xs
xsm
sm
md
lg

"โฆษกมาร์ค"ดักคอ"โอ๊ค" อย่าเล่นการเมืองแบบพ่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกหนังสือพอกเก็ตบุ๊ก ชื่อ "คนอื่นเรียกนายก แต่เราเรียกพ่อ" พร้อมประกาศจะลงเล่นการเมืองว่า เป็นสิทธิที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะส่งลูกชายเข้ามาเป็นตัวแทนทางการเมือง เพราะเคยคาดหวังให้คนตระกูลชินวัตร มาสู่การเมือง เมื่อลูกตัวเองมีความพร้อม ก็น่าจะดีกว่าญาติคนอื่นแต่ใครก็ตามที่เข้ามาเล่นการเมือง ไม่ว่าจะเป็นลูกใคร ทุกคนต้องทำงานการเมืองภายใต้กฎหมาย
นอกจากนี้ น่าจะสรุปบทเรียนของพ่อมาใช้ กับแนวทางการเมืองของตัวเอง อย่าเอาพฤติกรรมหรือแบบอย่างที่ลูกเห็นและซึมซับอยู่เป็นประจำมาใช้ในวงการการเมือง เพราะอาจจะทำให้วัฏจักรทางการเมืองเสียหายไป เราอยากสร้างการเมืองที่สร้างสรรค์ มีคุณภาพ จึงหวังว่าคนรุ่นใหม่ ที่เข้ามาจะเป็นนักการเมืองที่สร้างสรรค์ และมีคุณภาพจริงๆ
"ผมคิดว่าคุณโอ๊ค ควรจะศึกษาว่านักการเมืองที่ดีควรเป็นอย่างไร แต่คนที่สบายใจ กระชุ่มกระชวยมากขึ้นนอกจากพ.ต.ท.ทักษิณแล้วคือ สมาชิกพรรคเพื่อไทย เพราะอย่างน้อยนายห้างตัวจริงไม่มา ลูกของนายห้างก็เข้ามาแล้ว" นายเทพไทกล่าว
ส่วนเนื้อหาของหนังสือ ที่ระบุถึงชะตากรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเปลี่ยนไปเพราะถูกสังคมอิจฉา และกลั่นแกล้งนั้น นายเทพไท กล่าวว่าในวงการการเมืองไม่มีใครอิจฉาใคร ทุกอย่างอยู่ด้วยความจริง ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อมั่นในข้อเท็จจริงของตัวเอง ก็มาพิสูจน์ความจริง การเมืองไม่ใช่เรื่องใส่ความหรือใส่ร้ายป้ายสี แต่เป็นเรื่องการพิสูจน์ความจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือเป็นการสืบทอดทายาททางการเมืองหรือไม่ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การสืบทอดทายาททางการเมือง ผลชี้ขาดอยู่ที่ประชาชนจะยอมรับหรือไม่ ต่างกับการสืบทอดทายาททางอำนาจ ที่สืบทอดได้จากการแต่งตั้ง แต่ทางการเมืองแม้จะสืบทอดกันได้ ก็ต้องผ่านการเลือกตั้งและการตรวจสอบจากประชาชนก่อน ซึ่งถือเป็นข้อดีของการเลือกตั้ง
ต่อข้อถามถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. เสนอให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งต่อไป ในนามพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีอุดมการณ์ทางการเมืองเหมือนกัน นายเทพไทกล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ กับพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าเป็นคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน แต่การเคลื่อนไหวที่ผ่านมามีจุดร่วม และเห็นปัญหาเหมือนกัน คือเห็นภัยอันตรายของระบอบทักษิณ จึงต่อสู้ล้มล้างระบอบทักษิณ ซึ่งทำให้สอดคล้องกัน แต่ในทางการเมืองพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่อยู่ในระบบรัฐสภา แต่กลุ่มพันธมิตรฯ เป็นกลุ่มการเมืองภาคประชาชนที่มีอิสระ สามารถเคลื่อนไหวนอกกฎเกณฑ์ของระบบรัฐสภาได้ จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะมาจับมือกันและร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ลงเลือกตั้ง แต่อาจจะมีคนที่เคลื่อนไหวในกลุ่มพันธมิตรฯ และเป็นวิทยากรรับเชิญอาจจะมาลงเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปตย์ก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่ใช่เป็นเรื่ององค์กรต่อองค์กร
กำลังโหลดความคิดเห็น