xs
xsm
sm
md
lg

ท่องเที่ยว“โคราช”เมืองใหญ่อีสานยังสดใส อัดกิจกรรมฝ่าวิกฤต - ตั้งเป้าทะลุหมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - อุตฯท่องเที่ยวโคราชเมืองใหญ่อีสานไตรมาสแรกยังสดใส ชี้ภาครัฐ-เอกชนอัดกิจกรรมกระตุ้นท่องเที่ยวหนาแน่นนำฝ่าวิกฤต “ปากช่อง-วังน้ำเขียว” ยังเป็นแหล่งเที่ยวดึงดูดหมายเลข 1 คาดทั้งปีทำเม็ดเงินเพิ่ม 10% ตั้งเป้าเมืองย่าโมทะลุ 1 หมื่นล้าน- ชัยภูมิ 800 ล้าน ระบุม็อบ “หางแดง” ไม่ส่งผลมากนักเหตุไม่ใช่พื้นที่ความรุนแรง แต่กระทบนักท่องเที่ยวต่างชาติหนัก ชี้ 3 ไตรมาสที่เหลือโหม ปชส. เที่ยว“เทศกาลดอกกระเจียวบาน” ชัยภูมิ ต่อเนื่องด้วย “4 อุทยานฯ 2 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า” พร้อมรุกเปิดตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ใน สิงคโปร์,ฟิลิปปินส์ และ ตะวันออกกลาง

นายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่รับผิดชอบ 2 จังหวัด คือ นครราชสีมา และ ชัยภูมิตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2552 ว่า สำหรับ จ.นครราชสีมา แม้จะมีอุปสรรคต่างๆ เกิดขึ้นโดยรอบ ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวบ้างแต่ไม่มากนัก เนื่องจากมีปัจจัยเสริมต่างๆ หลายอย่าง เช่น ราคาน้ำมันไม่มีผลกระทบและปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจึงทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวระยะใกล้เกิดความคุ้มค่ามากกว่า ประกอบกับนครราชสีมาไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก และยังมีกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เช่น ต้นเดือน มกราคม-กุมภาพันธ์ อยู่ในช่วงอากาศหนาวเย็น พื้นที่ อ.ปากช่อง และอ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ได้รับอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวหนาแน่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ สถานที่พัก โรงแรม รีสอร์ตของทั้ง 2 อำเภอ ถูกจองเต็มตลอดเวลา

นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้ามาจัดกิจกรรม เช่น การจัดคอนเสิร์ตของ บริษัทเพลงค่ายใหญ่ ที่เขาใหญ่ อ.ปากช่อง ก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในแหล่งท่องเที่ยว ,การจัดกิจกรรมเทศกาลตรุษจีนของเทศบาลนครนครราชสีมา , การจัดประชุมไลออนส์ทั่วประเทศที่ จ.นครราชสีมาเป็นเจ้าภาพ 20-22 มีนาคม , การจัดงานฉลองวันแห่งชัยชนะของท่านท้าวสุรนารี ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม-3 เมษายน2552 รวมถึงการฝึกผสมระหว่างกองทัพสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์และไทย ภายใต้รหัส “โคปไทเกอร์ 2009” ที่กองบิน 1 นครราชสีมา ระหว่าง 9-20 มีนาคม ที่มีกำลังพลเข้าร่วมกว่า 2,570 นาย ทำให้โรงแรมที่พักถูกจับจองเต็มทั้งหมด

กิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้เป็นการส่งเสริมกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้คึกคัก ก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดกระจายในท้องถิ่น ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.นครราชสีมา ทั้งกิจการโรงแรมห้องพัก ร้านค้า ร้านอาหาร สินค้าของฝากของที่ระลึก รวมทั้งผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่นต่างๆ ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจมาได้ คาดว่าไตรมาสแรกที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ทั้ง จ.นครราชสีมา และชัยภูมิ สร้างรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 10% ท่ามกลางวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้น

“ในปี 2551 จ.นครราชสีมา มีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับ 1 ของภาคอีสานประมาณกว่า 9,000 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนกว่า 5.5 ล้านคน ฉะนั้นไตรมาสแรกของปีนี้ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา น่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาทและคาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีก 10% หรือประมาณ 10,000 ล้านบาท ” นายอรรถพล กล่าว

สำหรับพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ในช่วงปลายปี 2251 ต่อเนื่องจนถึงปีนี้ททท.ได้ร่วมกันรุกประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว “4 อุทยานแห่งชาติ 2 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า” ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวในระดับหนึ่ง เนื่องจากเป็นปีแรกซึ่งในปีนี้จะโหมประชาสัมพันธ์มากขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบ โดยจะเริ่มระดมประชาสัมพันธ์หลังจากเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน ตั้งแต่ มิถุนายน-สิงหาคม เพื่อให้นักท่องเที่ยวทราบว่านอกจากเทศกาลดอกระเจียวบาน แล้ว ในช่วงเดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่มีความงดงาม เย็นสบาย เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ

นอกจากนี้ ททท.จะรุกประชาสัมพันธ์กับกลุ่มครอบครัว หรือผู้สูงอายุได้รับรู้ถึงแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม นั่นคือ เส้นทางการท่องเที่ยวไหว้พระ จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นวัดที่มีความเก่าแก่และน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่มีความเก่าแก่ทางด้านวัฒนธรรมประเพณีที่มีมานาน คาดว่าสามารถเปิดการท่องเที่ยวเส้นทางไหว้พระ ทันเทศกาลดอกกระเจียวบานปีนี้ ซึ่งการจัดกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ เพื่อต้องการเพิ่มและขยายฐานนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ตัวเลขนักท่องเที่ยวของจ.ชัยภูมิอยู่ที่ประมาณ กว่า 300,000 คน มีรายได้จากการท่องเที่ยวราว 20 ล้านบาท เพราะทั้งปีจ.ชัยภูมิ มีนักท่องเที่ยวประมาณ 1.2 ล้านคน สร้างรายได้ให้จังหวัด 800 ล้านบาท ซึ่งในช่วงต้นปี 2552 ทางจังหวัดชัยภูมิได้จัดงาน “เจ้าพ่อพญาแล” สามารถกระตุ้นท่องเที่ยวในท้องถิ่นได้ดี

ส่วนแนวโน้มการท่องเที่ยวอีก 3 ไตรมาสที่เหลือของปีนี้ในพื้นที่รับผิดชอบทั้ง 2 จังหวัด ยังมีแนวโน้มที่ดีและมีความเคลื่อนไหวคึกคัก เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเทศกาลการท่องเที่ยวของคนไทย นั่นคือ เทศกาลสงกรานต์ และ การท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝน ททท.ได้วางแผนประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้ว่า “การเที่ยวป่าหน้าฝนยลอีสาน” ยังเป็นภาคที่ยังมีความงดงามของธรรมชาติ อันเขียวขจี อุดมสมบูรณ์อยู่มาก ซึ่งจะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดการเดินทางเข้ามาเที่ยวและเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของชัยภูมิ คือ เทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน

“คาดว่าการท่องเที่ยวโดยรวมทั้ง 2 จังหวัดน่าจะเป็นบวก ถ้าราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับนี้ ปัจจัยทางด้านการเมืองไม่มีความรุนแรงมากนัก และ ไม่มีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวในประเทศ” นายอรรถพล กล่าว

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ 2 จังหวัด ยังคงเป็นชาวอีสานมาเที่ยวกันเอง แต่ อ.ปากช่อง อ.วังน้ำเขียว เป็นตลาดของกลุ่มนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ เป็นหลัก สำหรับชาวต่างประเทศมีค่อนข้างน้อย โดยปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยว 2 จังหวัดนี้แค่ 1.3 แสนคนเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวอเมริกา , อังกฤษ, ญี่ปุ่น และเยอรมัน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางททท. จะไปเปิดตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ๆ เช่น สิงคโปร์,ฟิลิปปินส์ และตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดใหม่และ กลุ่มเป้าหมายคือคนที่เข้าไปทำงานในตะวันออกกลาง หรือที่เรียกว่า “เอ็กซ์แพ็ก”

“การชุมนุมของกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ มีผลต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศสูงมาก เนื่องจากชาวต่างประเทศไม่มีความความเชื่อมั่นว่าจะยืดเยื้อมากน้อยแค่ไหน ความรุนแรงจะเกิดขึ้นหรือไม่ รัฐบาลจะสามารถดำเนินการทำความเข้าใจกันได้หรือไม่ ส่วนนักท่องเที่ยวคนไทยไม่มีผลกระทบมากนัก เพราะติดตามข่าวสารรับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงอยู่แล้ว และทราบว่าพื้นที่มีปัญหาจากการชุมนุมอยู่ที่ใด ที่สำคัญ จ.นครราชสีมาและชัยภูมิ ไม่มีปัญหาทางการเมืองมากนัก จึงไม่มีผลกระทบ” นายอรรถพล กล่าวในตอนท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น