วันพุธที่ 8 เมษายน
ผมดำเนินกิจวัตรตามที่ปฏิบัติมาตั้งแต่เมื่อคืน นอนตามเวลา 3 ทุ่มครึ่ง มาตื่นตามปกติตีสามครึ่งเหมือนทุกวัน โดยมีสุนัข 2 ตัว (อีกตัวอยู่ในกรงเพราะมันซนมาก) สุนัขสองตัว ตัวใหญ่พันธุ์เยอรมันเชพปาร์ท ชื่อเป็นไทยคือ “ไชโย” ตัวเล็กพันธุ์บีเกิ้ล ชื่อมันเป็นของกินคือ “เกาลัด” เรียกมันย่อๆ ว่า “เก๋า” โดยมันได้รับเกียรติเป็นพาสเวิร์ดของผมในอีเมลด้วย
อาหารเช้าของผมนั้นเช้าจริงๆ หนังสือพิมพ์มาส่งตี 5 พอดี ผมกินขนมปังปิ้งพร้อมไส้กรอกเล็กๆ ย่าง 2 อัน และพุงหมูอัดหมูบดใส่พริกทั้งหมดซื้อจากร้านขายอาหารประเภทนี้ที่มีชื่อใกล้ๆ บ้านผมนี้แหละ
นึกได้ว่าวันนี้เป็นวันที่โค่นอดีตนายกฯ ทักษิณกับแกนนำเสื้อแดงเขาปลุกระดมให้ร่วมกันมาชุมนุม นัยว่าเป็นวันดีเดย์ ผมเลยคลี่ นสพ.หัวสีดูก่อน เขาพาดข่าวว่าเสื้อแดงมากันแล้วเป็นแสน เป้าหมายอยู่ที่บ้านสี่เสาฯ
หมายความว่าจะไปเอาเรื่องกับท่านประธานองคมนตรีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งผมรู้จักดี
แต่เมื่อวันจันทร์ นสพ.ฉบับที่คุณผู้อ่านอ่านข้อเขียนของผมอยู่นี้ ก็พาดหัวข่าวในหน้าหนึ่งเหมือนกันว่า “ป๋า” ยันไม่หนีเสื้อแดง และยังมีพาดหัวรองว่า คนโคราชลั่นเอาชีวิตป้องสถาบันฯ
ก็ดูเหมือนว่า ตั้งหลักแลกกันด้วยการเผชิญหน้าเสียแล้ว
แต่พวกเสื้อแดงก็ทำแบบนี้โดยไม่เกิดผลมาหลายครั้งหลายคราแล้ว
เพียงแต่ที่ผ่านมา ไม่เคยได้รับการ “ยุ” แบบตรงๆ หรือเรียกให้มาชุมนุมกันเยอะๆ จากทักษิณเหมือนครั้งนี้
ว่ากันตามจริง มันเป็นสัญญาณว่านี่อาจเป็นเรื่องของการสู้แบบ “เฮือกสุดท้าย” ในด้านการชุมนุมแล้วก็ได้
ผมเองเชื่อว่าพวกนี้คงจะสร้างเรื่องให้มัน “รุนแรง” ไว้ก่อน เพราะไม่เช่นนั้น มันก็เหมือนทุกครั้งที่มันไม่ได้มีประเด็นข่าวอะไรใหม่
ต่อให้มันขายของเก่าด้วยการโจมตีสถาบันก็เถอะ
ถือว่า “ขายของเก่า” อย่างเดียว
และเสื้อแดงพยายามเบี่ยงประเด็นเรื่องหมิ่นสถาบันฯ โดยตามก้นนายจักรภพ เพ็ญแข ซึ่งอ้างว่า โจมตีระบบ “อมาตยาธิปไตย”
ก็เรื่องนี้แหละ พี่ชายผม ดร.ชัยอนันต์ เลยทนเห็นการพูดเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยได้พี่แกเลยเขียนลง นสพ.ฉบับนี้ว่า เคยมีอาจารย์ฝรั่งคนหนึ่งคือ ศาสตราจารย์เฟรด ริกส์ เขียนถึงบูโรแครติก โพลิตี้ ซึ่งมีผู้แปลว่า “ระบอบอมาตยาธิปไตย”
ประเด็นของอาจารย์ชัยอนันต์ คือ จริงๆ แล้วไอ้ระบอบนี้มันมีอยู่จริงหรือ?
