วานนี้(21 เม.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝ่ายป้องกันปราบปรามอาชญากรรม 1 (รอง ผบ.ตร.ปป.1) เปิดเผยความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าคดีนี้เพิ่งประชุมคณะพนักงานสอบสวนไป รออีกหน่อยอีกไม่นานจะมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยตนจะไปสอบปากคำ นายสนธิ ด้วยตนเอง
"สำหรับประเด็นการสืบสวนสอบสวนกลุ่มคนร้ายนั้น ขณะนี้ตำรวจกำลังจับตาพฤติการณ์ของแต่ละกลุ่มที่สงสัย ซึ่งดูกว้างๆ ทุกประเด็นอาชญากรรม ซึ่งเป็นข้อมูลที่ตำรวจเรามีอยู่แล้ว ส่วนจะโยงได้ถึงไหนก็ต้องสืบสวนสอบสวนตามพยานหลักฐาน ซึ่งไม่กำหนดกรอบระยะเวลา ไม่อยากกดดัน แต่จะทำให้ดีที่สุด แม้จะมวลชนเสื้อเหลืองกดดันก็ไม่กระทบต่อการทำคดี เพราะตำรวจเราต้องไม่เป๋ ไม่วอกแวก ต้องนิ่งและทำงานไปตามหน้าที่"
เมื่อถามว่า เกรงจะมีการล้างแค้นกันเองหรือไม่ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เชื่อว่าคงไม่อย่างนั้น เพราะบ้านเมืองมีขื่อมีแป เรื่องคดีความและการป้องกันอาชญากรรม เป็นหน้าที่ของตำรวจอยู่แล้ว ส่วนการดูแลนายสนธิ นั้น หลังออกจากโรงพยาบาลก็จะจัดกำลังไปดูแล
**”ธานี” รุดสอบปากคำ“สนธิ”
เวลาประมาณ 14.10 น. พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ เดิทางเข้าเยี่ยมนายสนธิ ที่ห้องพักผู้ป่วยใน ตึก สก. โรงพยาบาลจุฬาฯ และใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 30 นาที
จากนั้นได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้มาพูดคุยกับผู้เสียหายเพื่อดูว่าผู้เสียหายจะสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายยังไม่แข็งแรงมากนักจึงยังไม่ได้รายละเอียดอะไร และหลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ยังระบุไม่ได้ว่านายสนธิจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้เมื่อไหร่ ส่วนความคืบหน้าของคดีคงต้องรอผลการสืบสวนของพื้นที่ที่มอบหมายไปก่อนหน้านี้ก่อน
ส่วนข้อถามที่ว่า ในวันศุกร์นี้ที่นายสนธิอาจจะออกจากโรงพยาบาลจะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยเพิ่มขึ้นหรือไม่อย่างไร พล.ต.อ.ธานีกล่าวว่า จะจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดูแลความปลอดภัยตามปกติ และไม่เพิ่มจำนวนแต่อย่างใด
**ยันไม่ใส่กระสุนที่ตำรวจใช้**
พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งดูวิถีกระสุน และจุดที่คาดว่าคนร้ายยิงอาวุธปืนใส่รถของนายสนธิ พร้อมตรวจสอบทิศทางการหลบหนีของคนร้าย โดยนำพยานที่เห็นเหตุการณ์มาชี้จุดที่เกิดเหตุ และตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าสอดคล้องกับคำที่เคยให้การไว้หรือไม่ ซึ่งในชั้นนี้คงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากนักเป็นเรื่องของสำนวนคดี ส่วนสาเหตุการลอบยิงนั้นยังไม่ชี้ชัดว่าเป็นกลุ่มไหน แต่เชื่อว่าผู้ต้องหาหวังเอาชีวิตอย่างแน่นอน และจากการตรวจสอบกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุตัดไปได้เลยว่าไม่ใช่เป็นกระสุนที่ใช้ในหน่วยงานตำรวจอย่างแน่นอน
