ASTVผู้จัดการายวัน - แคมเปญเช็คช่วยชาติของค้าปลีกหงอย เตรียมบัตรกำนัลหรือกิฟท์โวเชอร์ไว้เพียบ แต่ยังเหลือบาน เหตุคนเอาเช็คไปแลกเป็นเงินสดเก็บไว้ใช้มากกว่า 80-90% ไว้ใช่ซื้อสิ่งที่จำเป็น เมินบัตรกำนัลเพิ่มมูลค่า เดอะมอลล์ต้องออกก๊อกสองมากระตุ้นอีกรอบ
นายชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา ที่รัฐบาลเริ่มแจกเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท ให้กับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือนนั้น จากการสำรวจตัวเลขในกลุ่มเดอะมอลล์เองนั้นพบว่า จำนวนผู้ที่ได้รับเช็คมากกว่า 80-90% จะนำมาแลกเงินสด มากกว่าที่จะนำแลกคูปองหรือกิ๊ฟท์โวเชอร์ที่ทางห้างเตรียมเอาไว้ ซึ่งมีเพียง 10% เท่านั้นที่มาแลกบัตรกำนัล ซึ่งอาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งยังไม่มั่นใจกับภาวะทางการเมืองด้วย
ขณะเดียวกันแม้ว่าเดอะมอลล์จะออกแคมเปญ นำเช็คมาแลกบัตรกำนัลครึ่งหนึ่งหรือ 1,000 บาทและรับเพิ่มอีก 100 บาทได้ก็ตาม และที่เหลือแลกเป็นเงินสด ก็กระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้นเอง ส่วนกลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทที่ได้รับเช็คครั้งนี้แต่เป็นกลุ่มที่มีฐานะแต่เพราะเพิ่งเริ่มทำงานเงินเดือนเลยยังต่ำ ก็เป็นกลุ่มที่มากพอสมควร ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเอาเช็คไปใช้จ่ายทางด้านอาหารและซื้อของไปทำบุญเป็นหลักไม่ค่อยสนใจแคมเปญแลกบัตรกำนัลเท่าใด ซึ่งยอมรับว่าแคมเปญของห้างที่ให้คนอาเช็คมาแลกบัตรกำนัลนั้นไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จเท่าใด เพราะคนต้องการเงินสดมากกว่า
ทั้งนี้เดอะมอลล์เตรียมคูปองสมนาคุณที่เพิ่มมูลค่าให้อีก 10% ไว้มากกว่าแสนใบ แต่จากตัวเลขที่รวบรวมไว้พบว่ามีคนนำเช็คมาแลกบัตรกำนัลของห้างแค่ 1,000 กว่ารายต่อวันเท่านั้นเอง ซึ่งเมื่อรวมตัวเลขถึงวันนี้ก็มีประมาณ ไม่ต่ำกว่า 15,000 รายเท่านั้นเอง จากการจัดกิจกรรมในห้าง และรวมถึงงาน ชอปช่วยชาติ มิดไนท์เซลส์ ที่เดอะมอลล์ทุกสาขา ดิเอ็มโพเรียม ซึ่งส่งผลให้มีปริมาณลูกค้าเพิ่มมากขึ้น 5% จากช่วงปรกติ รวมถึงมหกรรมลดช่วยชาติที่เดอะมอลล์ 3 สาขาคือ งามวงศ์วาน บางกะปิ บางแค ที่เพิ่งจบไป มีลูกค้าเข้าเฉลี่ยวันละ 50,000 คนต่อสาขา
“เท่าที่ดูพบว่า คนต้องการแลกเป็นเงินสดเก็บไว้ดีกว่า เพราะจะได้นำเอาไปใช้อะไรที่เขาจำเป็นต้องการใช้ซื้อจริงๆ และอีกอย่างในช่วงเวลาเดียวกันก็มีมหกรรมหลายอย่างในช่วงเดียวกัน ทั้งแคมเปญของห้างร้านค้าปลีกต่างๆ งานมหกรรมรถยนต์ งานกาชาด งานโอทอปกลางเมือง งานมหกรรมหนังสือ จึงทำให้คนกระจายไปใช้ในหลายๆแห่ง แต่ก็ช่วยทำให้สร้างความคึกคักในการจับจ่ายขอลูกค้าได้ระดับหนึ่ง” นายชำนาญกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายชำนาญกล่าวเพิ่มเติมว่า ตัวเลขจากทางศูนย์พญากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า ถ้าการแจกเช็คช่วยชาติทั้งหมดในวันที่ 8 เมษายนนี้คาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจรอบแรกประมาณ 15,000 – 17, 000 ล้านบาท และการใช้เงินจากเช็ค 2,000 บาท ทั้งหมดนี้จะก่อให้เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจประมาณ 3 รอบ ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนของเงินทั้งระบบประมาณ 45,000 – 60,000 ล้านบาท ทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้เพิ่มขึ้นจากระดับที่ไม่มีมาตรการนี้ประมาณ 0.3 – 0.5%
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยยังระบุด้วยว่า จากการทำการสำรวจพฤติกรรมการใช้เช็ค 2,000 บาท ของผู้บริโภคพบว่า ผู้บริโคจะมีการใช้จ่ายเงินเฉลี่ยต่อคนประมาณ 1,546.77 บาท หรือคิดเป็น 75% ของวงเงินที่ได้รับเช็ค 2,000 บาท ซึ่งหมายความว่าคนยังต้องการเก็บเงินสดไว้กับตัวเพื่อใช้จ่ายที่จำเป็นจริงๆ
อย่างไรก็ตาม นายชำนาญกล่าวว่า เดอะมอลล์เองต้องคิดนอกกรอบ ซึ่งเราเตรียมไว้ตั้งแต่ช่วงต้นแล้ว โดยจะทำแคมเปญทั้งกับผู้ที่มีเช็คกับที่ไม่ได้รับเช็ค ซึ่งล่าสุดจัดแคมเปญ “พารากอน ชอปช่วยชาติ ไฟนอลเซลส์” วันที่ 11-16 เมษายนนี้ที่รอยัลพารากอนฮอลล์ ความพิเศษของงานคือ ไม่เคยรวบรวมงานที่มีเสื้อผ้าแบรนด์ดังๆมาลดราคามากถึงขนาดนี้มาก่อนประมาณ 100 กว่าแบรนด์ ซึ่งลดตั้งแต่ 30% - 80% และคาดว่าจะได้ทั้งกลุ่มคนที่มีเช็คช่วยชาติและที่ไม่มีมาจับจ่ายที่นี่ด้วย และมั่นใจว่าเดอะมอลล์กรุ๊ปจะมีรายได้รวมประมาณ 4,000 ล้านบาทในช่วงแคมเปญเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทนี้แน่นอน
“อันนี้ต้องถือเป็นก๊อกที่สองก็ว่าได้ที่เราออกมาเพื่อกระตุ้นแคมเปญชอปช่วยชาติให้กระเตื้องขึ้นมา และเป็นการมองกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างไปจากที่อื่น เพราะเจาะทั้งผู้ที่มีและไม่มีเช็คช่วยชาติ ซึ่งเฉพาะแคมเปญใหม่นี้คาดหวังรายได้รวม 50 ล้านบาท ” นายชำนาญกล่าว
นางสาวสิรินิจ โชคชัยฤทธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน กล่าวว่า ยังไม่สามารถให้รายละเอียดเกี่ยวกับผลของเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทได้ เพราะโครงการนี้เป็นโครงการของทั้งเครือซีอาร์ซี แต่ซีอาร์ซีหวังยอดประมาณ 5% จากจำนวนผู้ถือเช็คช่วยชาติจะมาใช้จ่ายที่ร้านค้าในเครือทั้งหมด แต่ที่โรบิสันก็เริ่มค่อนข้างดี มีคนมาใช้เช็คช่วยชาติบ้าง โดยสินค้า 3 กลุ่มที่ขายดีจากแคมเปญนี้คือ คอสเมติกส์ เลดี้แวร์และยีนส์
นายชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา ที่รัฐบาลเริ่มแจกเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท ให้กับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือนนั้น จากการสำรวจตัวเลขในกลุ่มเดอะมอลล์เองนั้นพบว่า จำนวนผู้ที่ได้รับเช็คมากกว่า 80-90% จะนำมาแลกเงินสด มากกว่าที่จะนำแลกคูปองหรือกิ๊ฟท์โวเชอร์ที่ทางห้างเตรียมเอาไว้ ซึ่งมีเพียง 10% เท่านั้นที่มาแลกบัตรกำนัล ซึ่งอาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งยังไม่มั่นใจกับภาวะทางการเมืองด้วย
ขณะเดียวกันแม้ว่าเดอะมอลล์จะออกแคมเปญ นำเช็คมาแลกบัตรกำนัลครึ่งหนึ่งหรือ 1,000 บาทและรับเพิ่มอีก 100 บาทได้ก็ตาม และที่เหลือแลกเป็นเงินสด ก็กระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้นเอง ส่วนกลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทที่ได้รับเช็คครั้งนี้แต่เป็นกลุ่มที่มีฐานะแต่เพราะเพิ่งเริ่มทำงานเงินเดือนเลยยังต่ำ ก็เป็นกลุ่มที่มากพอสมควร ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเอาเช็คไปใช้จ่ายทางด้านอาหารและซื้อของไปทำบุญเป็นหลักไม่ค่อยสนใจแคมเปญแลกบัตรกำนัลเท่าใด ซึ่งยอมรับว่าแคมเปญของห้างที่ให้คนอาเช็คมาแลกบัตรกำนัลนั้นไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จเท่าใด เพราะคนต้องการเงินสดมากกว่า
ทั้งนี้เดอะมอลล์เตรียมคูปองสมนาคุณที่เพิ่มมูลค่าให้อีก 10% ไว้มากกว่าแสนใบ แต่จากตัวเลขที่รวบรวมไว้พบว่ามีคนนำเช็คมาแลกบัตรกำนัลของห้างแค่ 1,000 กว่ารายต่อวันเท่านั้นเอง ซึ่งเมื่อรวมตัวเลขถึงวันนี้ก็มีประมาณ ไม่ต่ำกว่า 15,000 รายเท่านั้นเอง จากการจัดกิจกรรมในห้าง และรวมถึงงาน ชอปช่วยชาติ มิดไนท์เซลส์ ที่เดอะมอลล์ทุกสาขา ดิเอ็มโพเรียม ซึ่งส่งผลให้มีปริมาณลูกค้าเพิ่มมากขึ้น 5% จากช่วงปรกติ รวมถึงมหกรรมลดช่วยชาติที่เดอะมอลล์ 3 สาขาคือ งามวงศ์วาน บางกะปิ บางแค ที่เพิ่งจบไป มีลูกค้าเข้าเฉลี่ยวันละ 50,000 คนต่อสาขา
“เท่าที่ดูพบว่า คนต้องการแลกเป็นเงินสดเก็บไว้ดีกว่า เพราะจะได้นำเอาไปใช้อะไรที่เขาจำเป็นต้องการใช้ซื้อจริงๆ และอีกอย่างในช่วงเวลาเดียวกันก็มีมหกรรมหลายอย่างในช่วงเดียวกัน ทั้งแคมเปญของห้างร้านค้าปลีกต่างๆ งานมหกรรมรถยนต์ งานกาชาด งานโอทอปกลางเมือง งานมหกรรมหนังสือ จึงทำให้คนกระจายไปใช้ในหลายๆแห่ง แต่ก็ช่วยทำให้สร้างความคึกคักในการจับจ่ายขอลูกค้าได้ระดับหนึ่ง” นายชำนาญกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายชำนาญกล่าวเพิ่มเติมว่า