oo โล่งอกกันไปเปลาะหนึ่งสำหรับรัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่พลิกจากรับกลับมาเป็นรุก ถ้าเปรียบเหมือนมวย ก็อยู่ในสภาพที่ไม่มีใครกล้ารอง กองเชียร์แทบไม่กล้ามอง เพราะถูกฝ่ายตรงข้ามไล่ถลุงติดมุม แต่ในที่สุดก็สามารถฮึดสู้ กลับมาตีโต้เป็นต่อได้อย่างไม่น่าเชื่อ
oo อาจเป็นเพราะนักมวยรูปหล่อ มีแม่ยกสนับสนุนมากมายอีกทั้งความสามารถเฉพาะตัวมีอยู่แล้วแต่ที่ผ่านมายังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์ แต่เมื่อถึงคราวคับขันก็งัดออกมาใช้ได้จังหวะพอดีทำให้ฝ่ายตรงข้ามถอยร่นไม่เป็นขบวนดังที่เห็น
oo บางครั้งสถานการณ์สร้างวีรบุรุษ รวมทั้งบางครั้งเมื่อเจอวิกฤต ก็รู้จักพลิกให้เป็นโอกาส สามารถนำมาใช้ได้อย่างเหมาะเจาะสำหรับคนอย่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะจากวิกฤตบ้านเมืองครั้งล่าสุดได้นำไปสู่ความมั่นคงทางการเมืองของตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ
oo ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่ 2-3 วันก่อน ได้ตกอยู่ในวงล้อมของ “คนเสื้อแดง” ตามคำบงการของนักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร เอาชีวิตรอดมาได้อย่างเฉียดฉิว และอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเหตุการณ์ที่หน้ากระทรวงมหาดไทยนายกรัฐมนตรีถูกม็อบเสื้อแดงรุมทำร้าย และจับตัวใส่กุญแจมือไปขึ้นเวทีที่หน้าทำเนียบฯ แล้วให้ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สอบสวนต่อหน้ามวลชน จะอัปยศอดสูแค่ไหน หลับตานึกภาพทีไร อดขนลุกไม่ได้
oo แต่เอาเถอะ เมื่อคลี่คลายไปได้ด้วยดี สามารถควบคุมสถานการณ์ให้ผ่านพ้นไปได้ โดยมีเลือดตกยางออกเพียงเล็กน้อย แต่นับจากนี้ไปยังมีปัญหาอีกมากมายที่รอแก้ไข ทั้งในเรื่องความเชื่อมั่น เรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ที่ก่อนหน้านี้เลวร้ายอยู่แล้ว ยิ่งหนักหนาสาหัสเป็นทวีคูณ เรียกได้ว่าทุกอย่างติดลบ กว่าจะไต่ขึ้นมาจนพ้นปากเหว ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไร
oo จะว่าไปแล้ววิกฤตคราวนี้จะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของที่อยู่รอบข้าง รวมทั้งบรรดา “บิ๊ก” ทั้งหลายที่ดูไปแล้ว เหมือนกับคอยจังหวะจ้วงแทงให้มิดด้ามได้เสมอเมื่อมีโอกาส คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน ไล่เรียงมาตั้งแต่เหตุการณ์วุ่นวายที่พัทยา จนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนต้องล่มลงอย่างไม่เป็นท่า หลายคนประเมินว่างานนี้มีการ “เขียนบท” เอาไว้ล่วงหน้า เหมือนมีเจตนาขุดหลุมให้เกิดการรัฐประหาร โดย “คนกันเอง” เพื่อคนกันเอง ที่รอเสียบเอาไว้อยู่แล้ว ว่ากันว่า สีแดงกับสีน้ำเงิน