เพราะว่าพวกบูโรแครติก คือข้าราชการ และจะสถาปนาระบอบนี้ได้ก็ต้องมี “อำนาจจริง” อยู่ในมือ
แต่เมื่อมีเลือกตั้ง นายกฯ ก็มาจากการเลือกตั้ง อำนาจข้าราชการก็ลดลงตามลำดับ
สมัยนายกฯ ทักษิณก็เลือกพวกตนสวมตำแหน่งสำคัญๆ ในระบบราชการ
อาจารย์แกจึงสรุปว่า “ระบอบอมาตยาธิปไตย” นั้น มันไม่มีอยู่จริงอีกแล้วละครับพี่น้อง
แต่พวกเสื้อแดงยกมาพูดเหมือนกับว่า “ป๋าเปรม” แกเป็นผู้นำของ “ระบอบ” ที่ว่านี้
เมื่อมีการปฏิวัติเช่นครั้งล่าสุด ก็ไม่ได้คิดจะรื้อฟื้นอำนาจข้าราชการหรือ “ระบอบอมาตยาธิปไตย” ขึ้นมาอีกแต่อย่างใด
นี่แหละครับ เลอะเทอะนะพวกเสื้อแดง รวมทั้งนายจักรภพด้วย
แต่ขอบอกอย่างนึง
การโจมตี “ป๋า” เหมือนกับการโจมตีสถาบันฯ เข้าด้วยแบบไม่ต้องอ้อมค้อมเลยนะครับ
เป็นการวิจารณ์ซึ่งอาจารย์ชัยอนันต์ระบุว่า “สถาบันที่ใกล้ชิดกับสถาบันพระมหากษัตริย์”
ไม่ทราบว่าพวกเสื้อแดงจะรู้เรื่องที่ผมหรืออาจารย์ชัยอนันต์พยายามจะอธิบายหรือไม่?
หรือพวกนี้เพียงอ้างเพื่อบังหน้าเท่านั้น
ความจริงเรื่ององคมนตรีนั้นไม่เพียงถูกโจมตีเท่านั้น
ตำรวจยังไปรวบพวกพยายามลอบสังหารองคมนตรีนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ โดยรวบตัวคนร้ายได้ทั้งหมด ซึ่งพวกนี้ก็สารภาพว่ารับจ้างมาอีกทอดหนึ่ง
เรื่องมันร้ายแรงจริงๆ
อีกคนหนึ่งซึ่งระยะหลังๆ ตกเป็นขี้ปากทักษิณคือนายเนวิน ชิดชอบ
นายเนวินโดนข้อหาหลายประการจนเจ้าตัวต้องออกมาพูดด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า เขานั้นเป็น “คน” ไม่ใช่เป็น “ทาสในเรือนเบี้ย” ของใคร
เขายังเปิดโปงว่า เคยทำงานกับพวกแกนนำเสื้อแดงบางคนที่ชอบแจ๋นอยู่บนเวที รู้ดีว่าคนพวกนี้ต้องการความรุนแรงและหวังจะสร้างรัฐไทยใหม่ขึ้นมา เพราะมักจะกล่าวกันถึงการปฏิวัติและจะทำสงครามประชาชน จะทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ โดยจะยึดศาลากลางทุกจังหวัด
คนพวกนี้ตอกย้ำแบบนี้บ่อยๆ
และบอกว่าพวกเสื้อแดงนั้นเห็นว่า ถ้าพวกตนอยู่ไม่ได้ก็ให้มันตายกันทั้งแผ่นดิน
นี่แหละระยำ
ผมเองจึงเห็นว่าวันที่ 8 คือวันที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับอยู่นี้ ก็ไม่รู้ว่ามันจะเผาบ้านเมืองกันตามแผนหรือเปล่า
ความจริงคนพวกนี้ มันก็ไม่สมควรอยู่ให้รกแผ่นดินอยู่แล้ว น่าจะอพยพตามเจ้าแม้ว จะไปดูใบหรือไปเขมรก็แล้วแต่
สังคมนี้ต้องการความสงบ