**พยานเห็นมือปืนยิงถล่มรถ"สนธิ"**
วันเดียวกันเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของ สน.ชนะสงคราม ได้นำพยานบุคคลซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สน.ชนะสงคราม โดยพยานคนดังกล่าวให้การว่า ในวันเกิดเหตุได้อาศัยนอนอยู่ยังสถานที่ทำงานใกล้ที่เกิดเหตุ และเตรียมตัวที่จะเข้าทำงานต่อ โดยขณะนั้นมีพนักงานมายังสถานที่ทำงานแล้วรวมประมาณ 7 คน ขณะที่ตนได้ไปนั่งพักผ่อนรอเวลาเข้างานที่หน้าศาลพระภูมิ
พยานบุคคลผู้นี้ระบุอีกว่า ขณะนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นก่อน 2 นัดจึงหันไปดูก็เห็นรถของนายสนธิ ขับมาถึงหน้าที่ทำงาน ก่อนที่จะมีรถกระบะสีเข้มขับปาดหน้า แต่ไม่ได้หยุดสนิท เพียงชะลอเครื่องยนต์ แล้วคนร้ายที่ซุ่มอยู่หลังกระบะท้ายรถก็ลุกขึ้นมา โดยคนร้ายคนหนึ่งยืนขึ้นประทับปืน ขณะที่อีกคนหนึ่งลุกขึ้นนั่งประทับปืนเล็งเข้าใส่รถนายสนธิแล้วลั่นไกถล่ม
“ผมจำได้ว่า 2 คนร้ายใส่เสื้อขาว สวมกางเกงลายพราง โดยจำได้ว่าคนหนึ่งตัดผมรองทรงสูง เมื่อคนร้ายพากันยิงเสร็จแล้ว รถกระบะก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเห็นนายสนธิ เดินลงมาจากรถ ในขณะที่รถติดตามนายสนธิ ก็มีคนลงมาช่วยกันนำคนขับรถของนายสนธิ ส่งโรงพยาบาล” พยานให้การ
**กองทัพพร้อมให้ความร่วมมือ
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีคนร้ายลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่มีกระแสข่าวว่า ทหารและตำรวจ เข้าไปเกี่ยวพัน ว่า กองทัพบกไม่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของตำรวจ หากมีข้อมูลว่าทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง และตำรวจขอข้อมูลกองทัพพร้อมให้ความร่วมมือ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งมาว่าทหารมีส่วนกับเรื่องดังกล่าว
**“อดุลย์” พ้นโคม่า-พูดคุยได้**
ผู้สื่อข่าวรายงานจากโถงอาคารชั้นล่าง ตึก สก. รพ.จุฬาฯ ว่าทางโรงพยาบาล ได้นำใบแจ้งผลการรักษานายสนธิ ลิ้มทองกุล มาแจกให้สื่อมวลชน ซึ่งใบแจ้งดังกล่าวระบุว่า “โดยวันนี้ (21 เม.ย. 52) รศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผอ.รพ.จุฬาฯ และคณบดีแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้แจ้งว่า อาการโดยทั่วไปของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี และช่วยเหลือตัวเองได้ บาดแผลดีไม่ติดเชื้อ ไม่มีอาการแทรกซ้อน รับประทานอาหารได้ โดยทีมแพทย์ขอดูอาการอีกสักระยะหนึ่ง
สำหรับนายอดุลย์ แดงประดับ ขณะนี้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นตามลำดับ สามารถเอาท่อช่วยหายใจออกได้ รู้สึกตัวดี พูดคุยได้ แขนข้างซ้ายมีกำลังมากขึ้น เอาท่อระบายน้ำจากทรวงอกออกแล้ว หายใจได้ดี แผลที่แขนขวามีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย สัญญาณชีพปกติ และยังเฝ้ารอดูอาการอย่างใกล้ชิดในห้องไอซียูต่อไป ส่วนนายวาร์ยุภักดิ์ มังคละสินธุ์ ผู้ป่วยรายนี้บาดแผลดี ไม่มีไข้ อาการทั่วไปปกติดี”