ที่ควงไม้หน้าสามเข้าโรมรันกันนั้น เอาเข้าจริง เบื้องหลังบรรยากาศไม่ได้ขึงขังอย่างที่เห็นในจอโทรทัศน์ โดยเฉพาะเสื้อสีน้ำเงิน ถ้าสังเกตให้ดี เหมือนกับว่ามีเป้าหมายซ่อนเอาไว้ข้างหลังอย่างชัดเจน และถ้าบังเอิญว่า “เสื้อเหลือง” ตกหลุม ผลีผลามออกไปผสมโรงด้วยก็อาจติดกับ และถูก “อีแอบ” ในกองทัพ ที่รอจังหวะอาศัยความชอบธรรมในการักษาความสงบ “กวาด” ทั้งเหลือง-แดง ให้เรียบ
oo แต่บางครั้งคนคำนวณ มิสู้ฟ้าลิขิต และยิ่งเห็นเหตุการณ์ที่เห็น อดีตบิ๊กทหารบางคนวิ่งแทบจะเรียกว่า “หางจุกตูด” สติแตก ดูแล้วหมดสภาพความเป็นผู้นำ ผิดกับ นายกฯอภิสิทธิ์ ที่แม้บางคนจะปรามาสว่า เป็นแค่เด็กละอ่อน แต่เมื่ออยู่ในช่วงนาทีชีวิต กลับมีสติตั้งมั่น คุมสติได้อย่างเหลือเชื่อ
oo อีกด้านหนึ่งในมุมของ ทักษิณ ชินวัตร ในวันนี้ถือว่าอยู่ในสภาพ ทรราชย์ อย่างสมบูรณ์แบบไม่ต้องสงสัยอะไรกันอีกแล้ว และใครที่ยังสนับสนุน หรือเห็นอกเห็นใจนับจากนี้ไปก็ ต้องถือว่าอยู่ในประเภทเดียวกัน หรือไม่ก็ต้องถือว่าเป็นพวกไร้เดียงสาสิ้นดี ในสภาพที่กำลังอยู่ในสภาพที่ใกล้ตายแล้วก็ยังอุตส่าห์กำระเบิด พยายาม “พลีชีพ” วิ่งเข้าใส่หวังให้ศัตรูตายตกไปตามกัน แต่โชคดีฟ้าดินคุ้มครอง จึงรอดมาได้
oo มาวันนี้เห็นกันหมดแล้วว่าใครเป็นใคร ถูกกระชากหน้ากากออกมาหมด อาจเป็นเพราะประเมินว่า โจรเสื้อแดง” ชนะแน่ จึงไม่ลังเลที่จะกระโดดขึ้นเวที บางคนก็นึกไม่ถึง บางคนเป็นถึง “ท่านผู้หญิง” แต่สุดท้ายก็ถูกกระชากหน้ากากออกมา พร้อมกันทีเดียว สมน้ำหน้า !!
ก้อนกรวด
oo อาจเป็นเพราะนักมวยรูปหล่อ มีแม่ยกสนับสนุนมากมายอีกทั้งความสามารถเฉพาะตัวมีอยู่แล้วแต่ที่ผ่านมายังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์ แต่เมื่อถึงคราวคับขันก็งัดออกมาใช้ได้จังหวะพอดีทำให้ฝ่ายตรงข้ามถอยร่นไม่เป็นขบวนดังที่เห็น
oo บางครั้งสถานการณ์สร้างวีรบุรุษ รวมทั้งบางครั้งเมื่อเจอวิกฤต ก็รู้จักพลิกให้เป็นโอกาส สามารถนำมาใช้ได้อย่างเหมาะเจาะสำหรับคนอย่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะจากวิกฤตบ้านเมืองครั้งล่าสุดได้นำไปสู่ความมั่นคงทางการเมืองของตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ
oo ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่ 2-3 วันก่อน ได้ตกอยู่ในวงล้อมของ “คนเสื้อแดง” ตามคำบงการของนักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร เอาชีวิตรอดมาได้อย่างเฉียดฉิว และอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเหตุการณ์ที่หน้ากระทรวงมหาดไทยนายกรัฐมนตรีถูกม็อบเสื้อแดงรุมทำร้าย และจับตัวใส่กุญแจมือไปขึ้นเวทีที่หน้าทำเนียบฯ แล้วให้ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สอบสวนต่อหน้ามวลชน จะอัปยศอดสูแค่ไหน หลับตานึกภาพทีไร อดขนลุกไม่ได้
