แผนสังหาร องคมนตรี "ชาญชัย ลิขิตจิตถะ" แตก! ตำรวจรวบได้ครบ ทั้งคนชี้เป้า คนขี่รถจักรยานยนต์พาหลบหนี และมือปืน พร้อมของกลาง เผยหนึ่งในทีมฆ่าเป็นสายตำรวจ เกิดความสงสัยในเลขทะเบียนรถเหยื่อ เมื่อเช็กไปปรากฏว่าเป็นรถราชสำนัก จึงนำเรื่องปรึกษา ดีเอสไอ วางแผนจับกุม ด้านผบ.ตร. สั่งด่วน อารักขาบุคคลเข้าหารือบ้าน"ปีย์" ส่วน ผบชน.วางแผนรับมือเสื้อแดงชุมนุมใหญ่วันนี้ ขณะที่"แม้ว" ยังคงวิดีโอลิงก์ ปลุกระดม โค่นล้มอำมาตย์ แล้วจะขอเป็นนายกฯ เงา
วานนี้ (7 เม.ย.) เมื่อเวลา14.00 น. ที่ห้องประชุมภายในอาคารเอนกประสงค์ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1 พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.เดินทางเข้าร่วมประชุม พร้อมกับพล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.อัครเดช พิมลศรี ผกก.2 ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในคดีที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวชายต้องสงสัย ไปป้วนเปี้ยนที่บริเวณภายในซอยบ้านพักของ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ภายหลังจากที่ตำรวจได้เบาะแสว่าจะมีเหตุลอบสังหารนายชาญชัย
หลังการประชุม พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่าได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อดูสำนวนการสอบสวนและวางแนวทางในการสืบสวน จากกรณีที่เมื่อคืนที่ผ่าน มาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายที่ลอบสังหาร นายชาญชัย ได้ทั้งสิ้น 3 คน คือนายคมิก หรือ เหน่ง สุขกาญจนกาศ อายุ 33 ปี นายภานุพงษ์ หรือกอล์ฟ รัตนาไพบูรณ์ อายุ 32 ปี และนายศักดิ์ชาย หรือแบงก์ แซ่ลิ้ม อายุ 29 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนขนาด .38 มม. 1 กระบอก กระสุนปืนขนาดเดียวกัน10 นัด และรถจักรยานยนต์ 1 คัน
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างให้มาลอบสังหารนักธุรกิจทางภาคเหนือรายหนึ่ง ที่โกงเงินไปจากผู้ว่าจ้าง โดยที่ไม่ทราบว่าเหยื่อที่จะลงมือนั้นเป็น องคมนตรี โดยมี นายคมิกเป็นคนรับงาน นายภานุพงษ์ เป็นคนขับรถจยย.พามือปืนไปก่อเหตุ และนายศักดิ์ชาย เป็นคนลงมือ ทั้งยังมีคนพามาดูลาดเลา แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้เสียก่อน
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า หลังจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่าจะซัดทอดถึงใคร และบุคคลใดบ้าง พร้อมทั้งทำการขยายผลถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังว่าใครเป็นว่าจ้าง และมีการรับจ้างต่อมาอีกทอด มาจากใคร ซึ่งในส่วนนี้ก็จะหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปให้ถึงตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ หากสามารถจับกุมตัวได้ก็จะทำการสอบปากคำถึงสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 นำโดยพ.ต.อ.เพชรรัตน์ แสงไชย รอง ผบก.หน.ศสส.ภ.1 พ.ต.อ.พหล เหรียญทอง ผกก.ปพ.ศสส.ภ.1 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้ควบคุมตัวชายต้องสงสัย อายุประมาณ 35 ปี ขณะเดินอยู่ละแวกซอยสุขสวัสดิ์ 66 อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ใกล้กับบ้านนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี อดีตประธานศาลฎีกา และอดีต รมว.ยุติธรรม สมัยที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 6 เม.ย. จากนั้นจึงนำตัวไปสอบปากคำอย่างหนัก จนกระทั่งนำไปสู่การจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้ทั้งหมด 3 ราย
