หยุดสงกรานต์ปีนี้ผมตั้งใจว่าจะไม่ไปไหน โดยเฉพาะขับรถไปไกลๆ เพราะเหตุผลเดียวที่ว่าไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนดี อีกทั้งหลานแฝดผมจะมาหาจากจังหวัดพะเยา
หลานแฝดชายหญิงนี้อายุ 4 ขวบแล้ว เรียนเก่งทั้งคู่ สอบได้ที่หนึ่ง (ผู้หญิง) ที่สาม (ผู้ชาย) กำลังน่ารัก ไม่ซนแต่ก็ติดแม่ทั้งคู่
ทั้ง 2 คน ชอบเตือนไม่ให้ผมสูบบุหรี่
และไม่เคยร้องไห้เพื่อเอาของเล่น แม้ว่าผมจะซื้อให้ก็จะบอกว่ามีหมดทุกอย่างแล้ว
การมีหลาน 2 คน ทำให้ผมอยู่ติดบ้านสำหรับสงกรานต์ปีนี้
ผมเลยคิดว่าคงจะต้องหยิบหนังสือเก่ามาอ่านอีกครั้ง
ที่บ้านผมมีหนังสือเก่า (จริงๆ) คือผมซื้อเซกันแฮนด์ หรือหนังสือมือสอง ก็ซื้อแถวถนนข้าวสารเล่มละไม่เกิน 150 บาท
นักเขียนที่ผมสะสมจริงจังมี 2 คน
คือ เจฟฟรีย์ อาร์ชเชอร์, ซิดนีย์ เชลดอน
สงกรานต์นี้ผมจะปัดฝุ่นเอาหนังสือของอาร์ชเชอร์มาอ่านอีก ทั้ง 2 ท่านนี้ผมมีครบทุกเรื่อง
ผมนั้นชอบอาร์ชเชอร์มาก และเขามีประวัติน่าสนใจนะครับ
อาร์ชเชอร์มีบรรดาศักดิ์ด้วย ผมไม่ทราบว่าพระราชินีอังกฤษให้บรรดาศักดิ์เขาตั้งแต่ปีไหน
ดังนั้นเราต้องเรียกอาร์ชเชอร์เต็มๆ ว่า
Baron Archer of Super-Mare ครับจึงถูกต้อง
ชื่อเต็มๆ ของเขาเมื่อเกิด พ่อแม่ตั้งให้คือ เจฟฟรีย์ โฮเวิร์ด ฮาร์ชเชอร์
เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน 1940
นอกจากจะเขียนนวนิยาย, บทละคร, เรื่องสั้นแล้ว เขายังเป็นนักแสดงด้วยครับ
หนังสือของเขานั้น ขายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านเล่ม และเขามีรายได้จากหนังสือเขา ผมคำนวณว่าถ้าเขาได้เล่มละแค่ 30 บาท ก็จะมีเงิน 3,000 ล้านบาท
จริงๆ แล้ว เขาได้มากกว่านี้เยอะ
เพราะว่านวนิยายของเขาถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์ก็หลายเรื่องนะครับ
อาร์ชเชอร์นั้นวิ่งเร็ว เป็นตัวแทนอังกฤษวิ่ง 100 เมตรในโอลิมปิก ปีไหนผมจำไม่ได้แล้ว
เขาแต่งงานกับหญิงสาวชื่อ แมรี่ เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 1966
อาร์ชเชอร์เกิดเมื่อ 15 เมษายน 1940 ในโรงพยาบาลแมเทอนิตี้แห่งนครลอนดอน
หลังเกิดแค่สองอาทิตย์ครอบครัวก็ย้ายไปอยู่เมืองที่ติดทะเลคือเมือง Weston super-man ซึ่งเขารับบรรดาศักดิ์ตามเมืองที่เขาเติบโตมานี่แหละ
ตอนเด็กเขารับทุนเรียนดีไปอยู่โรงเรียนเวลลิงตันที่เมืองเดียวกับที่เขาอยู่ในพื้นที่ซัมเมอร์เซต
แม่เขาก็เป็นนักเขียนคอลัมน์ให้กับ นสพ.ท้องถิ่น
และเขียนถึงลูกๆ คือตัวเขานี้แหละ
กรรมก็เลยทำให้เขาโดนเพื่อนๆ ในโรงเรียนแกล้งเพราะข้อเขียนของแม่นี้แหละครับ
เขาสอบผ่าน O-lever ด้าน English Literature, Art และ History และหลังจากนั้นก็ไปทำงานหลายอย่างเท่าที่เด็กที่โตพอจะทำงานได้ชอบทำกัน
เขาได้รับการฝึกทั้งการเป็นทหารและตำรวจ แต่ดูเหมือนจะไม่ตรงกับจริตนัก เลยไปสมัครเป็นครูพละ โดยเด็กๆ จะชอบเขามากเป็นพิเศษ เพราะเขาใกล้ชิด เอาใจใส่ ใจดีและคอยกระตุ้นเด็กๆ ให้มีกำลังใจ