**พ่อเผย “อดุลย์” ถามหา “สนธิ-ลูก”
นายออด แดงประดับ อายุ 62 ปี บิดาของนายอดุลย์ แดงประดับ ซึ่งเฝ้าไข้ลูกชายอยู่ที่ รพ.จุฬาฯ เปิดเผยว่าขณะนี้นายอดุลย์ มีอาการดีขึ้นมาก และคุณหมอแจ้งว่าอาการปลอดภัยแล้ว รู้สึกดีใจมาก หลังเกิดเหตุรู้สึกเสียใจและแค้นใจผู้ที่ก่อเหตุครั้งนี้ ซึ่งตนได้บอกให้ลูกชายสู้ นอกจากนี้ นายอดุลย์ ได้ถามถึงลูกชายและลูกสาวทั้งสองคน และถามถึงนายสนธิ ก็ได้บอกลูกว่าปลอดภัยดี ไม่ต้องเป็นห่วง
“หากย้อนเวลากลับไปได้ ก็ยังยืนยันให้เขาทำหน้าที่คนขับรถคุณสนธิเช่นเดิม และไม่ได้รู้สึกว่าตัดสินใจผิด ตัวเขาเองก็รักงานที่ทำ และเชื่อว่าลูกชายทำสิ่งที่ถูกต้อง เพราะคุณสนธิเป็นคนดี หากหายกลับมาก็ยืนยันให้ทำงานเหมือนเดิม นอกจากนี้ ขอขอบคุณทุกคนทั้งที่ให้กำลังและที่ร่วมบริจาคค่ารักษาพยาบาลให้ลูกชาย หากเป็นชาวพุทธก็ขอให้พระคุ้มครอง หากเป็นอิสลามขอให้พระอัลเลาะห์คุ้มครอง ขอให้อยู่เย็นเป็นสุขทุกคน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอดุลย์มีลูก 2 คน คนโตคือ ด.ช.อิศเรศ อายุ 5 ขวบ คนเล็กคือ ด.ญ.อิศรา หรือน้องแก้ม อายุ 1 ขวบ 10 เดือน
**นาทียิง“สนธิ”ระลึกถึงในหลวง**
นายวีระ สมความคิด ประธานอำนวยการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น กล่าวภายหลังเยี่ยมอาการนายสนธิ ว่านายสนธิมีอาการดีขึ้น คาดว่าน่าจะกลับบ้านได้ภายใน 2-3 วันนี้ นายสนธิ ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก นายสนธิ นั่งอยู่เบาะหลังและไม่ได้หลบ สามารถจดจำและเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างได้ดี ตอนเกิดเหตุนึกถึงแต่พระบาทสมเด็จพระอยู่หัว เพียงพระองค์เดียว
**พธม.-บุคคลสำคัญทยอยเยี่ยม
ที่ใต้โถงอาคารชั้นล่าง ตึก สก. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นจุดที่ทางโรงพยาบาลจัดให้ลงชื่อเยี่ยมและเป็นกำลังใจให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายอดุลย์ แดงประดับ คนขับรถ และนายวาร์ยุภักดิ์ มังคละสินธุ์ ผู้ติดตาม ได้รับบาดเจ็บว่า มีประชาชนเดินทางมาเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกระเช้าดอกไม้กำลังใจนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายังคงถูกทยอยส่งมาอย่างต่อเนื่อง ได้แด่ นายสุระ จันทร์ศรีชวาลา ประธานบริษัท มิตรแท้ประกันภัย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน นายไพฑูรย์ แก้วทอง รมว.แรงงาน ,เครือข่ายจุฬาฯ เชิดชูคุณธรรม,นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองพัทยา,พันธมิตรญี่ปุ่น,และพันธมิตรจังหวัดต่างๆ เช่นพันธมิตรเพชรบุรี พันธมิตรภูเขียว ฯลฯ
**“อาจารย์ย่า” รัฐต้องให้คุ้มครองชีวิตสื่อ
รศ.ดร.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ หรือ “อาจารย์ย่า” นักวิชาการอิสระ อดีตอาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวหลังเดินทางมาลงชื่อเยี่ยมนายสนธิว่า การยิงสื่อมีมานานแล้วในอดีต และคิดว่า เราผ่านพ้นช่วงนั้นมาไกลแล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า การพูดความจริงของสื่อยังเป็นปัญหาอยู่ในสังคมไทย
ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องให้ความคุ้มครองชีวิตของคนทำงานสื่อ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ และกรณีที่เกิดขึ้นกับนายสนธิ สังคมก็จับตามองอย่างใกล้ชิด
"สำหรับประเด็นการสืบสวนสอบสวนกลุ่มคนร้ายนั้น ขณะนี้ตำรวจกำลังจับตาพฤติการณ์ของแต่ละกลุ่มที่สงสัย ซึ่งดูกว้างๆ ทุกประเด็นอาชญากรรม ซึ่งเป็นข้อมูลที่ตำรวจเรามีอยู่แล้ว ส่วนจะโยงได้ถึงไหนก็ต้องสืบสวนสอบสวนตามพยานหลักฐาน ซึ่งไม่กำหนดกรอบระยะเวลา ไม่อยากกดดัน แต่จะทำให้ดีที่สุด แม้จะมวลชนเสื้อเหลืองกดดันก็ไม่กระทบต่อการทำคดี เพราะตำรวจเราต้องไม่เป๋ ไม่วอกแวก ต้องนิ่งและทำงานไปตามหน้าที่"
เมื่อถามว่า เกรงจะมีการล้างแค้นกันเองหรือไม่ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เชื่อว่าคงไม่อย่างนั้น เพราะบ้านเมืองมีขื่อมีแป เรื่องคดีความและการป้องกันอาชญากรรม เป็นหน้าที่ของตำรวจอยู่แล้ว ส่วนการดูแลนายสนธิ นั้น หลังออกจากโรงพยาบาลก็จะจัดกำลังไปดูแล
**”ธานี” รุดสอบปากคำ“สนธิ”
เวลาประมาณ 14.10 น. พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ เดิทางเข้าเยี่ยมนายสนธิ ที่ห้องพักผู้ป่วยใน ตึก สก. โรงพยาบาลจุฬาฯ และใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 30 นาที
จากนั้นได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้มาพูดคุยกับผู้เสียหายเพื่อดูว่าผู้เสียหายจะสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายยังไม่แข็งแรงมากนักจึงยังไม่ได้รายละเอียดอะไร และหลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ยังระบุไม่ได้ว่านายสนธิจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้เมื่อไหร่ ส่วนความคืบหน้าของคดีคงต้องรอผลการสืบสวนของพื้นที่ที่มอบหมายไปก่อนหน้านี้ก่อน
ส่วนข้อถามที่ว่า ในวันศุกร์นี้ที่นายสนธิอาจจะออกจากโรงพยาบาลจะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยเพิ่มขึ้นหรือไม่อย่างไร พล.ต.อ.ธานีกล่าวว่า จะจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดูแลความปลอดภัยตามปกติ และไม่เพิ่มจำนวนแต่อย่างใด
**ยันไม่ใส่กระสุนที่ตำรวจใช้**
พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งดูวิถีกระสุน และจุดที่คาดว่าคนร้ายยิงอาวุธปืนใส่รถของนายสนธิ พร้อมตรวจสอบทิศทางการหลบหนีของคนร้าย โดยนำพยานที่เห็นเหตุการณ์มาชี้จุดที่เกิดเหตุ และตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าสอดคล้องกับคำที่เคยให้การไว้หรือไม่ ซึ่งในชั้นนี้คงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากนักเป็นเรื่องของสำนวนคดี ส่วนสาเหตุการลอบยิงนั้นยังไม่ชี้ชัดว่าเป็นกลุ่มไหน แต่เชื่อว่าผู้ต้องหาหวังเอาชีวิตอย่างแน่นอน และจากการตรวจสอบกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุตัดไปได้เลยว่าไม่ใช่เป็นกระสุนที่ใช้ในหน่วยงานตำรวจอย่างแน่นอน