อย่างไรก็ตาม การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีสายลับของตำรวจ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมลอบสังหาร มีหน้าที่ชี้เป้า ได้รับรูปของนายชาญชัย พร้อมบ้านเลขที่ และทะเบียนรถ ดส 4777 กทม.โดยผู้จ้างวานอ้างว่า เป็นพ่อค้าที่ขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ ที่ จ.เชียงใหม่ โดยให้ค้าจ้างจำนวน 500,000 บาท ซึ่งมีการโอนเงิน และจัดหาอาวุธปืนให้เรียบร้อยแล้ว แต่สายตำรวจซึ่งเป็นหนึ่งในทีมสังหารสงสัย ทะเบียนรถที่เหยื่อใช้ จึงได้เข้าไปตรวจเช็กทะเบียน ปรากฏว่า ทะเบียนรถเป็นของสำนักพระราชวัง จึงนำเรื่องไปปรึกษากับจ้าหน้าที่ดีเอสไอ คนหนึ่งซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจ
เจ้าหน้าที่ดีเอสไอรายนี้ จึงได้ไปตรวจสอบทะเบียนรถ พบว่าเป็นรถของนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี จึงได้ประสานทางตำรวจภาค 1 และกองปราบปราม ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ตั้งของบ้านนายชาญชัย ไปซุ่มอยู่บริเวณบ้านในซอยสุขสวัสดิ์ 66 อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จนได้พบรถยนต์ต้องสงสัยไม่ติดหมายเลขทะเบียน จึงควบคุมตัวมาสอบสวนในเซฟเฮาส์ แห่งหนึ่ง และจากการเค้นสอบตลอดทั้งคืนทราบว่าผู้จ้างวานเป็นกลุ่มคนมีสีกลุ่มหนึ่ง จ้างวานให้สังหารนายชาญชัย ภายในวันที่ 7 เม.ย. เพื่อสร้างสถานการณ์ให้บ้านเมืองวุ่นวาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ดีเอสไอคนดังกล่าวได้มารายงานเรื่องดังกล่าวให้กับ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.ทราบ ซึ่งคาดว่า พล.ต.อ.ธานี ได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีทราบเรียบร้อยแล้ว
ด้านพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้สั่งการด่วนถึง บช.น. บช.ก. บช.ภ.1 จัดกำลังอารักขาบุคคลสำคัญโดยเฉพาะบุคคลที่เข้าไปร่วมหารือกับ นายปีย์ มาลากุล ประธานบริษัทแปซิฟิก คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด
นครบาลพร้อมรับมือม็อบเสื้อแดง
ด้าน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) เรียกประชุมนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล และนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง ในการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง และวางมาตรการป้องกันเหตุรุนแรงในวันนี้ ทั้งที่ บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ลานพระบรมรูปทรงม้า และบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งที่ประชุมคาดการณ์ว่าจะมีผู้มาชุมนุมประมาณ 8 หมื่นคน
นอกจากนี้ ยังประสานไปยังเจ้าหน้าที่ กทม.ตรวจตราสิ่งผิดปกติตามพุ่มไม้ ตู้โทรศัพท์ ถังขยะ กระถางต้นไม้ทั่ว กทม.และตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบบริเวณการชุมนุมให้ใช้งานได้เพื่อบันทึกเหตุการณ์หากมีความวุ่นวายเกิดขึ้นและป้องกันมือที่ 3 เข้าแทรกแซงสถานการณ์สร้างความรุนแรงพร้อมสั่งการฝ่ายสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวป้องกันเหตุป่วนเมือง
