ASTVผู้จัดการรายวัน – คลังเดินหน้าพัฒนาที่ดินทำเลทองกลางใจเมือง ปัดฝุ่นศูนย์ประชุมสิริกิติ์เฟส 2 มูลค่ากว่า 5 พันล้านบาทหลังกฤษฎีกาตีความให้คู่สัญญาเดิมเริ่มตอกเสาเข็มได้ทันที พร้อมเร่งสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าหาดไม้ขาว ภูเก็ตอีก 5 พันล้านบาทหวังใช้เมืองท่องเที่ยวเป็นจุดขายดึงประชุมสัมมนาให้เงินสะพัดในภูมิภาค
นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ดินที่กรมธนารักษ์ดูแลที่อยู่ใจกลางเมืองและมีศักยภาพที่จะพัฒนาในเชิงพาณิชย์เพื่อเป็นส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้มากขึ้นควบคู่กับการใช้ประโยชน์จากที่ดินว่างเปล่าของรัฐบาลให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยพื้นที่ที่กระทรวงการคลังเห็นว่ามีความพร้อมที่กรมธนารักษ์ได้เสนอเรื่องขึ้นมาเพื่ออนุมัติและสามารถเริ่มดำเนินการได้ทันทีคือโครงการส่วนต่อขยายศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่มีบริษัท เอ็น.ซี ซี แมนเนจเมนท์ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เป็นคู่สัญญาสัมปทานในโครงการปัจจุบันและยังไม่สามารถก่อสร้างส่วนต่อขยายได้เนื่องจากติดปัญหาในเรื่องข้อกฎหมายบางประการ
นายอำนวย ปรีมนวงศ์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กรมธนารักษ์ กล่าวว่า โครงการส่วนต่อขยายศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่กรมได้เจรจาร่วมกับบริษัท เอ็น.ซี ซี แมนเนจเมนท์ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นคู่สัญญาสัมปทานได้กรอบข้อตกลงในเบื้องต้นแล้วและอยู่ระหว่างเสนอให้ นพ.พฤฒิชัย พิจารณาความเหมาะสมของโครงการเพื่อเดินหน้าก่อสร้างต่อไป
จากการเสนอโครงการนี้ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความแล้วสามารถให้ดำเนินการได้ตามสัญญาเดิมเนื่องจากการประกาศผังเมืองที่ห้ามก่อสร้างอาคารสูงเกิดขึ้นภายหลังการเซ็นสัญญาโครงการดังนั้นความล่าช้าที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้ถือเป็นเหตุสุดวิสัย ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาจึงมีความเห็นว่าให้สามารถดำเนินการโครงการ กับบริษัท เอ็น.ซี ซี แมนเนจเมนท์ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัดต่อไปได้
“โครงการนี้จะดำเนินการก่อสร้างโดยมีมูลค่าโครงการประมาณ 5 พันล้านบาทซึ่งหากสามารถเริ่มดำเนินการได้จะมีส่วนช่วยการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลได้” นายอำนวยกล่าว
หนุนศูนย์ประชุมภูเก็ต
สำหรับโครงการที่กระทรวงการคลังเล็งเห็นศักยภาพและจะพยายามผลักดันให้เดินหน้าได้โดยเร็วคือโครงการการก่อสร้างศูนย์การประชุมและแสดงสินค้านานาชาติภูเก็ต เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตยังไม่มีศูนย์การประชุมและแสดงสินค้าขนาดใหญ่ที่ครบวงจร ซึ่งการประชุมระดับนานาชาติที่ผ่านมาที่จังหวัดภูเก็ตจะใช้โรงแรมหลายๆ แห่งร่วมกันการเดินทางอาจเกิดความไม่สะดวก ดังนั้นหากมีศูนย์ประชุมขนาดใหญ่และมีมาตรฐานเกิดขึ้นจะเกิดประโยชน์อย่างมาก
สำหรับแนวทางการศึกษาเดิมที่กรมธนารักษ์ได้เคยทำไว้คือการก่อสร้างบนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ภก. 153 บริเวณหาดไม้ขาว ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ โดยจะสร้างเป็นคอมเพล็กขนาดใหญ่มีทั้งศูนย์การประชุม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์การค้าและโรงแรม มูลค่าโครงการโดยรวมประมาณ 5 พันล้านบาท