**พยานเห็นมือปืนยิงถล่มรถ"สนธิ"**
วันเดียวกันเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของ สน.ชนะสงคราม ได้นำพยานบุคคลซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สน.ชนะสงคราม โดยพยานคนดังกล่าวให้การว่า ในวันเกิดเหตุได้อาศัยนอนอยู่ยังสถานที่ทำงานใกล้ที่เกิดเหตุ และเตรียมตัวที่จะเข้าทำงานต่อ โดยขณะนั้นมีพนักงานมายังสถานที่ทำงานแล้วรวมประมาณ 7 คน ขณะที่ตนได้ไปนั่งพักผ่อนรอเวลาเข้างานที่หน้าศาลพระภูมิ
พยานบุคคลผู้นี้ระบุอีกว่า ขณะนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นก่อน 2 นัดจึงหันไปดูก็เห็นรถของนายสนธิ ขับมาถึงหน้าที่ทำงาน ก่อนที่จะมีรถกระบะสีเข้มขับปาดหน้า แต่ไม่ได้หยุดสนิท เพียงชะลอเครื่องยนต์ แล้วคนร้ายที่ซุ่มอยู่หลังกระบะท้ายรถก็ลุกขึ้นมา โดยคนร้ายคนหนึ่งยืนขึ้นประทับปืน ขณะที่อีกคนหนึ่งลุกขึ้นนั่งประทับปืนเล็งเข้าใส่รถนายสนธิแล้วลั่นไกถล่ม
“ผมจำได้ว่า 2 คนร้ายใส่เสื้อขาว สวมกางเกงลายพราง โดยจำได้ว่าคนหนึ่งตัดผมรองทรงสูง เมื่อคนร้ายพากันยิงเสร็จแล้ว รถกระบะก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเห็นนายสนธิ เดินลงมาจากรถ ในขณะที่รถติดตามนายสนธิ ก็มีคนลงมาช่วยกันนำคนขับรถของนายสนธิ ส่งโรงพยาบาล” พยานให้การ
**กองทัพพร้อมให้ความร่วมมือ
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีคนร้ายลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่มีกระแสข่าวว่า ทหารและตำรวจ เข้าไปเกี่ยวพัน ว่า กองทัพบกไม่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของตำรวจ หากมีข้อมูลว่าทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง และตำรวจขอข้อมูลกองทัพพร้อมให้ความร่วมมือ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งมาว่าทหารมีส่วนกับเรื่องดังกล่าว
**“อดุลย์” พ้นโคม่า-พูดคุยได้**
ผู้สื่อข่าวรายงานจากโถงอาคารชั้นล่าง ตึก สก. รพ.จุฬาฯ ว่าทางโรงพยาบาล ได้นำใบแจ้งผลการรักษานายสนธิ ลิ้มทองกุล มาแจกให้สื่อมวลชน ซึ่งใบแจ้งดังกล่าวระบุว่า “โดยวันนี้ (21 เม.ย. 52) รศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผอ.รพ.จุฬาฯ และคณบดีแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้แจ้งว่า อาการโดยทั่วไปของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี และช่วยเหลือตัวเองได้ บาดแผลดีไม่ติดเชื้อ ไม่มีอาการแทรกซ้อน รับประทานอาหารได้ โดยทีมแพทย์ขอดูอาการอีกสักระยะหนึ่ง
สำหรับนายอดุลย์ แดงประดับ ขณะนี้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นตามลำดับ สามารถเอาท่อช่วยหายใจออกได้ รู้สึกตัวดี พูดคุยได้ แขนข้างซ้ายมีกำลังมากขึ้น เอาท่อระบายน้ำจากทรวงอกออกแล้ว หายใจได้ดี แผลที่แขนขวามีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย สัญญาณชีพปกติ และยังเฝ้ารอดูอาการอย่างใกล้ชิดในห้องไอซียูต่อไป ส่วนนายวาร์ยุภักดิ์ มังคละสินธุ์ ผู้ป่วยรายนี้บาดแผลดี ไม่มีไข้ อาการทั่วไปปกติดี”
**พ่อเผย “อดุลย์” ถามหา “สนธิ-ลูก”
นายออด แดงประดับ อายุ 62 ปี บิดาของนายอดุลย์ แดงประดับ ซึ่งเฝ้าไข้ลูกชายอยู่ที่ รพ.จุฬาฯ เปิดเผยว่าขณะนี้นายอดุลย์ มีอาการดีขึ้นมาก และคุณหมอแจ้งว่าอาการปลอดภัยแล้ว รู้สึกดีใจมาก หลังเกิดเหตุรู้สึกเสียใจและแค้นใจผู้ที่ก่อเหตุครั้งนี้ ซึ่งตนได้บอกให้ลูกชายสู้ นอกจากนี้ นายอดุลย์ ได้ถามถึงลูกชายและลูกสาวทั้งสองคน และถามถึงนายสนธิ ก็ได้บอกลูกว่าปลอดภัยดี ไม่ต้องเป็นห่วง
