุ 30 ปี สภาพศพสวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงขายาวสีกรมท่า ใช้เสื้อเชิ้ตผูกคอกับราวเหล็กของห้องขังเช่นเดียวกัน โดยทั้งสองคนเป็นชาวเขาเผ่าม้ง และเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ซึ่งถูก พ.ต.ท.เจษฎา ปิ่นชูทอง สว.กก.ปพ.ศสส.ภ.7 พร้อมกำลังจับกุมได้เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมของกลางยาบ้า 22,000 เม็ด
พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์ รอง ผบช.ปส.เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 จับกุมได้พร้อมกับ น.ส.ธัญญลักษณ์ หรือฝน เลิศทรัพย์ชานนท์ อายุ 22 ปี และ น.ส.ย้าว (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 22,000 เม็ด โดยทาง บช.ปส.รับตัวนายพัฒนพงษ์ กับนายวุฒิพงษ์ และ น.ส.ธัญญลักษณ์ มาควบคุมตัวในห้องขัง แยกขังนายพัฒนพงษ์ กับนายวุฒิพงษ์ไว้ด้วยกัน ส่วน น.ส.ธัญญลักษณ์ แยกขังอีกห้องหนึ่ง ซึ่งในวันนี้มีกำหนดจะนำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรี แต่ช่วงเวลา 05.00 น.ที่ผ่านมาก็ได้รับรายงานจากสิบเวรประจำห้องขังว่านายพัฒนพงษ์ กับนายวุฒิพงษ์ผูกคอตายแล้ว โดยใช้เสื้อเชิ้ตที่ญาติทั้งสองคนนำมาให้ใส่เดินทางไปศาลผูกคอกับลูกกรงห้องขัง
พล.ต.ต.อดิเทพ กล่าวต่อไปว่า หลังจากเกิดเหตุทางพนักงานสอบสวนก็นำตัว น.ส.ธัญญลักษณ์ ผู้ต้องหาอีกคนไปสอบสวน และญาติพี่น้องของผู้ตายทั้งสองคนที่เดินทางมาเยี่ยม โดยเบื้องต้นญาติก็ไม่ได้ติดใจ เพราะก่อนเสียชีวิตผู้ต้องหาทั้งสองคนมีอาการเครียด ประกอบกับได้พูดสั่งเสียกับญาติเอาไว้แล้ว
ด้านนางสุนีย์รัตน์ เกิดผล อายุ 21 ปี ภรรยาของนายพัฒนพงษ์กล่าวว่า หลังสามีถูกจับก็เดินทางมาเยี่ยมสามีเมื่อวานนี้ (7 มิ.ย.) พร้อมนำกับนำเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน ซึ่งสามีก็มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับพูดเป็นลางเหมือนสั่งเสียไว้ว่าให้ดูแลลูกให้ดี พร้อมกับฝากดูแลพ่อแม่ด้วย ซึ่งตนก็ได้พูดปลอบใจไม่ให้คิดมาก จนเช้าวันนี้ก็เดินทางมาเยี่ยมสามีอีก เพราะจะถูกส่งตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรีแล้ว แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าสามีผูกคอตายเสียแล้ว
นางสุนีย์รัตน์กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนก็ได้สอบถามเรื่องราวจาก น.ส.ธัญญลักษณ์ ผู้ต้องหาอีกคนก็ได้ความว่า เมื่อคืนนี้สามีตนกับนายวุฒิพงษ์ได้พูดชวน น.ส.ธัญญลักษณ์ ฆ่าตัวตายไปด้วยกัน ซึ่งเจ้าตัวก็ถามกลับไปว่าจะฆ่าตัวตายอย่างไร สามีตนก็ตะโกนบอกว่าให้เอาเสื้อมาผูกคอตายกับลูกกรง ก่อนที่ทั้งคู่จะผูกคอตายทันที แต่ น.ส.ธัญญลักษณ์ ผูกไม่เป็นก็เลยไม่ตาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเกิดเหตุ มี ส.ต.ท.วรรณวุฒิ โทกสูงเนิน และส.ต.อ.เสวก พินิจลึก สิบเวรและเสมียนเวรประจำห้องควบคุมผู้ต้องหาของ บช.ปส.เข้าเวรอยู่ โดยช่วงที่ผู้ต้องหาทั้งสองคนผูกคอตายนั้น เจ้าหน้าที่ทั้งสองนายออกไปเข้าห้องน้ำ และแวะไปดูข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อกลับมาก็พบว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนผูกคอตายไปแล้ว และเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกล้องวงจรปิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งก็ได้รับคำตอบว่ากล้องวงจรปิดขัดข้อง
