ASTVผู้จัดการรายวัน - พันธมิตรฯ ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ “อภิสิทธิ์” แสดงภาวะผู้นำ ปลด “สุเทพ-ประวิตร”และ ผบ.ทบ.-ผบ.ตร-ผบ.ทร ที่ล้มเหลวในการรักษาความมั่นคงของชาติ ปล่อยม็อบเสื้อแดงเข้าป่วนประชุมอาเซียนฯ พร้อมเรียกร้องให้คนไทยทุกพื้นที่ ผนึกกำลังตั้งกลุ่มดูแลความปลอดภัยของตนเอง “สนธิ”อัดเละทหาร-ตำรวจช่วยนช.แม้วทำลายชาติ จวกหางแดงเหิมหนักกดดันศาลปล่อยตัว"อริสมันต์" กดดันกระบวนการยิตุธรรม ด้าน"จำลอง" ตอกย้ำเสื้อแดงหยิบมือไม่มีน้ำยาฝ่าด่านทหารที่ตรึงกำลังนับหมื่นได้ หากไม่สมรู้ร่วมคิด
วันที่ 12 เม.ย. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2/2552 เรื่อง “การทำลายความมั่นคงของรัฐ เกียรติภูมิ และศักดิ์ศรีของชาติ” ความว่าตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เคยอีกเรียกร้องต่อรัฐบาล 13 ข้อ ตามแถลงการณ์ฉบับที่ 29/2551 ลงวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2551 และแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ความไม่น่าไว้วางใจก่อนหน้านี้ด้วยการออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1/2552 เรื่อง คำเตือนต่อการวางเฉยกรณีมีการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ลงวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552 พร้อมเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลและทหารให้ทำหน้าที่เพื่อให้แก้ไขปัญหาความมั่นคงของรัฐ อย่างเร่งด่วน ซึ่งปรากฏว่ารัฐบาลและทหารยังคงเพิกเฉยและไม่ดำเนินการตามข้อเรียกร้องแต่ประการใด
กลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ได้พยายามเปลี่ยนสถานภาพการชุมนุมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐและสถาบันพระมหากษัตริย์ มาเป็นกองโจรอันธพาลทำลายชาตินำประชาชนไปยั่วยุให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้กำลังสลายอย่างรุนแรง แสดงเจตนาต้องการความสุ่มเสี่ยงให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการขยายมวลชน สนองความต้องการส่วนตัวของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตรทั้งสิ้น ดังปรากฏเหตุการณ์ดังต่อไปนี้
วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2552 กลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนนักโทษชายทักษิณ ได้ขัดขวางและปิดล้อมรถยนต์ส่วนบุคคลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าทุบรถและกระจกรถของนายกรัฐมนตรี จนแตก อันเป็นเจตนาพยายามทำลายทรัพย์สินและทำร้ายร่างกายนายกรัฐมนตรี โดยปราศจากความรับผิดชอบจากฝ่ายความมั่นคงและอำนาจรัฐใดๆ
วันพุธที่ 8 เมษายน 2552 กลุ่มมวลชนสนับสนุนนักโทษชายทักษิณ ได้นำมวลชนปิดล้อมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ อันเป็นบ้านพักของ ฯพณฯ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพื่อกดดันขับไล่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ให้ลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี เป็นการกระทำที่หมิ่นเหม่ต่อการละเมิดพระราชอำนาจและพระราชอัธยาศัยของพระมหากษัตริย์ในการแต่งตั้งคณะองคมนตรีตามรัฐธรรมนูญ และเป็นเจตนาการคุกคามสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลและซึ่งไม่เป็นไปตามวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ
วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน 2552 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สมรู้ร่วมคิดกับผู้ชุมนุมที่สนับสนุนนักโทษชายทักษิณ ทำการปิดการจราจรบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอันเป็นการยึดศูนย์กลางขนส่งมวลชนกรุงเทพซึ่งทำร้ายประชาชนทุกระดับในกรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังเป็นการทำร้ายผู้ป่วยจำนวนมากอย่างอำมหิตที่ไม่สามารถเข้าออกและใช้บริการโรงพยาบาลถึง 4 แห่ง เป็นการคุกคามและทำลายสิทธิเสรีภาพของคนกรุงเทพกว่า 10 ล้านคนอย่างรุนแรง ทำลายเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของชาตินับหลายแสนล้านบาทย่อยยับไม่เว้นแม้แต่ในเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นการทำลายชาติอย่างไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า การกระทำดังกล่าวข้างต้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการชุมนุมที่หน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะนอกจากหลักฐานจะปรากฏชัดเจนว่าผู้ที่ออกคำสั่งในการปิดสนามบินจะเป็นฝ่ายรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) แล้ว พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังมีเหตุผล ความจำเป็น และความชอบธรรมในการยกระดับการกดดันเพื่อขับไล่รัฐบาลฆาตกรหุ่นเชิดขายชาติที่ได้อำนาจรัฐมาจากการโกงการเลือกตั้งซึ่งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญให้ออกไปโดยเร็วที่สุด อันจะเป็นหนทางเดียวที่จะรักษาชีวิตผู้ชุมนุมให้รอดพ้นจากการที่รัฐบาลในขณะนั้นได้ปล่อยให้มีการเข่นฆ่าประชาชนตั้งแต่ 7 ตุลาคม 2551 ตามมาด้วยระเบิด M-79 รายวัน
วันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2552 รัฐบาล ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย ปล่อยให้ผู้ชุมนุมและแกนนำผู้สนับสนุนนักโทษชายทักษิณ เข้าไปในโรงแรม รอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา เพื่อยื่นหนังสือและทำลายภาพลักษณ์นายกรัฐมนตรี ในการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงานประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา อันเป็นการทำให้เกิดการบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อสายตานานาชาติในการรักษาความปลอดภัยของประเทศไทย
จากเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นเป็นผลทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เตรียมการและมีความพร้อมที่จะออกมาชุมนุมอย่างสงบ สันติ อหิงสา และปราศจากอาวุธอีกครั้งเพื่อปกป้องให้รอดพ้นจากการทำลายความมั่นคง ศักดิ์ศรี และเกียรติภูมิของชาติ แต่รัฐบาลแจ้งว่าไม่สามารถรับประกันได้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ ผู้นำของกองทัพบางคน จะฉกฉวยโอกาสจากสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อใช้กำลังสลายการชุมนุมทุกกลุ่มโดยอ้างเหตุว่าประชาชนทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงได้ออกประกาศฉบับที่ 1/2552 ลงวันที่ 11 เมษายน 2552 เพื่อให้ประชาชนเข้าใจในสถานภาพที่ไม่สามารถนำมวลชนออกมาเป็นเหยื่อทางการเมืองและการทหารได้ และเรียกร้องให้รัฐบาล ทหาร และตำรวจได้ทำหน้าที่ตามกฎหมายในการปกป้องความมั่นคง เกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของประเทศ
วันเสาร์ที่ 11 เมษายน 2552 รัฐบาล ทหาร และตำรวจ ยังไม่ดำเนินการเยียวยาแก้ไขปัญหาดังกล่าว กลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ได้บุกเข้าไปในโรงแรมอันเป็นสถานทีประชุม ได้ทำลายทรัพย์สิน ข่มขู่ คุกคามอย่างรุนแรง จนอาจเป็นภัยต่อ ชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของผู้นำ และเจ้าหน้าที่ผู้เข้าร่วมประชุม เป็นเหตุให้การประชุมต้องล่มลง ซึ่งเป็นการทำลายผลประโยชน์ของคนไทยทั้ง 64 ล้านคน และประชาชนของประเทศที่เข้าร่วมประชุมกว่า 2,000 ล้านคนอย่างย่อยยับ อีกทั้งรัฐบาลได้ประกาศออกพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินล่าช้าเกินไปหลังจากที่สถานการณ์ฉุกเฉินได้ผ่านพ้นไปแล้ว อันเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้เสียหายมากขึ้นไปอีก