หลังจากสอนในโรงเรียนได้ไม่นาน เขาก็เข้าไปเรียนด้านการศึกษาที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดในแผนกศึกษาศาสตร์ จนได้ประกาศนียบัตรและทำให้เขามีสถานภาพเป็นครูอย่างถูกต้อง
แต่เขากลับช่วยงานการกุศลให้กับ Oxfam และรณรงค์หาเงินการกุศลร่วมกับวงบีทเทิ้ลหรือพวกสี่เต่าทอง
ครั้งหนึ่งเขาเข้าไปปัสสาวะโดยยืนติดกับริงโก้ สตาร์ หลังจากนั้นมีคนไปถามริงโก้ว่ารู้จักเขาหรือไม่ ริงโก้ก็ตอบว่า “ไอ้หมอนั่นเรอะ ... ดูเป็นคนดีนะ แต่ผมคล้ายกับว่าหมอน่าจะเอาเยี่ยวใส่ขวดมาขายเสียมากกว่าว่ะ”
ครับ... ริงโก้ ไม่มีพูดอะไรจริงจัง
เขาเป็นแค่พูดให้ติดตลกเท่านั้น
อาร์ชเชอร์สนใจการเมืองมาก และเข้าไปอยู่กับพรรคอนุรักษนิยมตั้งแต่ยังหนุ่มแค่อายุ 29 เขาได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งซ่อมเป็น ส.ส.ของเขตลิงคอนเชียร์ ในเดือนธันวาคม 1969
นิยายเล่มแรก Not a Penney More, Not a Penny Less พิมพ์ครั้งแรกในอเมริกา พอออกมาก็ขายแบบเทน้ำเทท่า
แต่เรื่องต่อมา Ken And Abel ขายดีเป็น Best Seller ติดทอปของ New York Times เลยครับ เรื่องนี้ถูกนำไปเป็นมินิซีรีส์ โดย CBS มีแซมนีลจากนิวซีแลนด์ และปีเตอร์ สเตารท์ แสดงคู่กันสนุกมากครับเรื่องนี้ และผมมีภาพยนตร์มินิซีรีส์เรื่องนี้ด้วย
เรื่อง First Amery Equals เป็นนวนิยายอีกเล่มที่บริษัท Granada TV เอาไปทำ Mini Series 10 ตอน
ในปี 1985 มาร์กาเร็ต แธตเชอร์ ซึ่งมักมีชื่ออยู่ในนวนิยายของเขา ตั้งอาร์ชเชอร์ เป็นรองหัวหน้าพรรคคอนเซอร์เวตีฟ
นี่คือหนังสือสักเล่มของเขาสำหรับผมในสงกรานต์ปีนี้
หลานแฝดชายหญิงนี้อายุ 4 ขวบแล้ว เรียนเก่งทั้งคู่ สอบได้ที่หนึ่ง (ผู้หญิง) ที่สาม (ผู้ชาย) กำลังน่ารัก ไม่ซนแต่ก็ติดแม่ทั้งคู่
ทั้ง 2 คน ชอบเตือนไม่ให้ผมสูบบุหรี่
และไม่เคยร้องไห้เพื่อเอาของเล่น แม้ว่าผมจะซื้อให้ก็จะบอกว่ามีหมดทุกอย่างแล้ว
การมีหลาน 2 คน ทำให้ผมอยู่ติดบ้านสำหรับสงกรานต์ปีนี้
ผมเลยคิดว่าคงจะต้องหยิบหนังสือเก่ามาอ่านอีกครั้ง
ที่บ้านผมมีหนังสือเก่า (จริงๆ) คือผมซื้อเซกันแฮนด์ หรือหนังสือมือสอง ก็ซื้อแถวถนนข้าวสารเล่มละไม่เกิน 150 บาท
นักเขียนที่ผมสะสมจริงจังมี 2 คน
คือ เจฟฟรีย์ อาร์ชเชอร์, ซิดนีย์ เชลดอน
สงกรานต์นี้ผมจะปัดฝุ่นเอาหนังสือของอาร์ชเชอร์มาอ่านอีก ทั้ง 2 ท่านนี้ผมมีครบทุกเรื่อง
ผมนั้นชอบอาร์ชเชอร์มาก และเขามีประวัติน่าสนใจนะครับ
อาร์ชเชอร์มีบรรดาศักดิ์ด้วย ผมไม่ทราบว่าพระราชินีอังกฤษให้บรรดาศักดิ์เขาตั้งแต่ปีไหน
ดังนั้นเราต้องเรียกอาร์ชเชอร์เต็มๆ ว่า
Baron Archer of Super-Mare ครับจึงถูกต้อง
ชื่อเต็มๆ ของเขาเมื่อเกิด พ่อแม่ตั้งให้คือ เจฟฟรีย์ โฮเวิร์ด ฮาร์ชเชอร์
เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน 1940
นอกจากจะเขียนนวนิยาย, บทละคร, เรื่องสั้นแล้ว เขายังเป็นนักแสดงด้วยครับ
หนังสือของเขานั้น ขายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านเล่ม และเขามีรายได้จากหนังสือเขา ผมคำนวณว่าถ้าเขาได้เล่มละแค่ 30 บาท ก็จะมีเงิน 3,000 ล้านบาท