แม้ววิดีโอลิงก์ปลุกเสื้อแดงอีก
เมื่อเวลา 20.20น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวผ่านระบบวิดีโอลิงก์ มายังเวทีคนเสื้อแดงหน้าทำเนียบรัฐบาล โดย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวเชื่อมั่นว่า ในวันนี้ (8 เม.ย.) จะมีคนมาชุมนุมกันมาก ซึ่งถือว่าเป็นบุญของประเทศ ที่จะได้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง "ถ้าได้เที่ยวนี้แล้วอำมาตย์ ทหารใหญ่ กลุ่มอภิสิทธิ์ชนทั้งหลาย ถูกปราบในครั้งนี้แล้ว มีกฎหมายรัฐธรรมนูญออกมาชัดเจน มอบอำนาจให้ประชาชน และตัวแทนคิดว่าประชาชนจะได้สัมผัสประชาธิปไตยที่กินได้มากกว่าคราวที่แล้วอีก"
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่า วันนี้ไม่เครียด เพราะตอนบ่ายได้ดูละครน้ำเน่า แต่เล่นไม่เนียน ดันเอาผู้ร้ายมาเป็นพรระเอก และผู้ร้ายดันมาสอนพระเอก ให้รู้จักเรื่องของความจงรักภักดีอีก ควรจะรู้ว่า ตนเป็นใคร
"ผมได้รับพระราชทานกระบี่ พระราชสมรส แล้วทำไมต้องสอนความจงรักภักดีผมด้วย มันอยู่ในสายเลือด"
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนได้รับอีเมลจากเพื่อนที่วอชิงตันดีซี ซึ่งเป็นเพื่อนของนายสกิป บ๊อยซ์ อดีตทูตประจำประเทศไทย ที่พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ เขาอ้างถึง เขาบอกกับเพื่อนตนว่าเขาไม่พอใจทำไมไปอ้างว่าเขามาพูดเรื่องบัญชีเงินฝากของตนที่ เกาะเคแมน เขาไม่เคยมีข้อมูลเรื่องนี้เลย
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวถึงการชุมนุมในวันนี้ว่า ได้ทราบข่าวจากคนใกล้ชชิดว่า จะมีคนปลอมเป็นเสื้อแดง แล้วสร้างความวุ่นวาย แล้วเอาช่อง11 ตามถ่าย เพื่อให้เห็นว่าเสื้อแดงแย่ ซึ่งเป็นวิธีเก่าที่ใครๆก็รู้ทัน รวมทั้งกระทรวงคมนาคมที่สั่งห้ามรถทัวร์นำคนเสื้อแดงเข้ากรุงเทพฯ หากใครไม่เชื่อฟังจะไม่ต่อในอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวโจมตีพล.อ.เปรม ว่าอยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร แล้วยังนำเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"สองวันก่อน ป๋าพูดเรื่องความดีความเลว ทั้งที่ความจริงในระบอบประชาธิปไตย หรือระบบการเมือง ความดี คือการสร้างความผาสุข และความมั่นคั่งให้กับประชาชน คือการให้สิทธิเสรีภาพกับประชาชน และความดี คือประชาธิปไตย และคนที่ทำงานเพื่อประชาชนจริงๆ ส่วนความ เลวคือ เผด็จการ การรัฐประหาร ที่ทำให้ประเทศเสื่อมเสีย ทำให้ประชาชนมีความทุกข์ เพราะพอปฏิวัติเสร็จ ก็ผิดกฎหมาย เพราะบังคับให้พระเจ้าอยู่หัว แต่งตั้ง อย่างนี่เรียกว่า เลวครับป๋า และใครพาเข้าเฝ้าฯ ยิ่งเลวกว่าอีก"
ขอเป็นนายกฯเงา
พ.ต.ท.ทักษิณยังกล่าวปลุกระดมให้กลุ่มคนเสื้อแดง ออกมาร่วมชุมนุมเพื่อโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย เพื่อให้ประเทศชาติเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง แม้ตนจะไม่ได้เป็นนายกฯ ก็ตาม
" ผมพร้อมทันที ถ้าประเทศเป็นประชาธิปไตย ผมพร้อมช่วยนายกฯ พร้อมที่จะหาเงินจากต่างประเทศ ไปลงทุนในประเทศไทย พร้อมจะเอาสินค้าและความชำนาญไทยไปทำเงินในต่างประเทศ ผมพร้อมช่วยด้วยหัวใจความเป็นไทย ผมไม่จำเป็นต้องเป็นนายกฯเอง ถ้าพี่น้องจะใช้ผม ผมก็พร้อมจะทำ พรุ่งนี้ขอเชิญชวนคนไทยที่รักเสรีภาพ รักความเป็นธรรม รักสถาบันฯ ออกมาพร้อมกันเยอะๆ แสดงพลังให้เต็มที่แล้วผมจะอยู่เคียงข้างกับพี่น้องครับ" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