ที่เกิดเหตุอยู่ภายในห้องควบคุมผู้ต้องหาคดียาเพสติดของ บช.ปส. เจ้าหน้าที่พบศพนายพัฒนพงษ์ หรือเซ้ง หรือตี๋ เทียนหิรัญ อายุ 37 ปี สวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีครีม ใช้เสื้อเชิ้ตผูกคอกับราวเหล็กของห้องขัง ส่วนอีกรายคือ นายวุฒิพงษ์ หรือโจ สุทธิวนาสกุล อายุ 30 ปี สภาพศพสวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงขายาวสีกรมท่า ใช้เสื้อเชิ้ตผูกคอกับราวเหล็กของห้องขังเช่นเดียวกัน โดยทั้งสองคนเป็นชาวเขาเผ่าม้ง และเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ซึ่งถูก พ.ต.ท.เจษฎา ปิ่นชูทอง สว.กก.ปพ.ศสส.ภ.7 พร้อมกำลังจับกุมได้เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมของกลางยาบ้า 22,000 เม็ด
พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์ รอง ผบช.ปส.เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 จับกุมได้พร้อมกับ น.ส.ธัญญลักษณ์ หรือฝน เลิศทรัพย์ชานนท์ อายุ 22 ปี และ น.ส.ย้าว (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 22,000 เม็ด โดยทาง บช.ปส.รับตัวนายพัฒนพงษ์ กับนายวุฒิพงษ์ และ น.ส.ธัญญลักษณ์ มาควบคุมตัวในห้องขัง แยกขังนายพัฒนพงษ์ กับนายวุฒิพงษ์ไว้ด้วยกัน ส่วน น.ส.ธัญญลักษณ์ แยกขังอีกห้องหนึ่ง ซึ่งในวันนี้มีกำหนดจะนำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรี แต่ช่วงเวลา 05.00 น.ที่ผ่านมาก็ได้รับรายงานจากสิบเวรประจำห้องขังว่านายพัฒนพงษ์ กับนายวุฒิพงษ์ผูกคอตายแล้ว โดยใช้เสื้อเชิ้ตที่ญาติทั้งสองคนนำมาให้ใส่เดินทางไปศาลผูกคอกับลูกกรงห้องขัง
พล.ต.ต.อดิเทพ กล่าวต่อไปว่า หลังจากเกิดเหตุทางพนักงานสอบสวนก็นำตัว น.ส.ธัญญลักษณ์ ผู้ต้องหาอีกคนไปสอบสวน และญาติพี่น้องของผู้ตายทั้งสองคนที่เดินทางมาเยี่ยม โดยเบื้องต้นญาติก็ไม่ได้ติดใจ เพราะก่อนเสียชีวิตผู้ต้องหาทั้งสองคนมีอาการเครียด ประกอบกับได้พูดสั่งเสียกับญาติเอาไว้แล้ว
ด้านนางสุนีย์รัตน์ เกิดผล อายุ 21 ปี ภรรยาของนายพัฒนพงษ์กล่าวว่า หลังสามีถูกจับก็เดินทางมาเยี่ยมสามีเมื่อวานนี้ (7 มิ.ย.) พร้อมนำกับนำเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน ซึ่งสามีก็มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับพูดเป็นลางเหมือนสั่งเสียไว้ว่าให้ดูแลลูกให้ดี พร้อมกับฝากดูแลพ่อแม่ด้วย ซึ่งตนก็ได้พูดปลอบใจไม่ให้คิดมาก จนเช้าวันนี้ก็เดินทางมาเยี่ยมสามีอีก เพราะจะถูกส่งตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรีแล้ว แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าสามีผูกคอตายเสียแล้ว
นางสุนีย์รัตน์กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนก็ได้สอบถามเรื่องราวจาก น.ส.ธัญญลักษณ์ ผู้ต้องหาอีกคนก็ได้ความว่า เมื่อคืนนี้สามีตนกับนายวุฒิพงษ์ได้พูดชวน น.ส.ธัญญลักษณ์ ฆ่าตัวตายไปด้วยกัน ซึ่งเจ้าตัวก็ถามกลับไปว่าจะฆ่าตัวตายอย่างไร สามีตนก็ตะโกนบอกว่าให้เอาเสื้อมาผูกคอตายกับลูกกรง ก่อนที่ทั้งคู่จะผูกคอตายทันที แต่ น.ส.ธัญญลักษณ์ ผูกไม่เป็นก็เลยไม่ตาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเกิดเหตุ มี ส.ต.ท.วรรณวุฒิ โทกสูงเนิน และส.ต.อ.เสวก พินิจลึก สิบเวรและเสมียนเวรประจำห้องควบคุมผู้ต้องหาของ บช.ปส.เข้าเวรอยู่ โดยช่วงที่ผู้ต้องหาทั้งสองคนผูกคอตายนั้น เจ้าหน้าที่ทั้งสองนายออกไปเข้าห้องน้ำ และแวะไปดูข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อกลับมาก็พบว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนผูกคอตายไปแล้ว และเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกล้องวงจรปิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งก็ได้รับคำตอบว่ากล้องวงจรปิดขัดข้อง