ศูนย์ข่าวภูเก็ต -นักลงทุนทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นภูเก็ตยังเดินหน้าเปิดขายทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมในภูเก็ต แม้ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำ ตลาดชะลอตัวไปบ้าง แต่นักลงทุนยังเชื่อมั่นศักยภาพภูเก็ตที่คาดว่าจะสะดุดแค่ระยะสั้นเท่านั้น
นายธนันท์ ตันไพบูลย์ ประธานชมรมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต เปิดเผย “ASTV ผู้จัดการรายวัน” ถึงสถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตในปี 2552 ว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต หากการท่องเที่ยวดีมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ธุรกิจอสังหาฯก็จะเติบโตตามไปด้วย ซึ่งตลอดทั้งปีนี้ไม่สามารถที่จะประเมินได้ในขณะนี้ว่าตลอดทั้งปีสถานการณ์ธุรกิจอสังหาฯจะเป็นอย่างไร จะต้องรอดูในอีก 2-3 เดือนจากนี้ว่า ช่วงโลว์ซีซันที่กำลังจะมาถึง นักท่องเที่ยวที่เคยเดินทางเข้ามาหล่อเลี้ยงภูเก็ตในช่วงโลว์ซีชันจะเดินทางเข้ามามากน้อยแค่ไหน และจะต้องรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปลายปีนี้ด้วย หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวก็จะส่งผลให้การท่องเที่ยวฟื้นตามไปด้วย
“โลว์ซีซันปีนี้ หากนักท่องเที่ยวเข้ามาน้อยจะเกิดปัญหาเศรษฐกิจในภูเก็ตตามมาอย่างแน่นอน เศรษฐกิจภูเก็ตจะได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่ ธุรกิจอสังหาฯก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย เพราะอสังหาฯภูเก็ตขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยว แต่หากนักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะอัตราเข้าพัก 60-70% ก็สามารถที่จะหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจภูเก็ตไปถึงไฮซีซันในช่วงปลายปี กำลังซื้ออสังหาฯก็จะตามมาด้วย”
ประธานชมรมอสังหาฯภูเก็ต เผยอีกว่า ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ธุรกิจอสังหาฯภูเก็ตไม่คึกคักเท่าที่ควร จากปัญหาที่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาภูเก็ตลดลงจากปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นภายในประเทศ และปัญหาจากที่ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้ารายบุคคลที่ขอสินเชื่อซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งมีหลายโครงการมากที่เปิดขายแต่ไม่สามารถขายได้ แต่เมื่อถึงช่วงเวลาที่บ้านก่อสร้างแล้วเสร็จลูกค้าไม่สามารถโอนได้ เพราะธนาคารไม่อนุมัติสินเชื่อ ต้องยกเลิกสัญญาซื้อขาย ซึ่งขณะนี้มีเกิดขึ้นหลายโครงการมาก จากที่ธนาคารเลือกปล่อยเฉพาะลูกค้าที่มีเครดิตดีจริงๆ ถึงแม้ว่าในขณะนี้จะมีการลงทุนและก่อสร้างเกิดขึ้นตลอด แต่ผู้ประกอบการจะต้องลงทุนก่อสร้างโครงการให้เสร็จแม้ว่าจะไม่สามารถขายได้หมดตามที่กำหนดก็ตาม เผื่อว่าเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ธนาคารปล่อยสินเชื่อคล่องขึ้นจะได้มีสินค้านำเสนอขายกับลูกค้าทันที
