นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการประเทศ กล่าวถึง เรื่องความเป็นไปได้ในการแลกตัวผู้ต้องหาต่างฐานความผิดระหว่างประเทศระหว่าง นายไมเคิล สมิท ชาวอังกฤษ ที่โกงเงิน 5 พันล้านบาท จากบริษัท ลิมิมิตลิส ดูไบ ของประเทศสหรัฐอาหรับเมมิเรสต์ หรือยูเออี กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า โดยหลักการแล้ว ประเทศที่ไม่มีการทำสนธิสัญญาการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจะใช้หลักต่างตอบแทนแลกตัวนักโทษคดีเดียวกันหรือมีฐานความผิดคล้ายกัน ซึ่งในคดีของผู้ต้องหาของ ยูเออี ที่ตำรวจไทยควบคุมตัวไว้เป็นความผิดฐานฉ้อโกง ต่างกับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินรัชดา แต่ก็ได้มีการส่งเรื่องไปให้ทางการยูเออี เพื่อพิจารณาส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยแล้ว รอแค่ว่าทางการยูเออี จะตอบรับหรือไม่เท่านั้น
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถือพาสปอร์ต 6-8 ประเทศนั้น นายธฤต กล่าวว่า เป็นสิทธิที่แต่ละประเทศสามารถทำได้ แต่ฝ่ายการเมืองก็คงต้องหาโอกาสชี้แจง แสดงเหตุผล และความห่วงกังวลของรัฐบาลไทยไปยังประเทศที่ออกพาสปอร์ตแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนที่เคยทำต่อประเทศนิการากัว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ จะตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยังประเทศต่างๆ อีกครั้ง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือพาสปอร์ตของต่างชาติ 5-6 ประเทศ รวมทั้งประเทศกัมพูชาด้วย ว่า ตนไม่ได้ตรวจสอบ แต่ตนเคยพบกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาก็ได้พูดคุยเรื่องนี้กับท่าน ซึ่งท่านก็ยืนยันว่าไม่มีพาสปอร์ตของกัมพูชา ตนก็เชื่อท่าน จึงไม่ได้ไปตรวจสอบ ส่วนพาสปอร์ตของประเทศอื่นๆ ตนไม่มีข้อมูล โดยตรงจึงตอบไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องที่ดูไบ ทั้งที่ ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ประสานเพื่อขอความร่วมมือในการส่งตัวกลับมาดำเนินคดี ในไทยแล้ว แสดงว่า การประสานงานไม่เป็นผล นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ต้องดูกันต่อไป
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุจะเดินหน้าต่อต้านรัฐบาลทั้งในและนอกสภาว่า ถ้าคุณเฉลิมคิดว่า นั่นเป็นบทบาทของฝ่ายค้านก็ทำ แต่ต้องทำในกรอบของกฎหมาย
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคกังวลต่อการให้สัมภาษณ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม หลังไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่ประกาศว่าจะเดินหน้าต่อต้านรัฐบาลทั้งในและนอกสภาเพราะถือเป็นการส่งสัญญาณที่อันตราย เป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองรอบใหม่ ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นฟูวิกฤตของรัฐบาลและสร้างความสมานฉันฑ์ของรัฐสภา พรรคประชาธิปัตย์จึงขอเรียกร้องไปยังพรรคเพื่อไทยให้แสดงความชัดเจนต่อการที่จะยุติความขัดแย้ง โดยการไม่ขับเคลื่อนการเมืองนอกสภา และอยากให้หันมาร่วมมือกันกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของชาติ และสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น พรรคมีความห่วงใยต่อแนวทางการเมืองแบบเก่าที่ทางพรรคเพื่อไทยส่งสัญญาณออกมาและสอดรับกับการเคลื่อนไหวของเครือข่ายที่เปลี่ยนรูปแบบ โดยมีการ เพิ่มการตั้งสถาบันวิชาการเทียมออกมานอกเหนือจากการสร้างสื่อเทียม ขึ้นมาในรูปแบบที่แตกต่างจากในอดีต จึงอยากให้ทุกฝ่ายขับเคลื่อนการเมือง ให้อยู่บนพื้นฐานข้อมูลและความจริง หลีกเลี่ยงการทำการเมืองแบบเก่าที่ปลุกระดมให้เกิดความขัดแย้ง
พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่ากรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทางการไทย ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือ รัฐบาลประกาศมาตลอดว่าให้ท่าน เข้ามาสู้คดีในไทย ถ้าไม่มีการก่อกวน หรือก่อหวอดและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายคงไม่มีปัญหา
ส่วนการเดินทางกลับจะเป็นการจุดกระแสเสื้อแดง เสื้อเหลือง หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า อยากให้ประชาชนไม่ว่าฝ่ายใดก็ตามอยู่บนพื้นฐานของเหตุผล และ กฎหมายเป็นหลัก หากปฏิบัติตามกฎหมายก็จะไม่วุ่นวาย ซึ่งในหลักการ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องกลับเข้ามาสู้คดี ส่วนจะทำให้กลุ่มเสื้อแดงมีผู้บัญชาการก่อความวุ่นวายมาก ขึ้นหรือไม่นั้น ตนเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พูดมาตลอดว่า ต้องการเห็นความปรองดอง ให้เกิดขึ้นในชาติ ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์อย่างหนึ่งว่าเมื่อท่านกลับมาแล้ว ต้องการเห็นความปรองดองตามที่ท่านพูดมาโดยตลอดหรือไม่ ถ้าท่านกลับเข้ามาและมีปัญหา และกลุ่มเสื้อแดงยังสร้างปัญหาอยู่ นั่นก็คือการปลุกกระแสของท่าน ไม่ได้พูดบนพื้นฐานข้อเท็จจริงอย่างที่ท่านอยากให้เป็น
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าจะมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทยอยบินไปเยี่ยม พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เมืองดูไบ ส่วนตนยังไม่ไปเพราะติดภารกิจ ส่วนที่รัฐบาลประสานไปยังตำรวสากล และทางการสหรัฐอาหรับเอมิเรต เพื่อให้ติดตามตัว พ.ต.ท. ทักษิณมาดำเนินคดีนั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลทำได้ แต่จะได้รับความร่วมมือหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่นั่นในฐานะนักลงทุน และคดีความของอดีตนายกฯ ก็อาจจะไม่รุนแรง ในมุมของต่างชาติที่มองว่าเป็นประเด็นทางการเมือง
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถือพาสปอร์ต 6-8 ประเทศนั้น นายธฤต กล่าวว่า เป็นสิทธิที่แต่ละประเทศสามารถทำได้ แต่ฝ่ายการเมืองก็คงต้องหาโอกาสชี้แจง แสดงเหตุผล และความห่วงกังวลของรัฐบาลไทยไปยังประเทศที่ออกพาสปอร์ตแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนที่เคยทำต่อประเทศนิการากัว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ จะตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยังประเทศต่างๆ อีกครั้ง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือพาสปอร์ตของต่างชาติ 5-6 ประเทศ รวมทั้งประเทศกัมพูชาด้วย ว่า ตนไม่ได้ตรวจสอบ แต่ตนเคยพบกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาก็ได้พูดคุยเรื่องนี้กับท่าน ซึ่งท่านก็ยืนยันว่าไม่มีพาสปอร์ตของกัมพูชา ตนก็เชื่อท่าน จึงไม่ได้ไปตรวจสอบ ส่วนพาสปอร์ตของประเทศอื่นๆ ตนไม่มีข้อมูล โดยตรงจึงตอบไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องที่ดูไบ ทั้งที่ ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ประสานเพื่อขอความร่วมมือในการส่งตัวกลับมาดำเนินคดี ในไทยแล้ว แสดงว่า การประสานงานไม่เป็นผล นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ต้องดูกันต่อไป