oo แต่เอาเถอะ เมื่อคลี่คลายไปได้ด้วยดี สามารถควบคุมสถานการณ์ให้ผ่านพ้นไปได้ โดยมีเลือดตกยางออกเพียงเล็กน้อย แต่นับจากนี้ไปยังมีปัญหาอีกมากมายที่รอแก้ไข ทั้งในเรื่องความเชื่อมั่น เรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ที่ก่อนหน้านี้เลวร้ายอยู่แล้ว ยิ่งหนักหนาสาหัสเป็นทวีคูณ เรียกได้ว่าทุกอย่างติดลบ กว่าจะไต่ขึ้นมาจนพ้นปากเหว ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไร
oo จะว่าไปแล้ววิกฤตคราวนี้จะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของที่อยู่รอบข้าง รวมทั้งบรรดา “บิ๊ก” ทั้งหลายที่ดูไปแล้ว เหมือนกับคอยจังหวะจ้วงแทงให้มิดด้ามได้เสมอเมื่อมีโอกาส คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน ไล่เรียงมาตั้งแต่เหตุการณ์วุ่นวายที่พัทยา จนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนต้องล่มลงอย่างไม่เป็นท่า หลายคนประเมินว่างานนี้มีการ “เขียนบท” เอาไว้ล่วงหน้า เหมือนมีเจตนาขุดหลุมให้เกิดการรัฐประหาร โดย “คนกันเอง” เพื่อคนกันเอง ที่รอเสียบเอาไว้อยู่แล้ว ว่ากันว่า สีแดงกับสีน้ำเงิน ที่ควงไม้หน้าสามเข้าโรมรันกันนั้น เอาเข้าจริง เบื้องหลังบรรยากาศไม่ได้ขึงขังอย่างที่เห็นในจอโทรทัศน์ โดยเฉพาะเสื้อสีน้ำเงิน ถ้าสังเกตให้ดี เหมือนกับว่ามีเป้าหมายซ่อนเอาไว้ข้างหลังอย่างชัดเจน และถ้าบังเอิญว่า “เสื้อเหลือง” ตกหลุม ผลีผลามออกไปผสมโรงด้วยก็อาจติดกับ และถูก “อีแอบ” ในกองทัพ ที่รอจังหวะอาศัยความชอบธรรมในการักษาความสงบ “กวาด” ทั้งเหลือง-แดง ให้เรียบ
oo แต่บางครั้งคนคำนวณ มิสู้ฟ้าลิขิต และยิ่งเห็นเหตุการณ์ที่เห็น อดีตบิ๊กทหารบางคนวิ่งแทบจะเรียกว่า “หางจุกตูด” สติแตก ดูแล้วหมดสภาพความเป็นผู้นำ ผิดกับ นายกฯอภิสิทธิ์ ที่แม้บางคนจะปรามาสว่า เป็นแค่เด็กละอ่อน แต่เมื่ออยู่ในช่วงนาทีชีวิต กลับมีสติตั้งมั่น คุมสติได้อย่างเหลือเชื่อ
oo อีกด้านหนึ่งในมุมของ ทักษิณ ชินวัตร ในวันนี้ถือว่าอยู่ในสภาพ ทรราชย์ อย่างสมบูรณ์แบบไม่ต้องสงสัยอะไรกันอีกแล้ว และใครที่ยังสนับสนุน หรือเห็นอกเห็นใจนับจากนี้ไปก็ ต้องถือว่าอยู่ในประเภทเดียวกัน หรือไม่ก็ต้องถือว่าเป็นพวกไร้เดียงสาสิ้นดี ในสภาพที่กำลังอยู่ในสภาพที่ใกล้ตายแล้วก็ยังอุตส่าห์กำระเบิด พยายาม “พลีชีพ” วิ่งเข้าใส่หวังให้ศัตรูตายตกไปตามกัน แต่โชคดีฟ้าดินคุ้มครอง จึงรอดมาได้
oo มาวันนี้เห็นกันหมดแล้วว่าใครเป็นใคร ถูกกระชากหน้ากากออกมาหมด อาจเป็นเพราะประเมินว่า โจรเสื้อแดง” ชนะแน่ จึงไม่ลังเลที่จะกระโดดขึ้นเวที บางคนก็นึกไม่ถึง บางคนเป็นถึง “ท่านผู้หญิง” แต่สุดท้ายก็ถูกกระชากหน้ากากออกมา พร้อมกันทีเดียว สมน้ำหน้า !!
ก้อนกรวด