วานนี้ (7 เม.ย.) เมื่อเวลา14.00 น. ที่ห้องประชุมภายในอาคารเอนกประสงค์ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1 พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.เดินทางเข้าร่วมประชุม พร้อมกับพล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.อัครเดช พิมลศรี ผกก.2 ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในคดีที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวชายต้องสงสัย ไปป้วนเปี้ยนที่บริเวณภายในซอยบ้านพักของ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ภายหลังจากที่ตำรวจได้เบาะแสว่าจะมีเหตุลอบสังหารนายชาญชัย
หลังการประชุม พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่าได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อดูสำนวนการสอบสวนและวางแนวทางในการสืบสวน จากกรณีที่เมื่อคืนที่ผ่าน มาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายที่ลอบสังหาร นายชาญชัย ได้ทั้งสิ้น 3 คน คือนายคมิก หรือ เหน่ง สุขกาญจนกาศ อายุ 33 ปี นายภานุพงษ์ หรือกอล์ฟ รัตนาไพบูรณ์ อายุ 32 ปี และนายศักดิ์ชาย หรือแบงก์ แซ่ลิ้ม อายุ 29 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนขนาด .38 มม. 1 กระบอก กระสุนปืนขนาดเดียวกัน10 นัด และรถจักรยานยนต์ 1 คัน
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างให้มาลอบสังหารนักธุรกิจทางภาคเหนือรายหนึ่ง ที่โกงเงินไปจากผู้ว่าจ้าง โดยที่ไม่ทราบว่าเหยื่อที่จะลงมือนั้นเป็น องคมนตรี โดยมี นายคมิกเป็นคนรับงาน นายภานุพงษ์ เป็นคนขับรถจยย.พามือปืนไปก่อเหตุ และนายศักดิ์ชาย เป็นคนลงมือ ทั้งยังมีคนพามาดูลาดเลา แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้เสียก่อน
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า หลังจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่าจะซัดทอดถึงใคร และบุคคลใดบ้าง พร้อมทั้งทำการขยายผลถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังว่าใครเป็นว่าจ้าง และมีการรับจ้างต่อมาอีกทอด มาจากใคร ซึ่งในส่วนนี้ก็จะหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปให้ถึงตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ หากสามารถจับกุมตัวได้ก็จะทำการสอบปากคำถึงสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 นำโดยพ.ต.อ.เพชรรัตน์ แสงไชย รอง ผบก.หน.ศสส.ภ.1 พ.ต.อ.พหล เหรียญทอง ผกก.ปพ.ศสส.ภ.1 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้ควบคุมตัวชายต้องสงสัย อายุประมาณ 35 ปี ขณะเดินอยู่ละแวกซอยสุขสวัสดิ์ 66 อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ใกล้กับบ้านนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี อดีตประธานศาลฎีกา และอดีต รมว.ยุติธรรม สมัยที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 6 เม.ย. จากนั้นจึงนำตัวไปสอบปากคำอย่างหนัก จนกระทั่งนำไปสู่การจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้ทั้งหมด 3 ราย