ส่วนโครงการที่ยังไม่ก่อสร้าง มีจำนวนไม่น้อยที่ได้ชะลอการก่อสร้างออกไป 6-12 เดือน จากที่ขายไม่ได้ตามเป้าหมายที่ธนาคารพาณิชย์กำหนดกับเจ้าของโครงการที่สนับสนุนโครงการ ซึ่งในขณะนี้เข้มงวดมากว่าจะต้องขายให้ได้ 60-70% ถึงจะปล่อยเงินในการก่อสร้าง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้ธุรกิจอสังหาฯในภูเก็ตไม่คึกคักเหมือนช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาในช่วงที่เศรษฐกิจดีและนักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตจำนวนมาก
นักลงทุนเชื่อมั่นตลาดภูเก็ตยังขายได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของประเทศจะชะลอตัว ประกอบกับการเมืองของเรายังไม่นิ่ง แต่นักลงทุนด้านอสังหาฯทั้งในท้องถิ่นภูเก็ตและจากส่วนกลางก็ยังเชื่อมั่นศักยภาพของตลาดอสังหาฯของภูเก็ต ที่คิดว่ายังขายได้จากความต้องการของตลาดยังมีอยู่ แม้ว่าจะชะลอตัวบ้างแต่คิดว่าชะลอตัวในระยะสั้นๆเท่านั้น
นายอธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทยังมั่นใจในศักยภาพของภูเก็ต แม้ว่าในระยะนี้จะซบเซาไปบ้างเนื่องจากเกิดความตื่นตระหนก แต่คิดว่าจะเป็นอย่างนี้ไปประมาณ 1 ปี หลังจากนั้นก็จะกลับสู่ภาวะปกติ และกำลังซื้อของคนที่นี่ก็ยังดีอยู่ แต่เป็นกังวลในเรื่องของสถาบันการเงินที่มองว่าธุรกิจท่องเที่ยวเป็นธุรกิจเสี่ยง และต้องเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ จริงๆ แล้วกลุ่มนี้ยังมีศักยภาพอยู่ ทำให้บริษัทเปิดโครงการใหม่ที่ภูเก็ตอีก 2 โครงการ คือ
โครงการศุภาลัย ฮิลล์ และโครงการศุภาลัย ซิตี้ ฮิลล์ มีมูลค่าการลงทุนโครงการละ 600 ล้านบาท โครงการศุภาลัย ฮิลล์ ตั้งอยู่บริเวณถนนอนุสาวรีย์-เชิงทะเล บนเนื้อที่กว่า 30 ไร่ มีทั้งหมด 200 กว่ายูนิต เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 3 ห้องนอน ที่จอดรถ 2 คัน ขนาด 61 ตารางวา ขึ้นไป ราคาเริ่มต้นที่ 3 ล้านเศษ
ส่วนโครงการศุภาลัย ซิตี้ ฮิลล์ เป็นโครงการบ้านของคนรุ่นใหม่ ทันสมัย ด้วยความหลากหลายทั้งบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 3 ห้องนอน ที่จอดรถ 2 คัน ขนาด 50 ตารางวาขึ้นไป ราคาเริ่ม 3 ล้านบาทเศษ บ้านแฝด 2 ชั้น 3 ห้องนอน ขนาด 35.8 ตารางวา ราคา 2.59 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น 3 ห้องนอน ขนาด 22.3 ตารางวา ขึ้นไป เริ่มต้น 2.69 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ถนนรัษฎาอนุสรณ์-กู้กู ห่างจากศาลากลางจังหวัดภูเก็ตประมาณ 1 กิโลเมตร บนเนื้อที่ 30 กว่าไร่ มีทั้งหมด 200 กว่ายูนิต
“ทั้ง 2 โครงการบริษัทได้เปิดจองเพื่อทดลองตลาดมาแล้วระยะหนึ่ง ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับที่ดีมาก และการขายและการก่อสร้างนั้นจะแบ่งเป็นเฟสๆ”
ศุภาลัยยังไม่หยุดลงทุน
