ASTV ผู้จัดการรายวัน-สมาคมรับสร้างบ้านใจชื้นได้แค่ไตรมาสแรก มูลค่าตลาดบ้านสร้างเองตามเป้า 2,600 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2-3 เตรียมรับคลื่นร้อนวิกฤตเศรษฐกิจกระทบตลาด หวั่นมาตรการรัฐไร้ผลสัมฤทธิ์
นายพันธุ์เทพ ทานชิติกุล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวถึงภาพรวมตลาดบ้านสร้างเอง ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี52 ว่า ยังคงเข้าเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 2,600 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2551 แต่คาดการณ์ว่าผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาทางการเมืองจะมีผลต่อตลาดบ้านสร้างเองในช่วงไตรมาส 2-3 โดยเฉพาะในไตรมาส 2 คาดว่าตลาดรวมจะปรับตัวลดลงประมาณ 10-15% และหากมาตรการณ์ของภาครัฐยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้ อาจส่งผลกระทบไปถึงไตรมาสที่ 3 เช่นกัน ขณะที่สมาคมฯ ยังคาดการณ์มูลค่าตลาดรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านทั้งปีนี้ประมาณ 10,500 ล้านบาท เทียบกับมูลค่าตลาดรวมทั้งปี 2551 ที่ 9,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 7%
"การที่สมาคมฯยังคงคาดการณ์มูลค่าตลาดรวมในส่วนของบริษัทรับสร้างบ้าน ที่ยังคงมีอัตราการเติบโตเล็กน้อยนั้น เนื่องจากในปีนี้ กลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านจะสามารถแบ่งสัดส่วนทางการตลาดจากกลุ่มผู้รับเหมารายย่อยได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 17% มาเป็น 20% ซึ่งในช่วงนี้บริษัทรับสร้างบ้านแต่ละรายต้องเร่งปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริหารการจัดการ รวมถึงการให้บริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ และเมื่อภาวะเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติก็จะสามารถรุกขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น "นายพันธุ์เทพ กล่าว
นายพันธุ์เทพ ทานชิติกุล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวถึงภาพรวมตลาดบ้านสร้างเอง ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี52 ว่า ยังคงเข้าเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 2,600 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2551 แต่คาดการณ์ว่าผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาทางการเมืองจะมีผลต่อตลาดบ้านสร้างเองในช่วงไตรมาส 2-3 โดยเฉพาะในไตรมาส 2 คาดว่าตลาดรวมจะปรับตัวลดลงประมาณ 10-15% และหากมาตรการณ์ของภาครัฐยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้ อาจส่งผลกระทบไปถึงไตรมาสที่ 3 เช่นกัน ขณะที่สมาคมฯ ยังคาดการณ์มูลค่าตลาดรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านทั้งปีนี้ประมาณ 10,500 ล้านบาท เทียบกับมูลค่าตลาดรวมทั้งปี 2551 ที่ 9,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 7%
"การที่สมาคมฯยังคงคาดการณ์มูลค่าตลาดรวมในส่วนของบริษัทรับสร้างบ้าน ที่ยังคงมีอัตราการเติบโตเล็กน้อยนั้น เนื่องจากในปีนี้ กลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านจะสามารถแบ่งสัดส่วนทางการตลาดจากกลุ่มผู้รับเหมารายย่อยได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 17% มาเป็น 20% ซึ่งในช่วงนี้บริษัทรับสร้างบ้านแต่ละรายต้องเร่งปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริหารการจัดการ รวมถึงการให้บริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ และเมื่อภาวะเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติก็จะสามารถรุกขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น "นายพันธุ์เทพ กล่าว