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุจะเดินหน้าต่อต้านรัฐบาลทั้งในและนอกสภาว่า ถ้าคุณเฉลิมคิดว่า นั่นเป็นบทบาทของฝ่ายค้านก็ทำ แต่ต้องทำในกรอบของกฎหมาย
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคกังวลต่อการให้สัมภาษณ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม หลังไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่ประกาศว่าจะเดินหน้าต่อต้านรัฐบาลทั้งในและนอกสภาเพราะถือเป็นการส่งสัญญาณที่อันตราย เป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองรอบใหม่ ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นฟูวิกฤตของรัฐบาลและสร้างความสมานฉันฑ์ของรัฐสภา พรรคประชาธิปัตย์จึงขอเรียกร้องไปยังพรรคเพื่อไทยให้แสดงความชัดเจนต่อการที่จะยุติความขัดแย้ง โดยการไม่ขับเคลื่อนการเมืองนอกสภา และอยากให้หันมาร่วมมือกันกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของชาติ และสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น พรรคมีความห่วงใยต่อแนวทางการเมืองแบบเก่าที่ทางพรรคเพื่อไทยส่งสัญญาณออกมาและสอดรับกับการเคลื่อนไหวของเครือข่ายที่เปลี่ยนรูปแบบ โดยมีการ เพิ่มการตั้งสถาบันวิชาการเทียมออกมานอกเหนือจากการสร้างสื่อเทียม ขึ้นมาในรูปแบบที่แตกต่างจากในอดีต จึงอยากให้ทุกฝ่ายขับเคลื่อนการเมือง ให้อยู่บนพื้นฐานข้อมูลและความจริง หลีกเลี่ยงการทำการเมืองแบบเก่าที่ปลุกระดมให้เกิดความขัดแย้ง
พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่ากรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทางการไทย ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือ รัฐบาลประกาศมาตลอดว่าให้ท่าน เข้ามาสู้คดีในไทย ถ้าไม่มีการก่อกวน หรือก่อหวอดและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายคงไม่มีปัญหา
ส่วนการเดินทางกลับจะเป็นการจุดกระแสเสื้อแดง เสื้อเหลือง หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า อยากให้ประชาชนไม่ว่าฝ่ายใดก็ตามอยู่บนพื้นฐานของเหตุผล และ กฎหมายเป็นหลัก หากปฏิบัติตามกฎหมายก็จะไม่วุ่นวาย ซึ่งในหลักการ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องกลับเข้ามาสู้คดี ส่วนจะทำให้กลุ่มเสื้อแดงมีผู้บัญชาการก่อความวุ่นวายมาก ขึ้นหรือไม่นั้น ตนเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พูดมาตลอดว่า ต้องการเห็นความปรองดอง ให้เกิดขึ้นในชาติ ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์อย่างหนึ่งว่าเมื่อท่านกลับมาแล้ว ต้องการเห็นความปรองดองตามที่ท่านพูดมาโดยตลอดหรือไม่ ถ้าท่านกลับเข้ามาและมีปัญหา และกลุ่มเสื้อแดงยังสร้างปัญหาอยู่ นั่นก็คือการปลุกกระแสของท่าน ไม่ได้พูดบนพื้นฐานข้อเท็จจริงอย่างที่ท่านอยากให้เป็น
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าจะมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทยอยบินไปเยี่ยม พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เมืองดูไบ ส่วนตนยังไม่ไปเพราะติดภารกิจ ส่วนที่รัฐบาลประสานไปยังตำรวสากล และทางการสหรัฐอาหรับเอมิเรต เพื่อให้ติดตามตัว พ.ต.ท. ทักษิณมาดำเนินคดีนั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลทำได้ แต่จะได้รับความร่วมมือหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่นั่นในฐานะนักลงทุน และคดีความของอดีตนายกฯ ก็อาจจะไม่รุนแรง ในมุมของต่างชาติที่มองว่าเป็นประเด็นทางการเมือง