อย่างไรก็ตาม การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีสายลับของตำรวจ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมลอบสังหาร มีหน้าที่ชี้เป้า ได้รับรูปของนายชาญชัย พร้อมบ้านเลขที่ และทะเบียนรถ ดส 4777 กทม.โดยผู้จ้างวานอ้างว่า เป็นพ่อค้าที่ขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ ที่ จ.เชียงใหม่ โดยให้ค้าจ้างจำนวน 500,000 บาท ซึ่งมีการโอนเงิน และจัดหาอาวุธปืนให้เรียบร้อยแล้ว แต่สายตำรวจซึ่งเป็นหนึ่งในทีมสังหารสงสัย ทะเบียนรถที่เหยื่อใช้ จึงได้เข้าไปตรวจเช็กทะเบียน ปรากฏว่า ทะเบียนรถเป็นของสำนักพระราชวัง จึงนำเรื่องไปปรึกษากับจ้าหน้าที่ดีเอสไอ คนหนึ่งซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจ
เจ้าหน้าที่ดีเอสไอรายนี้ จึงได้ไปตรวจสอบทะเบียนรถ พบว่าเป็นรถของนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี จึงได้ประสานทางตำรวจภาค 1 และกองปราบปราม ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ตั้งของบ้านนายชาญชัย ไปซุ่มอยู่บริเวณบ้านในซอยสุขสวัสดิ์ 66 อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จนได้พบรถยนต์ต้องสงสัยไม่ติดหมายเลขทะเบียน จึงควบคุมตัวมาสอบสวนในเซฟเฮาส์ แห่งหนึ่ง และจากการเค้นสอบตลอดทั้งคืนทราบว่าผู้จ้างวานเป็นกลุ่มคนมีสีกลุ่มหนึ่ง จ้างวานให้สังหารนายชาญชัย ภายในวันที่ 7 เม.ย. เพื่อสร้างสถานการณ์ให้บ้านเมืองวุ่นวาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ดีเอสไอคนดังกล่าวได้มารายงานเรื่องดังกล่าวให้กับ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.ทราบ ซึ่งคาดว่า พล.ต.อ.ธานี ได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีทราบเรียบร้อยแล้ว
ด้านพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้สั่งการด่วนถึง บช.น. บช.ก. บช.ภ.1 จัดกำลังอารักขาบุคคลสำคัญโดยเฉพาะบุคคลที่เข้าไปร่วมหารือกับ นายปีย์ มาลากุล ประธานบริษัทแปซิฟิก คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด
นครบาลพร้อมรับมือม็อบเสื้อแดง
ด้าน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) เรียกประชุมนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล และนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง ในการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง และวางมาตรการป้องกันเหตุรุนแรงในวันนี้ ทั้งที่ บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ลานพระบรมรูปทรงม้า และบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งที่ประชุมคาดการณ์ว่าจะมีผู้มาชุมนุมประมาณ 8 หมื่นคน
นอกจากนี้ ยังประสานไปยังเจ้าหน้าที่ กทม.ตรวจตราสิ่งผิดปกติตามพุ่มไม้ ตู้โทรศัพท์ ถังขยะ กระถางต้นไม้ทั่ว กทม.และตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบบริเวณการชุมนุมให้ใช้งานได้เพื่อบันทึกเหตุการณ์หากมีความวุ่นวายเกิดขึ้นและป้องกันมือที่ 3 เข้าแทรกแซงสถานการณ์สร้างความรุนแรงพร้อมสั่งการฝ่ายสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวป้องกันเหตุป่วนเมือง
แม้ววิดีโอลิงก์ปลุกเสื้อแดงอีก