จากสถานการณ์ดังกล่าวพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงมีมติให้ออกแถลงการณ์ดังต่อไปนี้
1.ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความสำเร็จของระบอบทักษิณในการทำลายชาติบ้านเมือง และทำลายผลประโยชน์ของประชาชนชาวไทยทั้ง 63 ล้านคน และทำลายผลประโยชน์ประชาชนของประเทศที่เข้าร่วมประชุมกว่า 2,000 ล้านคน และเป็นความพ่ายแพ้อย่างยับเยินของรัฐบาลที่ไม่สามารถรักษากฎหมายความปลอดภัย และผลประโยชน์แห่งชาติไว้ได้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด คือพยานหลักฐานที่ชัดเจนและสมบูรณ์ว่าการเมืองแบบเก่าของฝ่ายระบอบทักษิณที่ประสบความสำเร็จด้วยการทำลายชาติและฝ่ายรัฐบาลปราชัยต่อการรักษาชาติ ล้วนล้มละลายและรอวันพังพินาศอย่างเดียวเท่านั้น ประชาชนไทยทั้งประเทศจึงไม่สามารถตั้งความหวังใดๆไว้กับระบอบทักษิณ หรือรัฐบาลปัจจุบันได้ จึงจำเป็นต้องหาทางพึ่งพาตัวเองเป็นสำคัญ
2.เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีคนนี้มีความสัมพันธ์กับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตรอย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถใช้กลไกของรัฐและสั่งการเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติได้ ดังนั้นความล้มเหลวในการประชุมครั้งนี้ได้ทำลายเกียรติภูมิของประเทศชาติอย่างย่อยยับ เราจึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีได้แสดงความกล้าหาญด้วยการรับผิดชอบ และแสดงภาวะความเป็นผู้นำด้วยการปรับเปลี่ยนรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยทันที
3.ภารกิจใจกลางที่สำคัญที่สุดของประชาชนชาวไทยในปัจจุบันนี้คือ การดูแลรักษาความปลอดภัย ในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน ตลอดจนการรักษาความสงบเรียบร้อยของชาติ และการฟื้นฟูชาติบ้านเมือง เพื่อนำพาความสงบสุขกลับสู่มาตุภูมิอีกครั้งหนึ่ง จึงเรียกร้องให้ประชาชนทุกพื้นที่ ผนึกกำลังสามัคคีกันจัดตั้งกลุ่มดูแลรักษาความปลอดภัยของตนเองขึ้น เพื่อป้องกันกลุ่มโจรมาข่มเหงทำร้าย และเตรียมความพร้อมที่จะดูแลชาติบ้านเมือง เตรียมความพร้อมที่จะใช้พลังของมวลหมู่ประชาชนได้โดยทันทีที่เกิดการจลาจลหรือกลียุคที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้สิทธิเอาไว้
4.ขอแสดงความเสียใจต่อบรรดามิตรประเทศและประชาชนของมิตรประเทศที่เข้าร่วมประชุมที่รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการประชุมให้เป็นผลสำเร็จตามประสงค์ และขอแสดงความเสียใจต่อบรรดาผู้ที่ได้รับความเสียหายเดือดร้อนทั้งหมด เราขอประณามการประกาศความสำเร็จในการทำลายชาติของนักโทษชายทักษิณและพวก และขอแสดงความเสียใจต่อความพ่ายแพ้ของรัฐบาลในการรักษาชาติดังกล่าว
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกล่าวตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวภายหลัง 5 แกนนำพันธมิตรได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2/2552 ว่าถือเป็นความสำเร็จของระบอบทักษิณที่ทำลายประเทศเสียหายย่อยยับ ทั้งนี้ก็เพราะมีรองนายกฯซึ่งดูแลความมั่นคงที่ชื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จับมือกับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ดังนั้นในวันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะต้องแสดงความกล้าหาญ โดยการปรับออกนายสุเทพ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พ้นเก้าอี้รมว.กลาโหม รวมทั้งสั่งปลดพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ต.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.