ตัวเลขจากทางศูนย์พญากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า ถ้าการแจกเช็คช่วยชาติทั้งหมดในวันที่ 8 เมษายนนี้คาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจรอบแรกประมาณ 15,000 – 17, 000 ล้านบาท และการใช้เงินจากเช็ค 2,000 บาท ทั้งหมดนี้จะก่อให้เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจประมาณ 3 รอบ ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนของเงินทั้งระบบประมาณ 45,000 – 60,000 ล้านบาท ทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้เพิ่มขึ้นจากระดับที่ไม่มีมาตรการนี้ประมาณ 0.3 – 0.5%
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยยังระบุด้วยว่า จากการทำการสำรวจพฤติกรรมการใช้เช็ค 2,000 บาท ของผู้บริโภคพบว่า ผู้บริโคจะมีการใช้จ่ายเงินเฉลี่ยต่อคนประมาณ 1,546.77 บาท หรือคิดเป็น 75% ของวงเงินที่ได้รับเช็ค 2,000 บาท ซึ่งหมายความว่าคนยังต้องการเก็บเงินสดไว้กับตัวเพื่อใช้จ่ายที่จำเป็นจริงๆ
อย่างไรก็ตาม นายชำนาญกล่าวว่า เดอะมอลล์เองต้องคิดนอกกรอบ ซึ่งเราเตรียมไว้ตั้งแต่ช่วงต้นแล้ว โดยจะทำแคมเปญทั้งกับผู้ที่มีเช็คกับที่ไม่ได้รับเช็ค ซึ่งล่าสุดจัดแคมเปญ “พารากอน ชอปช่วยชาติ ไฟนอลเซลส์” วันที่ 11-16 เมษายนนี้ที่รอยัลพารากอนฮอลล์ ความพิเศษของงานคือ ไม่เคยรวบรวมงานที่มีเสื้อผ้าแบรนด์ดังๆมาลดราคามากถึงขนาดนี้มาก่อนประมาณ 100 กว่าแบรนด์ ซึ่งลดตั้งแต่ 30% - 80% และคาดว่าจะได้ทั้งกลุ่มคนที่มีเช็คช่วยชาติและที่ไม่มีมาจับจ่ายที่นี่ด้วย และมั่นใจว่าเดอะมอลล์กรุ๊ปจะมีรายได้รวมประมาณ 4,000 ล้านบาทในช่วงแคมเปญเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทนี้แน่นอน
“อันนี้ต้องถือเป็นก๊อกที่สองก็ว่าได้ที่เราออกมาเพื่อกระตุ้นแคมเปญชอปช่วยชาติให้กระเตื้องขึ้นมา และเป็นการมองกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างไปจากที่อื่น เพราะเจาะทั้งผู้ที่มีและไม่มีเช็คช่วยชาติ ซึ่งเฉพาะแคมเปญใหม่นี้คาดหวังรายได้รวม 50 ล้านบาท ” นายชำนาญกล่าว
นางสาวสิรินิจ โชคชัยฤทธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน กล่าวว่า ยังไม่สามารถให้รายละเอียดเกี่ยวกับผลของเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทได้ เพราะโครงการนี้เป็นโครงการของทั้งเครือซีอาร์ซี แต่ซีอาร์ซีหวังยอดประมาณ 5% จากจำนวนผู้ถือเช็คช่วยชาติจะมาใช้จ่ายที่ร้านค้าในเครือทั้งหมด แต่ที่โรบิสันก็เริ่มค่อนข้างดี มีคนมาใช้เช็คช่วยชาติบ้าง โดยสินค้า 3 กลุ่มที่ขายดีจากแคมเปญนี้คือ คอสเมติกส์ เลดี้แวร์และยีนส์