เมื่อเวลา 20.20น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวผ่านระบบวิดีโอลิงก์ มายังเวทีคนเสื้อแดงหน้าทำเนียบรัฐบาล โดย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวเชื่อมั่นว่า ในวันนี้ (8 เม.ย.) จะมีคนมาชุมนุมกันมาก ซึ่งถือว่าเป็นบุญของประเทศ ที่จะได้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง "ถ้าได้เที่ยวนี้แล้วอำมาตย์ ทหารใหญ่ กลุ่มอภิสิทธิ์ชนทั้งหลาย ถูกปราบในครั้งนี้แล้ว มีกฎหมายรัฐธรรมนูญออกมาชัดเจน มอบอำนาจให้ประชาชน และตัวแทนคิดว่าประชาชนจะได้สัมผัสประชาธิปไตยที่กินได้มากกว่าคราวที่แล้วอีก"
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่า วันนี้ไม่เครียด เพราะตอนบ่ายได้ดูละครน้ำเน่า แต่เล่นไม่เนียน ดันเอาผู้ร้ายมาเป็นพรระเอก และผู้ร้ายดันมาสอนพระเอก ให้รู้จักเรื่องของความจงรักภักดีอีก ควรจะรู้ว่า ตนเป็นใคร
"ผมได้รับพระราชทานกระบี่ พระราชสมรส แล้วทำไมต้องสอนความจงรักภักดีผมด้วย มันอยู่ในสายเลือด"
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนได้รับอีเมลจากเพื่อนที่วอชิงตันดีซี ซึ่งเป็นเพื่อนของนายสกิป บ๊อยซ์ อดีตทูตประจำประเทศไทย ที่พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ เขาอ้างถึง เขาบอกกับเพื่อนตนว่าเขาไม่พอใจทำไมไปอ้างว่าเขามาพูดเรื่องบัญชีเงินฝากของตนที่ เกาะเคแมน เขาไม่เคยมีข้อมูลเรื่องนี้เลย
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวถึงการชุมนุมในวันนี้ว่า ได้ทราบข่าวจากคนใกล้ชชิดว่า จะมีคนปลอมเป็นเสื้อแดง แล้วสร้างความวุ่นวาย แล้วเอาช่อง11 ตามถ่าย เพื่อให้เห็นว่าเสื้อแดงแย่ ซึ่งเป็นวิธีเก่าที่ใครๆก็รู้ทัน รวมทั้งกระทรวงคมนาคมที่สั่งห้ามรถทัวร์นำคนเสื้อแดงเข้ากรุงเทพฯ หากใครไม่เชื่อฟังจะไม่ต่อในอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวโจมตีพล.อ.เปรม ว่าอยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร แล้วยังนำเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"สองวันก่อน ป๋าพูดเรื่องความดีความเลว ทั้งที่ความจริงในระบอบประชาธิปไตย หรือระบบการเมือง ความดี คือการสร้างความผาสุข และความมั่นคั่งให้กับประชาชน คือการให้สิทธิเสรีภาพกับประชาชน และความดี คือประชาธิปไตย และคนที่ทำงานเพื่อประชาชนจริงๆ ส่วนความ เลวคือ เผด็จการ การรัฐประหาร ที่ทำให้ประเทศเสื่อมเสีย ทำให้ประชาชนมีความทุกข์ เพราะพอปฏิวัติเสร็จ ก็ผิดกฎหมาย เพราะบังคับให้พระเจ้าอยู่หัว แต่งตั้ง อย่างนี่เรียกว่า เลวครับป๋า และใครพาเข้าเฝ้าฯ ยิ่งเลวกว่าอีก"
ขอเป็นนายกฯเงา
พ.ต.ท.ทักษิณยังกล่าวปลุกระดมให้กลุ่มคนเสื้อแดง ออกมาร่วมชุมนุมเพื่อโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย เพื่อให้ประเทศชาติเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง แม้ตนจะไม่ได้เป็นนายกฯ ก็ตาม
" ผมพร้อมทันที ถ้าประเทศเป็นประชาธิปไตย ผมพร้อมช่วยนายกฯ พร้อมที่จะหาเงินจากต่างประเทศ ไปลงทุนในประเทศไทย พร้อมจะเอาสินค้าและความชำนาญไทยไปทำเงินในต่างประเทศ ผมพร้อมช่วยด้วยหัวใจความเป็นไทย ผมไม่จำเป็นต้องเป็นนายกฯเอง ถ้าพี่น้องจะใช้ผม ผมก็พร้อมจะทำ พรุ่งนี้ขอเชิญชวนคนไทยที่รักเสรีภาพ รักความเป็นธรรม รักสถาบันฯ ออกมาพร้อมกันเยอะๆ แสดงพลังให้เต็มที่แล้วผมจะอยู่เคียงข้างกับพี่น้องครับ" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