จริงๆ แล้ว เขาได้มากกว่านี้เยอะ
เพราะว่านวนิยายของเขาถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์ก็หลายเรื่องนะครับ
อาร์ชเชอร์นั้นวิ่งเร็ว เป็นตัวแทนอังกฤษวิ่ง 100 เมตรในโอลิมปิก ปีไหนผมจำไม่ได้แล้ว
เขาแต่งงานกับหญิงสาวชื่อ แมรี่ เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 1966
อาร์ชเชอร์เกิดเมื่อ 15 เมษายน 1940 ในโรงพยาบาลแมเทอนิตี้แห่งนครลอนดอน
หลังเกิดแค่สองอาทิตย์ครอบครัวก็ย้ายไปอยู่เมืองที่ติดทะเลคือเมือง Weston super-man ซึ่งเขารับบรรดาศักดิ์ตามเมืองที่เขาเติบโตมานี่แหละ
ตอนเด็กเขารับทุนเรียนดีไปอยู่โรงเรียนเวลลิงตันที่เมืองเดียวกับที่เขาอยู่ในพื้นที่ซัมเมอร์เซต
แม่เขาก็เป็นนักเขียนคอลัมน์ให้กับ นสพ.ท้องถิ่น
และเขียนถึงลูกๆ คือตัวเขานี้แหละ
กรรมก็เลยทำให้เขาโดนเพื่อนๆ ในโรงเรียนแกล้งเพราะข้อเขียนของแม่นี้แหละครับ
เขาสอบผ่าน O-lever ด้าน English Literature, Art และ History และหลังจากนั้นก็ไปทำงานหลายอย่างเท่าที่เด็กที่โตพอจะทำงานได้ชอบทำกัน
เขาได้รับการฝึกทั้งการเป็นทหารและตำรวจ แต่ดูเหมือนจะไม่ตรงกับจริตนัก เลยไปสมัครเป็นครูพละ โดยเด็กๆ จะชอบเขามากเป็นพิเศษ เพราะเขาใกล้ชิด เอาใจใส่ ใจดีและคอยกระตุ้นเด็กๆ ให้มีกำลังใจ
หลังจากสอนในโรงเรียนได้ไม่นาน เขาก็เข้าไปเรียนด้านการศึกษาที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดในแผนกศึกษาศาสตร์ จนได้ประกาศนียบัตรและทำให้เขามีสถานภาพเป็นครูอย่างถูกต้อง
แต่เขากลับช่วยงานการกุศลให้กับ Oxfam และรณรงค์หาเงินการกุศลร่วมกับวงบีทเทิ้ลหรือพวกสี่เต่าทอง
ครั้งหนึ่งเขาเข้าไปปัสสาวะโดยยืนติดกับริงโก้ สตาร์ หลังจากนั้นมีคนไปถามริงโก้ว่ารู้จักเขาหรือไม่ ริงโก้ก็ตอบว่า “ไอ้หมอนั่นเรอะ ... ดูเป็นคนดีนะ แต่ผมคล้ายกับว่าหมอน่าจะเอาเยี่ยวใส่ขวดมาขายเสียมากกว่าว่ะ”
ครับ... ริงโก้ ไม่มีพูดอะไรจริงจัง
เขาเป็นแค่พูดให้ติดตลกเท่านั้น
อาร์ชเชอร์สนใจการเมืองมาก และเข้าไปอยู่กับพรรคอนุรักษนิยมตั้งแต่ยังหนุ่มแค่อายุ 29 เขาได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งซ่อมเป็น ส.ส.ของเขตลิงคอนเชียร์ ในเดือนธันวาคม 1969
นิยายเล่มแรก Not a Penney More, Not a Penny Less พิมพ์ครั้งแรกในอเมริกา พอออกมาก็ขายแบบเทน้ำเทท่า
แต่เรื่องต่อมา Ken And Abel ขายดีเป็น Best Seller ติดทอปของ New York Times เลยครับ เรื่องนี้ถูกนำไปเป็นมินิซีรีส์ โดย CBS มีแซมนีลจากนิวซีแลนด์ และปีเตอร์ สเตารท์ แสดงคู่กันสนุกมากครับเรื่องนี้ และผมมีภาพยนตร์มินิซีรีส์เรื่องนี้ด้วย
เรื่อง First Amery Equals เป็นนวนิยายอีกเล่มที่บริษัท Granada TV เอาไปทำ Mini Series 10 ตอน
ในปี 1985 มาร์กาเร็ต แธตเชอร์ ซึ่งมักมีชื่ออยู่ในนวนิยายของเขา ตั้งอาร์ชเชอร์ เป็นรองหัวหน้าพรรคคอนเซอร์เวตีฟ
นี่คือหนังสือสักเล่มของเขาสำหรับผมในสงกรานต์ปีนี้