“หากย้อนเวลากลับไปได้ ก็ยังยืนยันให้เขาทำหน้าที่คนขับรถคุณสนธิเช่นเดิม และไม่ได้รู้สึกว่าตัดสินใจผิด ตัวเขาเองก็รักงานที่ทำ และเชื่อว่าลูกชายทำสิ่งที่ถูกต้อง เพราะคุณสนธิเป็นคนดี หากหายกลับมาก็ยืนยันให้ทำงานเหมือนเดิม นอกจากนี้ ขอขอบคุณทุกคนทั้งที่ให้กำลังและที่ร่วมบริจาคค่ารักษาพยาบาลให้ลูกชาย หากเป็นชาวพุทธก็ขอให้พระคุ้มครอง หากเป็นอิสลามขอให้พระอัลเลาะห์คุ้มครอง ขอให้อยู่เย็นเป็นสุขทุกคน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอดุลย์มีลูก 2 คน คนโตคือ ด.ช.อิศเรศ อายุ 5 ขวบ คนเล็กคือ ด.ญ.อิศรา หรือน้องแก้ม อายุ 1 ขวบ 10 เดือน
**นาทียิง“สนธิ”ระลึกถึงในหลวง**
นายวีระ สมความคิด ประธานอำนวยการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น กล่าวภายหลังเยี่ยมอาการนายสนธิ ว่านายสนธิมีอาการดีขึ้น คาดว่าน่าจะกลับบ้านได้ภายใน 2-3 วันนี้ นายสนธิ ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก นายสนธิ นั่งอยู่เบาะหลังและไม่ได้หลบ สามารถจดจำและเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างได้ดี ตอนเกิดเหตุนึกถึงแต่พระบาทสมเด็จพระอยู่หัว เพียงพระองค์เดียว
**พธม.-บุคคลสำคัญทยอยเยี่ยม
ที่ใต้โถงอาคารชั้นล่าง ตึก สก. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นจุดที่ทางโรงพยาบาลจัดให้ลงชื่อเยี่ยมและเป็นกำลังใจให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายอดุลย์ แดงประดับ คนขับรถ และนายวาร์ยุภักดิ์ มังคละสินธุ์ ผู้ติดตาม ได้รับบาดเจ็บว่า มีประชาชนเดินทางมาเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกระเช้าดอกไม้กำลังใจนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายังคงถูกทยอยส่งมาอย่างต่อเนื่อง ได้แด่ นายสุระ จันทร์ศรีชวาลา ประธานบริษัท มิตรแท้ประกันภัย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน นายไพฑูรย์ แก้วทอง รมว.แรงงาน ,เครือข่ายจุฬาฯ เชิดชูคุณธรรม,นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองพัทยา,พันธมิตรญี่ปุ่น,และพันธมิตรจังหวัดต่างๆ เช่นพันธมิตรเพชรบุรี พันธมิตรภูเขียว ฯลฯ
**“อาจารย์ย่า” รัฐต้องให้คุ้มครองชีวิตสื่อ
รศ.ดร.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ หรือ “อาจารย์ย่า” นักวิชาการอิสระ อดีตอาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวหลังเดินทางมาลงชื่อเยี่ยมนายสนธิว่า การยิงสื่อมีมานานแล้วในอดีต และคิดว่า เราผ่านพ้นช่วงนั้นมาไกลแล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า การพูดความจริงของสื่อยังเป็นปัญหาอยู่ในสังคมไทย
ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องให้ความคุ้มครองชีวิตของคนทำงานสื่อ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ และกรณีที่เกิดขึ้นกับนายสนธิ สังคมก็จับตามองอย่างใกล้ชิด