เอเอฟพี – ริโอ ทินโท บริษัทเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่สัญชาติอังกฤษ-ออสเตรเลีย แถลงวานนี้(26)ว่า สามารถบรรลุข้อตกลงขายแร่เหล็กให้กับบริษัทนิปปอน สตีลของญี่ปุ่น สำหรับปี 2009/10แล้วด้วยราคาลดลงจากปีที่แล้วราว 33 และ 44%
ตามธรรมเนียมที่ยึดถือกันมา การตกลงราคาซื้อขายกันครั้งแรกของฤดูกาลซื้อขายที่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน จะเป็นการกำหนดราคาซื้อขายแร่เหล็กของโลกในช่วงหนึ่งปี แต่ในปีนี้น่าสถานการณ์น่าจะเปลี่ยนแปลงไป เพราะแม้ราคาจะลดมากกว่าหนึ่งในสามทว่าก็ยังไม่เท่ากับที่ผู้ผลิตเหล็กกล้าของจีนต้องการ โดยก่อนหน้านี้ผู้ผลิตเหล็กกล้าของจีนได้พยายามเรียกร้องให้ผู้ขายแร่เหล็กลดลงมา 40 และ 45% โดยอ้างความต้องการในตลาดที่อ่อนตัวลงจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ
นักวิเคราะห์พากันเห็นว่าข้อตกลงนี้คงไม่ส่งผลต่อการเจรจาราคาระหว่างจีนและบริษัทเหมืองแร่เหล็ก เพราะจีนเป็นผู้ซื้อแร่เหล็กรายใหญ่ที่สุดของโลก และจีนก็มีความเชื่อว่าตนเองน่าจะสามารถกำหนดราคาบรรทัดฐานในการเจรจาระหว่างผู้ผลิตเหล็กกล้าและเหมืองแร่เหล็กได้
“ข้อตกลงกับญี่ปุ่นไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นบรรทัดฐานของการเจรจากับจีนด้วย” ดีลเลอร์เหล็กรายหนึ่งกล่าว “ธรรมเนียมปฏิบัติเดิมนั้นน่าจะล้าสมัยไปแล้ว แม้ว่าอาจจะยังใช้ได้กับญี่ปุ่น แต่จีนอาจคิดว่าไม่จำเป็น”
เบน พอตเตอร์จากไอจีมาร์เก็ตก็บอกว่าจีนไม่จำเป็นที่จะต้องยอมรับการกำหนดราคานี้ เพราะจีนต้องการราคาลดที่ 40และ 45% และริโอทินโทก็น่าจะเอาใจลูกค้ารายใหญ่ที่สุดด้วยการเสนอราคาที่ดีว่าญี่ปุ่น จีนนั้นนำเข้าเหล็กมากกว่าญี่ปุ่นถึงสามเท่า
ส่วนเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่อื่น ๆอย่างเช่น บีเอชพี บิลลิตัน และคอมปาฮิย่า วาเล โด ริโอ โดเช ก็กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่เพื่อกำหนดราคาสำหรับปีนี้กันอยู่
การเจรจากับนิปปอน ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กกล้าใหญ่เป็นอันดับสองของโลกนั้น ทำให้ราคาแร่เหล็กไม่บดละเอียดลดลงไป 44% และแร่บดละเอียดลงมา 33%
ริโอทินโทบอกว่าจะขายแร่เหล็กบดละเอียดในราคา 97 เซนต์ต่อแร่แห้งหนึ่งเมตริกตัน เทียบกับ 1.446 ดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว และจะขายแร่เหล็กบดละเอียดให้ในราคา 1.12 ดอลลาร์ต่อตันลดลงจาก 2.0169 ของเมื่อปีที่แล้ว นั่นก็คือลดลง 33% และ 44% ตามลำดับ
ริโอทินโทบอกว่าราคานี้น่าจะดีต่อทั้งสองฝ่าย เพราะสะท้อนถึงความต้องการแร่เหล็กในตลาดโลก รวมทั้งสถานการณ์ทางธุรกิจที่ลูกค้าของบริษัทประสบอยู่
ตามธรรมเนียมที่ยึดถือกันมา การตกลงราคาซื้อขายกันครั้งแรกของฤดูกาลซื้อขายที่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน จะเป็นการกำหนดราคาซื้อขายแร่เหล็กของโลกในช่วงหนึ่งปี แต่ในปีนี้น่าสถานการณ์น่าจะเปลี่ยนแปลงไป เพราะแม้ราคาจะลดมากกว่าหนึ่งในสามทว่าก็ยังไม่เท่ากับที่ผู้ผลิตเหล็กกล้าของจีนต้องการ โดยก่อนหน้านี้ผู้ผลิตเหล็กกล้าของจีนได้พยายามเรียกร้องให้ผู้ขายแร่เหล็กลดลงมา 40 และ 45% โดยอ้างความต้องการในตลาดที่อ่อนตัวลงจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ
นักวิเคราะห์พากันเห็นว่าข้อตกลงนี้คงไม่ส่งผลต่อการเจรจาราคาระหว่างจีนและบริษัทเหมืองแร่เหล็ก เพราะจีนเป็นผู้ซื้อแร่เหล็กรายใหญ่ที่สุดของโลก และจีนก็มีความเชื่อว่าตนเองน่าจะสามารถกำหนดราคาบรรทัดฐานในการเจรจาระหว่างผู้ผลิตเหล็กกล้าและเหมืองแร่เหล็กได้
“ข้อตกลงกับญี่ปุ่นไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นบรรทัดฐานของการเจรจากับจีนด้วย” ดีลเลอร์เหล็กรายหนึ่งกล่าว “ธรรมเนียมปฏิบัติเดิมนั้นน่าจะล้าสมัยไปแล้ว แม้ว่าอาจจะยังใช้ได้กับญี่ปุ่น แต่จีนอาจคิดว่าไม่จำเป็น”
เบน พอตเตอร์จากไอจีมาร์เก็ตก็บอกว่าจีนไม่จำเป็นที่จะต้องยอมรับการกำหนดราคานี้ เพราะจีนต้องการราคาลดที่ 40และ 45% และริโอทินโทก็น่าจะเอาใจลูกค้ารายใหญ่ที่สุดด้วยการเสนอราคาที่ดีว่าญี่ปุ่น จีนนั้นนำเข้าเหล็กมากกว่าญี่ปุ่นถึงสามเท่า
ส่วนเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่อื่น ๆอย่างเช่น บีเอชพี บิลลิตัน และคอมปาฮิย่า วาเล โด ริโอ โดเช ก็กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่เพื่อกำหนดราคาสำหรับปีนี้กันอยู่
การเจรจากับนิปปอน ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กกล้าใหญ่เป็นอันดับสองของโลกนั้น ทำให้ราคาแร่เหล็กไม่บดละเอียดลดลงไป 44% และแร่บดละเอียดลงมา 33%
ริโอทินโทบอกว่าจะขายแร่เหล็กบดละเอียดในราคา 97 เซนต์ต่อแร่แห้งหนึ่งเมตริกตัน เทียบกับ 1.446 ดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว และจะขายแร่เหล็กบดละเอียดให้ในราคา 1.12 ดอลลาร์ต่อตันลดลงจาก 2.0169 ของเมื่อปีที่แล้ว นั่นก็คือลดลง 33% และ 44% ตามลำดับ
ริโอทินโทบอกว่าราคานี้น่าจะดีต่อทั้งสองฝ่าย เพราะสะท้อนถึงความต้องการแร่เหล็กในตลาดโลก รวมทั้งสถานการณ์ทางธุรกิจที่ลูกค้าของบริษัทประสบอยู่