“การประชุมระดับนานาชาตินอกจากผู้นำสูงสุดที่เข้าร่วมประชุมแล้วยังมีเจ้าหน้าที่บุคคลติดตามและครอบครัวร่วมเดินทางมาประชุมด้วย และถ้าจังหวัดภูเก็ตมีศูนย์ประชุมในรูปแบบนี้จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมากทำให้เม็ดเงินกระจายไปสู่ภูมิภาคและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมได้” นพ.พฤฒิชัยกล่าว
ดัน ธพส.ผุด 4 โปรเจกต์
สำหรับโครงการอื่นๆ ที่จะมีการดำเนินการทั้งผ่านบริษัท ธนารักษ์ พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด หรือให้เอกชนร่วมดำเนินการได้แก่ การสร้างที่อยู่อาศัยและสำนักงาน มี 4 แห่ง เป็นลักษณะดาวกระจายไปตามพื้นที่ราชพัสดุ คือ 1.ที่ดินเกือบ 5 ไร่ บริเวณสำนักงานบริหารสินทรัพย์ (บบส.) เดิม แถวสนามเป้า ติดรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งเพิ่งจะโอนเป็นที่ราชพัสดุช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยจะพัฒนาเป็นออฟฟิศให้เช่ามูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท
2.ที่ดินขององค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) เดิม ขนาด 3 ไร่เศษ ในซอยวัดไผ่ตัน ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสะพานควาย จะพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยรวมให้ราชการทั่วไปเช่า มูลค่าลงทุน 1,000 ล้านบาท
3.ที่ดินราชพัสดุโซนซี ส่วนที่เหลือการพัฒนาจากโครงการศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ จะพัฒนาเป็นออฟฟิศให้เช่า ในลักษณะเดียวกับศูนย์ราชการเพิ่มอีก 1 อาคาร 4.ที่ราชพัสดุติดกับศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ซึ่ง ธพส.จะตัดถนนเพื่อเป็นทางลัดออกทางโรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ผ่านที่ราชพัสดุแปลงนี้ขนาดพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ จะพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยให้ข้าราชการที่ทำงานใน ศูนย์ราชการเช่า รูปแบบจะเป็นคอนโดฯจำนวน 400-500 ยูนิต เมื่อรวมทั้งสำนักงานและที่อยู่อาศัยมูลค่าลงทุนประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท.
นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ดินที่กรมธนารักษ์ดูแลที่อยู่ใจกลางเมืองและมีศักยภาพที่จะพัฒนาในเชิงพาณิชย์เพื่อเป็นส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้มากขึ้นควบคู่กับการใช้ประโยชน์จากที่ดินว่างเปล่าของรัฐบาลให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยพื้นที่ที่กระทรวงการคลังเห็นว่ามีความพร้อมที่กรมธนารักษ์ได้เสนอเรื่องขึ้นมาเพื่ออนุมัติและสามารถเริ่มดำเนินการได้ทันทีคือโครงการส่วนต่อขยายศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่มีบริษัท เอ็น.ซี ซี แมนเนจเมนท์ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เป็นคู่สัญญาสัมปทานในโครงการปัจจุบันและยังไม่สามารถก่อสร้างส่วนต่อขยายได้เนื่องจากติดปัญหาในเรื่องข้อกฎหมายบางประการ
นายอำนวย ปรีมนวงศ์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กรมธนารักษ์ กล่าวว่า โครงการส่วนต่อขยายศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่กรมได้เจรจาร่วมกับบริษัท เอ็น.ซี ซี แมนเนจเมนท์ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นคู่สัญญาสัมปทานได้กรอบข้อตกลงในเบื้องต้นแล้วและอยู่ระหว่างเสนอให้ นพ.พฤฒิชัย พิจารณาความเหมาะสมของโครงการเพื่อเดินหน้าก่อสร้างต่อไป
จากการเสนอโครงการนี้ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความแล้วสามารถให้ดำเนินการได้ตามสัญญาเดิมเนื่องจากการประกาศผังเมืองที่ห้ามก่อสร้างอาคารสูงเกิดขึ้นภายหลังการเซ็นสัญญาโครงการดังนั้นความล่าช้าที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้ถือเป็นเหตุสุดวิสัย ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาจึงมีความเห็นว่าให้สามารถดำเนินการโครงการ กับบริษัท เอ็น.ซี ซี แมนเนจเมนท์ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัดต่อไปได้
