เอเอฟพี - สิงคโปร์ประกาศ "สงครามครั้งใหม่" เมื่อวานนี้ (29) เพื่อสกัดกั้นไม่ให้โรคไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกแพร่กระจายเข้าสู่ประเทศ โดยเพิ่มมาตรการตรวจสอบผู้โดยสารขาเข้าจากท่าเรือต่าง ๆ และจะกักตัวผู้พำนักอาศัยที่เดินทางกลับจากเม็กซิโก
สิงคโปร์ยกระดับการเตรียมพร้อมสู้ภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก โดยเพิ่มมาตรการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย จากที่มีใช้อยู่แล้วกับผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาด้วยเครื่องบิน ขยายครอบคลุมถึงผู้ที่เดินทางเข้ามาทางทะเลด้วย
ขณะที่โรงพยาบาลและคลินิกต่าง ๆ ในสิงคโปร์ มีการเพิ่มมาตรการควบคุมโรคติดต่อเช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่ต้องสวมอุปกรณ์ป้องกัน และมีการคุมเข้มกฎระเบียบการเดินทางมายังโรงพยาบาลด้วย
ลีกวนยู รัฐบุรุษอาวุโสของสิงคโปร์กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า รัฐบาล "ต้องไม่ประมาท" โดยจะต้องทำตามบทเรียนต่าง ๆ ที่เคยเรียนรู้จากวิกฤตโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง (ซาร์ส) เมื่อปี 2003 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตในสิงคโปร์จำนวน 33 ราย
หนังสือพิมพ์สเตรทไทมส์รายงานอ้างคำพูดของรัฐบุรุษอาวุโสผู้นี้ที่กล่าวว่า "ผมไม่รู้ว่าคนของเราจำนวนเท่าใดกำลังทำธุระอยู่ที่เม็กซิโก แต่เมื่อเดินทางกลับมาพวกเขาจะต้องถูกกักตัว"
"รัฐบาลต้องไม่ประมาท เราจะต้องเรียนรู้บทเรียนจากโรคซาร์ส ทางการเตรียมพร้อมทั้งหมดแล้ว โดยหากมีสัญญาณความผิดปกติแม้แต่นิด คุณจะต้องถูกกักตัวในทันที"
ด้าน เกาบุนวัน รัฐมนตรีสาธารสุขแถลงว่า สิงคโปร์มีการเตรียมความพร้อมที่ดีขึ้นกว่าตอนรับมือโรคซาร์สเมื่อ 6 ปีก่อน
อย่างไรก็ตาม รมว.สาธารณสุขผู้นี้กล่าวย้ำว่า การรับมือกับโรคไข้หวัดสายพันธุ์เม็กซิโกจะยากลำบากมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะอาจเกิดการติดเชื้อ แต่ผู้ป่วยยังไม่แสดงอาการ
"เรามีการเตรียมพร้อมที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกว่าเมื่อ 6 ปีที่แล้ว แต่เราต้องไม่ลำพองใจกับเหตุผลง่าย ๆ ที่ว่า โรคหวัดเม็กซิโกนี้เป็นคนละชนิดกับไวรัสซาร์ส ซึ่งเราเคยประสบมาแล้วในอดีต"
"ผมคิดว่า ในครั้งนั้นเราทำได้ดีแล้ว แต่นั่นเป็นสงครามครั้งเก่า นี่เป็นสงครามครั้งใหม่และเราต้องประยุกต์วิธีของเราเพื่อกำราบศัตรูตัวใหม่นี้ อย่างไรก็ตาม ศัตรูตัวใหม่ของเราจัดการยากลำบากกว่าโรคซาร์สมาก"
รมต.สาธารณสุขสิงคโปร์ยังเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ หากไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกแพร่กระจายเข้าสู่ประเทศ
ด้านรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย หว่องกันเสง กล่าวว่า มาตรการต่าง ๆ ของทางการไม่ได้รับประกันว่า โรคหวัดเม็กซิกันจะไม่แพร่กระจายเข้าสู่สิงคโปร์
"สิงคโปร์เป็นสังคมเปิดกว้างมาก ๆ คนจำนวนมากเดินทางเข้ามาที่สิงคโปร์ ขณะที่ชาวสิงคโปร์ก็เดินทางออกนอกประเทศและเดินทางกลับเข้าประเทศ" รัฐมนตรีมหาดไทยกล่าว
วันเดียวกันนี้ (29) ทบวงการเงินของสิงคโปร์ (เอ็มเอเอส) คาดหมายว่า การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ประสบภาวะถดถอยของประเทศ
"ขึ้นอยู่กับว่าโรคไข้หวัดเม็กซิโกจะพัฒนาถึงเพียงใด โดยอาจส่งผลสะท้อนถึงเศรษฐกิจภายในประเทศด้วย" หน่วยงานรัฐซึ่งทำหน้าเสมือนกับแบงก์ชาติแห่งนี้ กล่าว
"ถึงอย่างไร คาดหมายกันว่าเศรษฐกิจของสิงคโปร์ไม่น่าจะฟื้นตัวขึ้นอย่างแน่นอนในปีนี้" เอ็มเอเอสกล่าวในรายงานที่จัดทำปีละ 2 ครั้ง