"นายสุเทพเล่นการเมืองมากเกินไป โดยมีข้อตกลงก่อนหน้านี้ว่าจะแต่งตั้งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งในตำแหน่งเก้าอี้กลาโหมเพื่อแลกกับเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา นั่งผบ.ทบ.ต่อไปจนเกษียณอายุราชการ โดยไม่ต้องสนใจอะไรทั้งสิ้น และให้น้องชายตนเองคือพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณได้โยกจากช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรีกลับมานั่งในตำแหน่งผบ.ตร.ต่อไป"นายสนธิกล่าว
แกนนำพันธมิตร ยังกล่าวว่าเหตุที่พันธมิตรไม่ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้เนื่องจากไม่อยากตกเป็นเหยื่อในเกมการเมือง เพราะหากใช้พลเรือนปะทะกันเอง จะเกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินและกองทัพหรือผู้มีอำนาจรัฐในมือ อาจอ้างเหตุดังกล่าวสลายการชุมนุมและปฏิวัติเพื่อยึดอำนาจอีกครั้ง วันนี้การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงชัดเจนแล้วว่าเป็นกองโจร และขอให้พันธมิตรฯ จัดตั้งกลุ่มมวลชนขึ้นมาปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของตัวเอง หากเกิดกลียุคขึ้น พร้อมตำหนิเสื้อแดงที่ชอบอ้างว่าเลียนแบบพันธมิตรฯ เนื่องจากอุดมการณ์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และการบุกยึดสถานที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและภาวะเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ส่วนการออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินในช่วงบ่ายถือว่าล่าช้าเกินไป
"ขอตั้งข้อสังเกตว่าทหารและตำรวจซึ่งตรึงกำลังถึง 14,000 นาย โดยรอบบริเวณโรงแรม กองกำลังเสื้อแดงซึ่งมีไม่กี่พันนายจะฝ่าด่านเข้ามาได้อย่างไร หากเจ้าหน้าที่ไม่เปิดทางให้"นายสนธิกล่าว
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ตามยุทธศาสตร์ของทหารการบุกยึดพื้นที่ของคนเสื้อแดงไม่สามารถแย่งชิงพื้นที่ได้เลย เพราะผู้ที่อยู่ในพื้นที่ย่อมได้เปรียบกว่าและการเข้าชิงพื้นที่จะต้องใช้กำลังมากกว่า 3 เท่า ส่วนที่เสื้อแดงอ้างว่าการชุมนุมนั้นได้ลอกเลียนแบบพันธมิตรฯว่าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็ขอสนับสนุนแต่ต้องเรียกร้องเพื่อสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือนักโทษให้พ้นผิด
พล.ต.จำลองกล่าวว่าเมื่อครั้งตนถูกจับกุมเมื่อครั้งไปใช้สิทธิผู้ว่ากทม. ในขณะที่ผู้ชุมนุมยังปักหลักอยู่ที่ทำเนียบ ก็ไม่เคยขอร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมไปกดดันกระบวนการยุติธรรม แต่ยังได้ขอร้องว่าอย่าไปกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย
นายสนธิ กล่าวทิ้งท้ายถึงเหตุการณ์กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงได้รวมพลเดินทางไปยังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำที่พาคนเสื้อแดงไปบุกโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา เพื่อนำตัวนายอริสมันต์ไปยังศาลอาญาฯ เพื่อฝากขังว่าถือเป็นกดดันกระบวนการยุติธรรม โดยบีบศาลให้ปล่อยตัวนายอริสมันต์ ซึ่งเมื่อครั้งพันธมิตรฯ ถูกออกหมายเรียก หมายจับก็ไม่เคยใช้อำนาจไปกดดันตำรวจ อัยการหรือศาลแต่อย่างใด แต่วันนี้ชัดเจนแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจใส่เกียร์ว่างและรู้เห็นเป็นใจกลุ่มนปช. สนับสนุนเสื้อแดงทำตัวเป็นอันพาลครองเมือง
วันที่ 12 เม.ย. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2/2552 เรื่อง “การทำลายความมั่นคงของรัฐ เกียรติภูมิ และศักดิ์ศรีของชาติ” ความว่าตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เคยอีกเรียกร้องต่อรัฐบาล 13 ข้อ ตามแถลงการณ์ฉบับที่ 29/2551 ลงวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2551 และแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ความไม่น่าไว้วางใจก่อนหน้านี้ด้วยการออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1/2552 เรื่อง คำเตือนต่อการวางเฉยกรณีมีการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ลงวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552 พร้อมเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลและทหารให้ทำหน้าที่เพื่อให้แก้ไขปัญหาความมั่นคงของรัฐ อย่างเร่งด่วน ซึ่งปรากฏว่ารัฐบาลและทหารยังคงเพิกเฉยและไม่ดำเนินการตามข้อเรียกร้องแต่ประการใด
กลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ได้พยายามเปลี่ยนสถานภาพการชุมนุมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐและสถาบันพระมหากษัตริย์ มาเป็นกองโจรอันธพาลทำลายชาตินำประชาชนไปยั่วยุให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้กำลังสลายอย่างรุนแรง แสดงเจตนาต้องการความสุ่มเสี่ยงให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการขยายมวลชน สนองความต้องการส่วนตัวของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตรทั้งสิ้น ดังปรากฏเหตุการณ์ดังต่อไปนี้
วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2552 กลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนนักโทษชายทักษิณ ได้ขัดขวางและปิดล้อมรถยนต์ส่วนบุคคลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าทุบรถและกระจกรถของนายกรัฐมนตรี จนแตก อันเป็นเจตนาพยายามทำลายทรัพย์สินและทำร้ายร่างกายนายกรัฐมนตรี โดยปราศจากความรับผิดชอบจากฝ่ายความมั่นคงและอำนาจรัฐใดๆ
วันพุธที่ 8 เมษายน 2552 กลุ่มมวลชนสนับสนุนนักโทษชายทักษิณ ได้นำมวลชนปิดล้อมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ อันเป็นบ้านพักของ ฯพณฯ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพื่อกดดันขับไล่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ให้ลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี เป็นการกระทำที่หมิ่นเหม่ต่อการละเมิดพระราชอำนาจและพระราชอัธยาศัยของพระมหากษัตริย์ในการแต่งตั้งคณะองคมนตรีตามรัฐธรรมนูญ และเป็นเจตนาการคุกคามสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลและซึ่งไม่เป็นไปตามวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ
วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน 2552 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สมรู้ร่วมคิดกับผู้ชุมนุมที่สนับสนุนนักโทษชายทักษิณ ทำการปิดการจราจรบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอันเป็นการยึดศูนย์กลางขนส่งมวลชนกรุงเทพซึ่งทำร้ายประชาชนทุกระดับในกรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังเป็นการทำร้ายผู้ป่วยจำนวนมากอย่างอำมหิตที่ไม่สามารถเข้าออกและใช้บริการโรงพยาบาลถึง 4 แห่ง เป็นการคุกคามและทำลายสิทธิเสรีภาพของคนกรุงเทพกว่า 10 ล้านคนอย่างรุนแรง ทำลายเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของชาตินับหลายแสนล้านบาทย่อยยับไม่เว้นแม้แต่ในเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นการทำลายชาติอย่างไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า การกระทำดังกล่าวข้างต้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการชุมนุมที่หน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะนอกจากหลักฐานจะปรากฏชัดเจนว่าผู้ที่ออกคำสั่งในการปิดสนามบินจะเป็นฝ่ายรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) แล้ว พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังมีเหตุผล ความจำเป็น และความชอบธรรมในการยกระดับการกดดันเพื่อขับไล่รัฐบาลฆาตกรหุ่นเชิดขายชาติที่ได้อำนาจรัฐมาจากการโกงการเลือกตั้งซึ่งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญให้ออกไปโดยเร็วที่สุด อันจะเป็นหนทางเดียวที่จะรักษาชีวิตผู้ชุมนุมให้รอดพ้นจากการที่รัฐบาลในขณะนั้นได้ปล่อยให้มีการเข่นฆ่าประชาชนตั้งแต่ 7 ตุลาคม 2551 ตามมาด้วยระเบิด M-79 รายวัน
วันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2552 รัฐบาล ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย ปล่อยให้ผู้ชุมนุมและแกนนำผู้สนับสนุนนักโทษชายทักษิณ เข้าไปในโรงแรม รอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา เพื่อยื่นหนังสือและทำลายภาพลักษณ์นายกรัฐมนตรี ในการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงานประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา อันเป็นการทำให้เกิดการบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อสายตานานาชาติในการรักษาความปลอดภัยของประเทศไทย
จากเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นเป็นผลทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เตรียมการและมีความพร้อมที่จะออกมาชุมนุมอย่างสงบ สันติ อหิงสา และปราศจากอาวุธอีกครั้งเพื่อปกป้องให้รอดพ้นจากการทำลายความมั่นคง ศักดิ์ศรี และเกียรติภูมิของชาติ แต่รัฐบาลแจ้งว่าไม่สามารถรับประกันได้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ ผู้นำของกองทัพบางคน จะฉกฉวยโอกาสจากสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อใช้กำลังสลายการชุมนุมทุกกลุ่มโดยอ้างเหตุว่าประชาชนทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงได้ออกประกาศฉบับที่ 1/2552 ลงวันที่ 11 เมษายน 2552 เพื่อให้ประชาชนเข้าใจในสถานภาพที่ไม่สามารถนำมวลชนออกมาเป็นเหยื่อทางการเมืองและการทหารได้ และเรียกร้องให้รัฐบาล ทหาร และตำรวจได้ทำหน้าที่ตามกฎหมายในการปกป้องความมั่นคง เกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของประเทศ
วันเสาร์ที่ 11 เมษายน 2552 รัฐบาล ทหาร และตำรวจ ยังไม่ดำเนินการเยียวยาแก้ไขปัญหาดังกล่าว กลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ได้บุกเข้าไปในโรงแรมอันเป็นสถานทีประชุม ได้ทำลายทรัพย์สิน ข่มขู่ คุกคามอย่างรุนแรง จนอาจเป็นภัยต่อ ชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของผู้นำ และเจ้าหน้าที่ผู้เข้าร่วมประชุม เป็นเหตุให้การประชุมต้องล่มลง ซึ่งเป็นการทำลายผลประโยชน์ของคนไทยทั้ง 64 ล้านคน และประชาชนของประเทศที่เข้าร่วมประชุมกว่า 2,000 ล้านคนอย่างย่อยยับ อีกทั้งรัฐบาลได้ประกาศออกพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินล่าช้าเกินไปหลังจากที่สถานการณ์ฉุกเฉินได้ผ่านพ้นไปแล้ว อันเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้เสียหายมากขึ้นไปอีก
จากสถานการณ์ดังกล่าวพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงมีมติให้ออกแถลงการณ์ดังต่อไปนี้
1.ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความสำเร็จของระบอบทักษิณในการทำลายชาติบ้านเมือง และทำลายผลประโยชน์ของประชาชนชาวไทยทั้ง 63 ล้านคน และทำลายผลประโยชน์ประชาชนของประเทศที่เข้าร่วมประชุมกว่า 2,000 ล้านคน และเป็นความพ่ายแพ้อย่างยับเยินของรัฐบาลที่ไม่สามารถรักษากฎหมายความปลอดภัย และผลประโยชน์แห่งชาติไว้ได้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด คือพยานหลักฐานที่ชัดเจนและสมบูรณ์ว่าการเมืองแบบเก่าของฝ่ายระบอบทักษิณที่ประสบความสำเร็จด้วยการทำลายชาติและฝ่ายรัฐบาลปราชัยต่อการรักษาชาติ ล้วนล้มละลายและรอวันพังพินาศอย่างเดียวเท่านั้น ประชาชนไทยทั้งประเทศจึงไม่สามารถตั้งความหวังใดๆไว้กับระบอบทักษิณ หรือรัฐบาลปัจจุบันได้ จึงจำเป็นต้องหาทางพึ่งพาตัวเองเป็นสำคัญ
2.เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีคนนี้มีความสัมพันธ์กับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตรอย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถใช้กลไกของรัฐและสั่งการเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติได้ ดังนั้นความล้มเหลวในการประชุมครั้งนี้ได้ทำลายเกียรติภูมิของประเทศชาติอย่างย่อยยับ เราจึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีได้แสดงความกล้าหาญด้วยการรับผิดชอบ และแสดงภาวะความเป็นผู้นำด้วยการปรับเปลี่ยนรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยทันที
3.ภารกิจใจกลางที่สำคัญที่สุดของประชาชนชาวไทยในปัจจุบันนี้คือ การดูแลรักษาความปลอดภัย ในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน ตลอดจนการรักษาความสงบเรียบร้อยของชาติ และการฟื้นฟูชาติบ้านเมือง เพื่อนำพาความสงบสุขกลับสู่มาตุภูมิอีกครั้งหนึ่ง จึงเรียกร้องให้ประชาชนทุกพื้นที่ ผนึกกำลังสามัคคีกันจัดตั้งกลุ่มดูแลรักษาความปลอดภัยของตนเองขึ้น เพื่อป้องกันกลุ่มโจรมาข่มเหงทำร้าย และเตรียมความพร้อมที่จะดูแลชาติบ้านเมือง เตรียมความพร้อมที่จะใช้พลังของมวลหมู่ประชาชนได้โดยทันทีที่เกิดการจลาจลหรือกลียุคที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้สิทธิเอาไว้
4.ขอแสดงความเสียใจต่อบรรดามิตรประเทศและประชาชนของมิตรประเทศที่เข้าร่วมประชุมที่รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการประชุมให้เป็นผลสำเร็จตามประสงค์ และขอแสดงความเสียใจต่อบรรดาผู้ที่ได้รับความเสียหายเดือดร้อนทั้งหมด เราขอประณามการประกาศความสำเร็จในการทำลายชาติของนักโทษชายทักษิณและพวก และขอแสดงความเสียใจต่อความพ่ายแพ้ของรัฐบาลในการรักษาชาติดังกล่าว
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกล่าวตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวภายหลัง 5 แกนนำพันธมิตรได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2/2552 ว่าถือเป็นความสำเร็จของระบอบทักษิณที่ทำลายประเทศเสียหายย่อยยับ ทั้งนี้ก็เพราะมีรองนายกฯซึ่งดูแลความมั่นคงที่ชื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จับมือกับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ดังนั้นในวันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะต้องแสดงความกล้าหาญ โดยการปรับออกนายสุเทพ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พ้นเก้าอี้รมว.กลาโหม รวมทั้งสั่งปลดพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ต.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.