นายอธิป ยังกล่าวถึงโครงการใหม่ที่จังหวัดภูเก็ต ว่า จะมีโครงการประมาณปลายปีนี้ศุภาลัยจะเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรที่ภูเก็ตเพิ่มอีกหนึ่งโครงการที่บริเวณทางไปป่าคลอก ห่างจากอนุสาวรีย์ท้าวเทพฯ ไปประมาณ 2 กิโลเมตร บนเนื้อที่ประมาณ 60-70 ไร่ มีทั้งบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด จำนวนรวมประมาณ 400 ยูนิต มูลค่าการลงทุนประมาณ 900 ล้านบาท จากที่ก่อนหน้านี้ศุภาลัยได้มีการลงทุนที่ภูเก็ตแล้ว 2 โครงการ คือโครงการโรงแรมที่ป่าคลอก กับโครงการอาคารชุดจำนวน 200 ยูนิต และมีทาวน์เฮาส์ 100 ยูนิต บ้านเดี่ยว 7 ยูนิต ซึ่งขณะนี้ยอดการจำหน่ายมีความคืบหน้าไปมาก มียอดขายไปแล้วกว่า 85 %
เดอะรอยัลเฟสเปิดขายคอนโดฯตึก2
ด้านนายวิเชียร สุภัทรกุล ประธาน บริษัท วี.เอส.โฮม การ์เด้นท์ จำกัด เจ้าของโครงการ เดอะ รอยัล เพลส ภูเก็ต เปิดเผยว่า จากกที่โครงการเดอะ รอยัล เพลส ตึกแรก 150 ยูนิต ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมที่ทันสมัย ได้รับการตอบรับที่ดีจากคนภูเก็ต ทางโครงการจึงได้เปิดขายตึก 2 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 มีนาคม มีทั้งหมด 102 ยูนิต โดยขณะนี้มียอดจองไปแล้วกว่า 30%
แบ่งขนาดของห้องออกเป็นขนาดต่างๆ ตั้งแต่ 30 ตารางเมตร(ตร.ม.).แบบสตูดิโอ 39 ตร.ม. 43 ตร.ม.เป็นห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พร้อมห้องรับแขก และแบบ 2 ห้องนอน ที่มีให้เลือกพื้นที่ 73 ตร.ม.และ 84 ตร.ม. มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ระเบียงแยกส่วน ห้องแต่งตัว ฯลฯ
นอกจากนี้ภายในโครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก ประกอบด้วย สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ อาคารสโมสร ฟิตเนส ห้องออกกำลังกาย มินิมาร์ท ห้องอาหาร โทรศัพท์สายตรงทุกห้อง ลิฟต์โดยสาร ใช้ระบบคีย์การ์ด และยามรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง โดยราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะมีทั้งคนไทยและคนต่างชาติในภูเก็ต ที่เป็นกลุ่มลูกค้าระดับบีขึ้นไป
นายวิเชียร เปิดเผยถึงการตัดสินใจเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมอีก 1 ตึก ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย ว่า การเปิดขายคอนโดฯอีก 1ตึก ในช่วงนี้ถือว่าเป็นการสวนกระแสเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม มีความเชื่อมั่นว่าโครงการจะได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวภูเก็ตเหมือนตึกแรก เพราะโดยศักยภาพของภูเก็ตถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในขณะนี้ แต่เชื่อภูเก็ตจะได้รับผลกระทบไม่มาก และผลกระทบที่เกิดขึ้นจะกลับมาเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว จากศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ประกอบกับโครงการเองก็ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพมากและสินค้ารวมถึงราคาของโครงการมีความโดดเด่น จึงไม่หนักใจในการทำตลาดในช่วงนี้มากนัก