"จริง ๆ แล้ว เส้นทางการฟื้นตัวยังคงไม่แน่นอนและขึ้นอยู่กับการพัฒนาจากภายนอก รวมทั้งการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก ซึ่งยิ่งเพิ่มมิติแนวโน้มของความเสี่ยง"
สิงคโปร์ยกระดับการเตรียมพร้อมสู้ภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก โดยเพิ่มมาตรการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย จากที่มีใช้อยู่แล้วกับผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาด้วยเครื่องบิน ขยายครอบคลุมถึงผู้ที่เดินทางเข้ามาทางทะเลด้วย
ขณะที่โรงพยาบาลและคลินิกต่าง ๆ ในสิงคโปร์ มีการเพิ่มมาตรการควบคุมโรคติดต่อเช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่ต้องสวมอุปกรณ์ป้องกัน และมีการคุมเข้มกฎระเบียบการเดินทางมายังโรงพยาบาลด้วย
ลีกวนยู รัฐบุรุษอาวุโสของสิงคโปร์กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า รัฐบาล "ต้องไม่ประมาท" โดยจะต้องทำตามบทเรียนต่าง ๆ ที่เคยเรียนรู้จากวิกฤตโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง (ซาร์ส) เมื่อปี 2003 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตในสิงคโปร์จำนวน 33 ราย
หนังสือพิมพ์สเตรทไทมส์รายงานอ้างคำพูดของรัฐบุรุษอาวุโสผู้นี้ที่กล่าวว่า "ผมไม่รู้ว่าคนของเราจำนวนเท่าใดกำลังทำธุระอยู่ที่เม็กซิโก แต่เมื่อเดินทางกลับมาพวกเขาจะต้องถูกกักตัว"
"รัฐบาลต้องไม่ประมาท เราจะต้องเรียนรู้บทเรียนจากโรคซาร์ส ทางการเตรียมพร้อมทั้งหมดแล้ว โดยหากมีสัญญาณความผิดปกติแม้แต่นิด คุณจะต้องถูกกักตัวในทันที"
ด้าน เกาบุนวัน รัฐมนตรีสาธารสุขแถลงว่า สิงคโปร์มีการเตรียมความพร้อมที่ดีขึ้นกว่าตอนรับมือโรคซาร์สเมื่อ 6 ปีก่อน
อย่างไรก็ตาม รมว.สาธารณสุขผู้นี้กล่าวย้ำว่า การรับมือกับโรคไข้หวัดสายพันธุ์เม็กซิโกจะยากลำบากมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะอาจเกิดการติดเชื้อ แต่ผู้ป่วยยังไม่แสดงอาการ
"เรามีการเตรียมพร้อมที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกว่าเมื่อ 6 ปีที่แล้ว แต่เราต้องไม่ลำพองใจกับเหตุผลง่าย ๆ ที่ว่า โรคหวัดเม็กซิโกนี้เป็นคนละชนิดกับไวรัสซาร์ส ซึ่งเราเคยประสบมาแล้วในอดีต"
"ผมคิดว่า ในครั้งนั้นเราทำได้ดีแล้ว แต่นั่นเป็นสงครามครั้งเก่า นี่เป็นสงครามครั้งใหม่และเราต้องประยุกต์วิธีของเราเพื่อกำราบศัตรูตัวใหม่นี้ อย่างไรก็ตาม ศัตรูตัวใหม่ของเราจัดการยากลำบากกว่าโรคซาร์สมาก"
รมต.สาธารณสุขสิงคโปร์ยังเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ หากไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกแพร่กระจายเข้าสู่ประเทศ
ด้านรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย หว่องกันเสง กล่าวว่า มาตรการต่าง ๆ ของทางการไม่ได้รับประกันว่า โรคหวัดเม็กซิกันจะไม่แพร่กระจายเข้าสู่สิงคโปร์
"สิงคโปร์เป็นสังคมเปิดกว้างมาก ๆ คนจำนวนมากเดินทางเข้ามาที่สิงคโปร์ ขณะที่ชาวสิงคโปร์ก็เดินทางออกนอกประเทศและเดินทางกลับเข้าประเทศ" รัฐมนตรีมหาดไทยกล่าว
วันเดียวกันนี้ (29) ทบวงการเงินของสิงคโปร์ (เอ็มเอเอส) คาดหมายว่า การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ประสบภาวะถดถอยของประเทศ
"ขึ้นอยู่กับว่าโรคไข้หวัดเม็กซิโกจะพัฒนาถึงเพียงใด โดยอาจส่งผลสะท้อนถึงเศรษฐกิจภายในประเทศด้วย" หน่วยงานรัฐซึ่งทำหน้าเสมือนกับแบงก์ชาติแห่งนี้ กล่าว
"ถึงอย่างไร คาดหมายกันว่าเศรษฐกิจของสิงคโปร์ไม่น่าจะฟื้นตัวขึ้นอย่างแน่นอนในปีนี้" เอ็มเอเอสกล่าวในรายงานที่จัดทำปีละ 2 ครั้ง
"จริง ๆ แล้ว เส้นทางการฟื้นตัวยังคงไม่แน่นอนและขึ้นอยู่กับการพัฒนาจากภายนอก รวมทั้งการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก ซึ่งยิ่งเพิ่มมิติแนวโน้มของความเสี่ยง"