"นายสุเทพเล่นการเมืองมากเกินไป โดยมีข้อตกลงก่อนหน้านี้ว่าจะแต่งตั้งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งในตำแหน่งเก้าอี้กลาโหมเพื่อแลกกับเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา นั่งผบ.ทบ.ต่อไปจนเกษียณอายุราชการ โดยไม่ต้องสนใจอะไรทั้งสิ้น และให้น้องชายตนเองคือพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณได้โยกจากช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรีกลับมานั่งในตำแหน่งผบ.ตร.ต่อไป"นายสนธิกล่าว
แกนนำพันธมิตร ยังกล่าวว่าเหตุที่พันธมิตรไม่ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้เนื่องจากไม่อยากตกเป็นเหยื่อในเกมการเมือง เพราะหากใช้พลเรือนปะทะกันเอง จะเกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินและกองทัพหรือผู้มีอำนาจรัฐในมือ อาจอ้างเหตุดังกล่าวสลายการชุมนุมและปฏิวัติเพื่อยึดอำนาจอีกครั้ง วันนี้การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงชัดเจนแล้วว่าเป็นกองโจร และขอให้พันธมิตรฯ จัดตั้งกลุ่มมวลชนขึ้นมาปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของตัวเอง หากเกิดกลียุคขึ้น พร้อมตำหนิเสื้อแดงที่ชอบอ้างว่าเลียนแบบพันธมิตรฯ เนื่องจากอุดมการณ์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และการบุกยึดสถานที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและภาวะเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ส่วนการออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินในช่วงบ่ายถือว่าล่าช้าเกินไป
"ขอตั้งข้อสังเกตว่าทหารและตำรวจซึ่งตรึงกำลังถึง 14,000 นาย โดยรอบบริเวณโรงแรม กองกำลังเสื้อแดงซึ่งมีไม่กี่พันนายจะฝ่าด่านเข้ามาได้อย่างไร หากเจ้าหน้าที่ไม่เปิดทางให้"นายสนธิกล่าว
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ตามยุทธศาสตร์ของทหารการบุกยึดพื้นที่ของคนเสื้อแดงไม่สามารถแย่งชิงพื้นที่ได้เลย เพราะผู้ที่อยู่ในพื้นที่ย่อมได้เปรียบกว่าและการเข้าชิงพื้นที่จะต้องใช้กำลังมากกว่า 3 เท่า ส่วนที่เสื้อแดงอ้างว่าการชุมนุมนั้นได้ลอกเลียนแบบพันธมิตรฯว่าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็ขอสนับสนุนแต่ต้องเรียกร้องเพื่อสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือนักโทษให้พ้นผิด
พล.ต.จำลองกล่าวว่าเมื่อครั้งตนถูกจับกุมเมื่อครั้งไปใช้สิทธิผู้ว่ากทม. ในขณะที่ผู้ชุมนุมยังปักหลักอยู่ที่ทำเนียบ ก็ไม่เคยขอร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมไปกดดันกระบวนการยุติธรรม แต่ยังได้ขอร้องว่าอย่าไปกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย
นายสนธิ กล่าวทิ้งท้ายถึงเหตุการณ์กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงได้รวมพลเดินทางไปยังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำที่พาคนเสื้อแดงไปบุกโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา เพื่อนำตัวนายอริสมันต์ไปยังศาลอาญาฯ เพื่อฝากขังว่าถือเป็นกดดันกระบวนการยุติธรรม โดยบีบศาลให้ปล่อยตัวนายอริสมันต์ ซึ่งเมื่อครั้งพันธมิตรฯ ถูกออกหมายเรียก หมายจับก็ไม่เคยใช้อำนาจไปกดดันตำรวจ อัยการหรือศาลแต่อย่างใด แต่วันนี้ชัดเจนแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจใส่เกียร์ว่างและรู้เห็นเป็นใจกลุ่มนปช. สนับสนุนเสื้อแดงทำตัวเป็นอันพาลครองเมือง