ผมดำเนินกิจวัตรตามที่ปฏิบัติมาตั้งแต่เมื่อคืน นอนตามเวลา 3 ทุ่มครึ่ง มาตื่นตามปกติตีสามครึ่งเหมือนทุกวัน โดยมีสุนัข 2 ตัว (อีกตัวอยู่ในกรงเพราะมันซนมาก) สุนัขสองตัว ตัวใหญ่พันธุ์เยอรมันเชพปาร์ท ชื่อเป็นไทยคือ “ไชโย” ตัวเล็กพันธุ์บีเกิ้ล ชื่อมันเป็นของกินคือ “เกาลัด” เรียกมันย่อๆ ว่า “เก๋า” โดยมันได้รับเกียรติเป็นพาสเวิร์ดของผมในอีเมลด้วย
อาหารเช้าของผมนั้นเช้าจริงๆ หนังสือพิมพ์มาส่งตี 5 พอดี ผมกินขนมปังปิ้งพร้อมไส้กรอกเล็กๆ ย่าง 2 อัน และพุงหมูอัดหมูบดใส่พริกทั้งหมดซื้อจากร้านขายอาหารประเภทนี้ที่มีชื่อใกล้ๆ บ้านผมนี้แหละ
นึกได้ว่าวันนี้เป็นวันที่โค่นอดีตนายกฯ ทักษิณกับแกนนำเสื้อแดงเขาปลุกระดมให้ร่วมกันมาชุมนุม นัยว่าเป็นวันดีเดย์ ผมเลยคลี่ นสพ.หัวสีดูก่อน เขาพาดข่าวว่าเสื้อแดงมากันแล้วเป็นแสน เป้าหมายอยู่ที่บ้านสี่เสาฯ
หมายความว่าจะไปเอาเรื่องกับท่านประธานองคมนตรีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งผมรู้จักดี
แต่เมื่อวันจันทร์ นสพ.ฉบับที่คุณผู้อ่านอ่านข้อเขียนของผมอยู่นี้ ก็พาดหัวข่าวในหน้าหนึ่งเหมือนกันว่า “ป๋า” ยันไม่หนีเสื้อแดง และยังมีพาดหัวรองว่า คนโคราชลั่นเอาชีวิตป้องสถาบันฯ
ก็ดูเหมือนว่า ตั้งหลักแลกกันด้วยการเผชิญหน้าเสียแล้ว
แต่พวกเสื้อแดงก็ทำแบบนี้โดยไม่เกิดผลมาหลายครั้งหลายคราแล้ว
เพียงแต่ที่ผ่านมา ไม่เคยได้รับการ “ยุ” แบบตรงๆ หรือเรียกให้มาชุมนุมกันเยอะๆ จากทักษิณเหมือนครั้งนี้
ว่ากันตามจริง มันเป็นสัญญาณว่านี่อาจเป็นเรื่องของการสู้แบบ “เฮือกสุดท้าย” ในด้านการชุมนุมแล้วก็ได้
ผมเองเชื่อว่าพวกนี้คงจะสร้างเรื่องให้มัน “รุนแรง” ไว้ก่อน เพราะไม่เช่นนั้น มันก็เหมือนทุกครั้งที่มันไม่ได้มีประเด็นข่าวอะไรใหม่
ต่อให้มันขายของเก่าด้วยการโจมตีสถาบันก็เถอะ
ถือว่า “ขายของเก่า” อย่างเดียว
และเสื้อแดงพยายามเบี่ยงประเด็นเรื่องหมิ่นสถาบันฯ โดยตามก้นนายจักรภพ เพ็ญแข ซึ่งอ้างว่า โจมตีระบบ “อมาตยาธิปไตย”
ก็เรื่องนี้แหละ พี่ชายผม ดร.ชัยอนันต์ เลยทนเห็นการพูดเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยได้พี่แกเลยเขียนลง นสพ.ฉบับนี้ว่า เคยมีอาจารย์ฝรั่งคนหนึ่งคือ ศาสตราจารย์เฟรด ริกส์ เขียนถึงบูโรแครติก โพลิตี้ ซึ่งมีผู้แปลว่า “ระบอบอมาตยาธิปไตย”
ประเด็นของอาจารย์ชัยอนันต์ คือ จริงๆ แล้วไอ้ระบอบนี้มันมีอยู่จริงหรือ?