“โครงการนี้จะดำเนินการก่อสร้างโดยมีมูลค่าโครงการประมาณ 5 พันล้านบาทซึ่งหากสามารถเริ่มดำเนินการได้จะมีส่วนช่วยการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลได้” นายอำนวยกล่าว
หนุนศูนย์ประชุมภูเก็ต
สำหรับโครงการที่กระทรวงการคลังเล็งเห็นศักยภาพและจะพยายามผลักดันให้เดินหน้าได้โดยเร็วคือโครงการการก่อสร้างศูนย์การประชุมและแสดงสินค้านานาชาติภูเก็ต เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตยังไม่มีศูนย์การประชุมและแสดงสินค้าขนาดใหญ่ที่ครบวงจร ซึ่งการประชุมระดับนานาชาติที่ผ่านมาที่จังหวัดภูเก็ตจะใช้โรงแรมหลายๆ แห่งร่วมกันการเดินทางอาจเกิดความไม่สะดวก ดังนั้นหากมีศูนย์ประชุมขนาดใหญ่และมีมาตรฐานเกิดขึ้นจะเกิดประโยชน์อย่างมาก
สำหรับแนวทางการศึกษาเดิมที่กรมธนารักษ์ได้เคยทำไว้คือการก่อสร้างบนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ภก. 153 บริเวณหาดไม้ขาว ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ โดยจะสร้างเป็นคอมเพล็กขนาดใหญ่มีทั้งศูนย์การประชุม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์การค้าและโรงแรม มูลค่าโครงการโดยรวมประมาณ 5 พันล้านบาท
“การประชุมระดับนานาชาตินอกจากผู้นำสูงสุดที่เข้าร่วมประชุมแล้วยังมีเจ้าหน้าที่บุคคลติดตามและครอบครัวร่วมเดินทางมาประชุมด้วย และถ้าจังหวัดภูเก็ตมีศูนย์ประชุมในรูปแบบนี้จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมากทำให้เม็ดเงินกระจายไปสู่ภูมิภาคและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมได้” นพ.พฤฒิชัยกล่าว
ดัน ธพส.ผุด 4 โปรเจกต์
สำหรับโครงการอื่นๆ ที่จะมีการดำเนินการทั้งผ่านบริษัท ธนารักษ์ พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด หรือให้เอกชนร่วมดำเนินการได้แก่ การสร้างที่อยู่อาศัยและสำนักงาน มี 4 แห่ง เป็นลักษณะดาวกระจายไปตามพื้นที่ราชพัสดุ คือ 1.ที่ดินเกือบ 5 ไร่ บริเวณสำนักงานบริหารสินทรัพย์ (บบส.) เดิม แถวสนามเป้า ติดรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งเพิ่งจะโอนเป็นที่ราชพัสดุช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยจะพัฒนาเป็นออฟฟิศให้เช่ามูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท
2.ที่ดินขององค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) เดิม ขนาด 3 ไร่เศษ ในซอยวัดไผ่ตัน ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสะพานควาย จะพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยรวมให้ราชการทั่วไปเช่า มูลค่าลงทุน 1,000 ล้านบาท
3.ที่ดินราชพัสดุโซนซี ส่วนที่เหลือการพัฒนาจากโครงการศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ จะพัฒนาเป็นออฟฟิศให้เช่า ในลักษณะเดียวกับศูนย์ราชการเพิ่มอีก 1 อาคาร 4.ที่ราชพัสดุติดกับศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ซึ่ง ธพส.จะตัดถนนเพื่อเป็นทางลัดออกทางโรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ผ่านที่ราชพัสดุแปลงนี้ขนาดพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ จะพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยให้ข้าราชการที่ทำงานใน ศูนย์ราชการเช่า รูปแบบจะเป็นคอนโดฯจำนวน 400-500 ยูนิต เมื่อรวมทั้งสำนักงานและที่อยู่อาศัยมูลค่าลงทุนประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท.