พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายวานนี้( 27 เม.ย.) พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าสำนักงานผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 11 ได้ประสานงานมาให้ไปพบกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่ห้องรับรอง สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจ และขอให้ไปชี้แจงกรณี ที่ตนได้ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.ประวิตร เป็นส่วนหนึ่งของขั้วอำนาจใหม่ทางการเมือง โดยมีนายเนวิน ชิดชอบ รวมอยู่ด้วยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ได้สัมภาษณ์ไว้ ในประเด็นเรื่องการสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ
"ตอนนี้ต้องทำหน้าที่เป็นโฆษกประจำ รมว.กลาโหม เพี่อนำข้อมูลที่ท่านได้บอกกับผม ให้มาชี้แจงกับประชาชนให้เข้าใจว่า ท่านไม่ได้เป็นขั้วอำนาจใหม่ตามที่มีการวิเคราะห์ของสื่อ และสิ่งที่ผมให้สัมภาษณ์ ก็เป็นการวิเคราะห์จากข่าว และจากที่ลูกชายของนายสนธิ (ลิ้มทองกุล) พูด แต่จากการที่ได้พูดกับพล.อ.ประวิตร ท่านบอกว่าไม่คิดเล่นการเมือง และไม่คิดตั้งพรรคการเมือง รวมทั้งไม่เคยมักใหญ่ใฝ่สูง การมาเป็นรมว.กลาโหม ก็เพราะเขาเชิญมา ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือเข้าไปพรรคประชาธิปัตย์เลย มาทำหน้าที่ตรงนี้ ก็เพื่อดูแลกองทัพ และน้องๆให้ทำงานได้"
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ยังบอกให้ตนช่วยดูแลกองทัพ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เพราะทำงานเพื่อส่วนรวมอยู่ ซึ่งก็ได้ชี้แจงไปว่า ที่ผ่านมาได้ทำทุกอย่างในการปกป้อง ทั้งกองทัพ และพล.อ.อนุพงษ์มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการออกหน้าทะเลาะกับสีเหลือง ชี้แจงแทนกองทัพเรื่องการสลายชุมนุมว่าไม่มีคนตาย รวมทั้งเรื่องกระสุน พล.ร.9 แต่กลับโดนตำหนิ อีกทั้งผู้บังคับบัญชาก็ฟังแต่คนรอบข้าง ไม่ได้ฟังว่าชาวบ้านส่วนใหญ่เขาคิดกันอย่างไร ซึ่งตนได้สะท้อนข้อมูล และสถานการณ์ผ่านมาให้ รมว.กลาโหมฟัง เป็นเรื่องที่ท่านไม่เคยรับรู้มาก่อน เพระรอบข้างมีแต่ลิ่วล้อ ไม่ค่อยมีขุนพลคู่ใจ ต้องมี จั่นเจาอย่างตน คอยให้ข้อมูลถึงจะได้ข้อมูลรอบด้าน
"ผมบอกว่า ตอนนี้มีท่านเพียงคนเดียวที่มีบารมี ท่านทำได้คือต้องชี้แจงให้นายกฯรู้ว่า สภาพการเมืองตอนนี้แตกแยกกัน เราต้องละลายโดยยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ ล้างเหลือง แดง น้ำเงิน ให้หมด แล้วไปสู่สนามเลือกตั้ง ตอนนี้มีท่านที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะมีบารมี มีน้องๆในกองทัพ ที่ฟังท่าน แถมพี่ป้อมยังเข้าถึง ป๋าเปรม ได้ด้วย เนวินมันเห็นว่าท่านมีประโยชน์ สามารถคุมสภาพได้หมด แต่เมื่อทุกอย่างสำเร็จตามจุดประสงค์ พี่ทำอะไรได้ตามเป้า เนวิน มันก็จะหักหลังท่านอีก ซึ่งเมื่อผมวิเคราะห์ตรงนี้ให้พี่ประวิตรฟัง ท่านก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี" พล.ต.ขัตติยะ ซึ่งตอนนี้ได้รับการไหว้วานให้เป็นโฆษกประจำตัวรมว.กลาโหม กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ขอออกความเห็นว่า เชื่อ หรือไม่เชื่อ ในคำพูดที่ พล.อ.ประวิตร บอกว่าจะไม่เล่นการเมืองหรือตั้งพรรคการเมือง แต่ตอนนี้พล.อ.ประวิตร ถือเป็นคนที่มีบารมีที่สุด เป็นคนที่นิ่งที่สุด เหมาะจะเป็นนายกฯ ใครๆ ต่างก็ให้การยอมรับ ซึ่งในอดีตทหารก็มีการตั้งพรรคการเมืองมาแล้ว ทั้งพรรคเสรีมนังคศิลา ของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม พรรคสหภูมิ ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และพรรคสามัคคีธรรมของรสช. แต่ตนไม่รู้ว่าจะมีการตั้งพรรคโดยทหารขึ้นอีกหรือไม่ แต่ พล.อ.ประวิตร ขอให้ตนมาชี้แจงในเรื่องนี้ว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับขั้วอำนาจใหม่อย่างที่สื่อวิเคราะห์กัน ก็ขอทำหน้าที่โฆษกฯให้ท่าน เท่านั้นเอง
"ตอนนี้ต้องทำหน้าที่เป็นโฆษกประจำ รมว.กลาโหม เพี่อนำข้อมูลที่ท่านได้บอกกับผม ให้มาชี้แจงกับประชาชนให้เข้าใจว่า ท่านไม่ได้เป็นขั้วอำนาจใหม่ตามที่มีการวิเคราะห์ของสื่อ และสิ่งที่ผมให้สัมภาษณ์ ก็เป็นการวิเคราะห์จากข่าว และจากที่ลูกชายของนายสนธิ (ลิ้มทองกุล) พูด แต่จากการที่ได้พูดกับพล.อ.ประวิตร ท่านบอกว่าไม่คิดเล่นการเมือง และไม่คิดตั้งพรรคการเมือง รวมทั้งไม่เคยมักใหญ่ใฝ่สูง การมาเป็นรมว.กลาโหม ก็เพราะเขาเชิญมา ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือเข้าไปพรรคประชาธิปัตย์เลย มาทำหน้าที่ตรงนี้ ก็เพื่อดูแลกองทัพ และน้องๆให้ทำงานได้"
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ยังบอกให้ตนช่วยดูแลกองทัพ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เพราะทำงานเพื่อส่วนรวมอยู่ ซึ่งก็ได้ชี้แจงไปว่า ที่ผ่านมาได้ทำทุกอย่างในการปกป้อง ทั้งกองทัพ และพล.อ.อนุพงษ์มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการออกหน้าทะเลาะกับสีเหลือง ชี้แจงแทนกองทัพเรื่องการสลายชุมนุมว่าไม่มีคนตาย รวมทั้งเรื่องกระสุน พล.ร.9 แต่กลับโดนตำหนิ อีกทั้งผู้บังคับบัญชาก็ฟังแต่คนรอบข้าง ไม่ได้ฟังว่าชาวบ้านส่วนใหญ่เขาคิดกันอย่างไร ซึ่งตนได้สะท้อนข้อมูล และสถานการณ์ผ่านมาให้ รมว.กลาโหมฟัง เป็นเรื่องที่ท่านไม่เคยรับรู้มาก่อน เพระรอบข้างมีแต่ลิ่วล้อ ไม่ค่อยมีขุนพลคู่ใจ ต้องมี จั่นเจาอย่างตน คอยให้ข้อมูลถึงจะได้ข้อมูลรอบด้าน
"ผมบอกว่า ตอนนี้มีท่านเพียงคนเดียวที่มีบารมี ท่านทำได้คือต้องชี้แจงให้นายกฯรู้ว่า สภาพการเมืองตอนนี้แตกแยกกัน เราต้องละลายโดยยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ ล้างเหลือง แดง น้ำเงิน ให้หมด แล้วไปสู่สนามเลือกตั้ง ตอนนี้มีท่านที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะมีบารมี มีน้องๆในกองทัพ ที่ฟังท่าน แถมพี่ป้อมยังเข้าถึง ป๋าเปรม ได้ด้วย เนวินมันเห็นว่าท่านมีประโยชน์ สามารถคุมสภาพได้หมด แต่เมื่อทุกอย่างสำเร็จตามจุดประสงค์ พี่ทำอะไรได้ตามเป้า เนวิน มันก็จะหักหลังท่านอีก ซึ่งเมื่อผมวิเคราะห์ตรงนี้ให้พี่ประวิตรฟัง ท่านก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี" พล.ต.ขัตติยะ ซึ่งตอนนี้ได้รับการไหว้วานให้เป็นโฆษกประจำตัวรมว.กลาโหม กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ขอออกความเห็นว่า เชื่อ หรือไม่เชื่อ ในคำพูดที่ พล.อ.ประวิตร บอกว่าจะไม่เล่นการเมืองหรือตั้งพรรคการเมือง แต่ตอนนี้พล.อ.ประวิตร ถือเป็นคนที่มีบารมีที่สุด เป็นคนที่นิ่งที่สุด เหมาะจะเป็นนายกฯ ใครๆ ต่างก็ให้การยอมรับ ซึ่งในอดีตทหารก็มีการตั้งพรรคการเมืองมาแล้ว ทั้งพรรคเสรีมนังคศิลา ของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม พรรคสหภูมิ ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และพรรคสามัคคีธรรมของรสช. แต่ตนไม่รู้ว่าจะมีการตั้งพรรคโดยทหารขึ้นอีกหรือไม่ แต่ พล.อ.ประวิตร ขอให้ตนมาชี้แจงในเรื่องนี้ว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับขั้วอำนาจใหม่อย่างที่สื่อวิเคราะห์กัน ก็ขอทำหน้าที่โฆษกฯให้ท่าน เท่านั้นเอง