นายวิเชียร ยังเปิดเผยถึงการลงทุนในตึกที่ 3 ซึ่งตั้งไว้ที่ 160 ยูนิต ว่า จะลงทุนเพิ่มหลังจากที่ตึกสองได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และยังได้มองหาที่ดินทั้งที่ตัวเมืองภูเก็ตและหาดป่าตองที่จะลงทุนในส่วนของอาคารพาณิชย์และคอนโดฯ อีกในอนาคตอันใกล้นี้
ทุนท้องถิ่นขยับขึ้นโครงการอีกเพียบ
นางสาววันดี ช้างงาม ผู้จัดการโครงการ ภูเก็ตไพรด์ สวนหลวง เปิดเผยว่า บริษัท ภูเก็ตไพรด์ จำกัด ซึ่งเป็นนักลงทุนในจังหวัดภูเก็ต เจ้าของโครงการภูเก็ตไพรด์ ที่สามกอง อ.เมืองภูเก็ต ได้ขยายการลงทุนเพิ่มหลังจากที่โครงการที่สามกองประสบความสำเร็จ โดยได้ขยายการลงทุนเพิ่มที่บริเวณใกล้กับสามแยกท่าแครง ตรงข้ามกับสวนหลวง ร.9 ภายใต้โครงการ “ภูเก็ตไพรด์ สวนหลวง” อยู่บนเนื้อที่กว่า 4 ไร่
แบ่งการลงทุนออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นโฮมทาวน์หรู จำนวน 11 ยูนิต อยู่ติดริมถนน มูลค่าโครงการประมาณ 80 ล้านบาท ส่วนที่ 2 อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะพัฒนาเป็นโฮมทาวน์หรูหรือบ้านเดี่ยว ส่วนสุดท้ายเป็นแมนชันหรู ที่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนต่างชาติและคนไทยที่มีรายได้สูง
สำหรับการลงทุนในส่วนแรกที่เป็นโฮมทาวน์หรูติดถนนใหญ่ ที่จอดรถสะดวกสะสบาย ถนนหน้ากว้าง 8 เมตร เป็นอาคาร 3 ชั้น 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 220 ตร.ม.ขึ้นไป หน้ากว้าง 4.5 เมตร ยาว 17 เมตร สำหรับวัสดุเลือกใช้วัสดุคุณภาพดี เกรด A ทั้งกระจกตัดแสง เล่นไม้ระแนง ตกแต่งหินธรรมชาติ พร้อมแผ่นกันความร้อน เปิดจองแล้ว ขณะนี้ พร้อมของแถมมากมาย ราคาเริ่มต้นที่ 5.6 -7.8 ล้านบาท
นางสาววันดี กล่าวอีกว่า ภายหลังที่เปิดขายโครงการมาตั้งแต่กลางเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ามาก เนื่องจากทำเลที่ตั้งเหมาะสมมากสามารถที่จะเดินทางสะดวกไปยังจุดต่างๆของภูเก็ต เพราะอยู่ติดถนนเจ้าฟ้าตะวันตก และอยู่ติดกับตัวเมืองภูเก็ต ประกอบกับบริเวณที่จะขึ้นโครงการยังมีโครงการที่เป็นโฮมทาวน์หรูเกิดขึ้น ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีมาก และหลังจากที่ปิดการขายในส่วนแรกแล้ว ประมาณต้นปี 2552 จะเปิดขายส่วนที่ 2 ซึ่งอาจจะเป็นโฮมทาวน์หรูหรือบ้านเดี่ยวกว่า 20 ยูนิต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจความต้องการของลูกค้าอยู่
ส่วนโครงการภูเก็ตไพรด์สวนหลวง เป็นการลงทุนโดยบริษัทภูเก็ตไพรด์ได้ร่วมลงทุนกับนักลงทุนส่วนกลาง
นอกจากนี้ยังมีโครงการลงทุนของนักลงทุนในพื้นที่ภูเก็ตอีกหลายโครงการ เช่น โครงการคอนมิเนียมที่ป่าตอง โครงการภูเก็ตวิลล่า สวนหลวง เฟสที่ 3 ที่อยู่ตรงข้ามกับเฟส 1 และเฟส 2 โครงการเจ้าฟ้าการ์เด้นท์โฮม ที่เกาะแก้ว ที่เปิดขายเฟสใหม่ๆ ฯลฯ