เพราะว่าพวกบูโรแครติก คือข้าราชการ และจะสถาปนาระบอบนี้ได้ก็ต้องมี “อำนาจจริง” อยู่ในมือ
แต่เมื่อมีเลือกตั้ง นายกฯ ก็มาจากการเลือกตั้ง อำนาจข้าราชการก็ลดลงตามลำดับ
สมัยนายกฯ ทักษิณก็เลือกพวกตนสวมตำแหน่งสำคัญๆ ในระบบราชการ
อาจารย์แกจึงสรุปว่า “ระบอบอมาตยาธิปไตย” นั้น มันไม่มีอยู่จริงอีกแล้วละครับพี่น้อง
แต่พวกเสื้อแดงยกมาพูดเหมือนกับว่า “ป๋าเปรม” แกเป็นผู้นำของ “ระบอบ” ที่ว่านี้
เมื่อมีการปฏิวัติเช่นครั้งล่าสุด ก็ไม่ได้คิดจะรื้อฟื้นอำนาจข้าราชการหรือ “ระบอบอมาตยาธิปไตย” ขึ้นมาอีกแต่อย่างใด
นี่แหละครับ เลอะเทอะนะพวกเสื้อแดง รวมทั้งนายจักรภพด้วย
แต่ขอบอกอย่างนึง
การโจมตี “ป๋า” เหมือนกับการโจมตีสถาบันฯ เข้าด้วยแบบไม่ต้องอ้อมค้อมเลยนะครับ
เป็นการวิจารณ์ซึ่งอาจารย์ชัยอนันต์ระบุว่า “สถาบันที่ใกล้ชิดกับสถาบันพระมหากษัตริย์”
ไม่ทราบว่าพวกเสื้อแดงจะรู้เรื่องที่ผมหรืออาจารย์ชัยอนันต์พยายามจะอธิบายหรือไม่?
หรือพวกนี้เพียงอ้างเพื่อบังหน้าเท่านั้น
ความจริงเรื่ององคมนตรีนั้นไม่เพียงถูกโจมตีเท่านั้น
ตำรวจยังไปรวบพวกพยายามลอบสังหารองคมนตรีนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ โดยรวบตัวคนร้ายได้ทั้งหมด ซึ่งพวกนี้ก็สารภาพว่ารับจ้างมาอีกทอดหนึ่ง
เรื่องมันร้ายแรงจริงๆ
อีกคนหนึ่งซึ่งระยะหลังๆ ตกเป็นขี้ปากทักษิณคือนายเนวิน ชิดชอบ
นายเนวินโดนข้อหาหลายประการจนเจ้าตัวต้องออกมาพูดด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า เขานั้นเป็น “คน” ไม่ใช่เป็น “ทาสในเรือนเบี้ย” ของใคร
เขายังเปิดโปงว่า เคยทำงานกับพวกแกนนำเสื้อแดงบางคนที่ชอบแจ๋นอยู่บนเวที รู้ดีว่าคนพวกนี้ต้องการความรุนแรงและหวังจะสร้างรัฐไทยใหม่ขึ้นมา เพราะมักจะกล่าวกันถึงการปฏิวัติและจะทำสงครามประชาชน จะทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ โดยจะยึดศาลากลางทุกจังหวัด
คนพวกนี้ตอกย้ำแบบนี้บ่อยๆ
และบอกว่าพวกเสื้อแดงนั้นเห็นว่า ถ้าพวกตนอยู่ไม่ได้ก็ให้มันตายกันทั้งแผ่นดิน
นี่แหละระยำ
ผมเองจึงเห็นว่าวันที่ 8 คือวันที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับอยู่นี้ ก็ไม่รู้ว่ามันจะเผาบ้านเมืองกันตามแผนหรือเปล่า
ความจริงคนพวกนี้ มันก็ไม่สมควรอยู่ให้รกแผ่นดินอยู่แล้ว น่าจะอพยพตามเจ้าแม้ว จะไปดูใบหรือไปเขมรก็แล้วแต่
สังคมนี้ต้องการความสงบ