นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายสุรชัย เบ้าจรรยา ส.ส.สัดส่วน นำรายชื่อส.ส.พรรคเพื่อไทย 120 คนเข้ายื่นหนังสือต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่า มีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจ ใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายตามมาตรา 270
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ลงรายมือชื่อมอบอำนาจให้นายสุเทพ ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานการประชุม ก.ตร. ซึ่งขัดต่อพ.ร.บ.ข้าราชการตำรวจ แห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 42 วรรค 2 เพราะกรณีนี้ถือเป็นอำนาจเฉพาะของนายกรัฐมนตรีจะมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ดังนั้นจึงเป็นการจงใจใช้อำนาจ หน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ส่วนนายสุเทพนั้น จงใจกระทำผิดโดยไปประชุม ก. ตร.ถึง 3 ครั้ง คือ 1.เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2.เมื่อวันที่ 6 ก.พ. และ3.เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่สำคัญคือ เมื่อวันที่ 6 ก.พ.นั้นมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับนายพลถึง 73 คนด้วยทั้งๆที่นายสุเทพ ไม่มีอำนาจ ซึ่งส่อว่าอาจจะเป็นโมฆะ นอกจากนี้ นายสุเทพยังเอื้อประโยชน์ให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 19 คนไปช่วยราชการที่กระทรวงวัฒนธรรมอีกด้วย ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงเห็นว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่น จึงจำเป็นต้องถอดถอน
งานนี้ปลาตายน้ำตื้น และที่กรรมาธิการตำรวจของพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาบอกว่าไม่ผิดนั้น เป็นการให้สัมภาษณ์เหมือนไม่รู้กฎหมาย หรือว่ารู้แต่จงใจจะช่วยพวกพ้องตัวเองใช่หรือไม่ เพราะเรื่องนี้ให้นักกฎหมายธรรมดาๆดูก็ยังรู้ว่าผิด
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่าสมัยพรรคไทยรักไทยก็เคยทำเหมือนกันนั้นก็ขอให้ไปดำเนินการกับพรรคไทยรักไทย ตนเป็นสมาชิก พรรคเพื่อไทย วันนี้เมื่อเห็นว่าผิดก็ต้องดำเนินการ แม้จะอ้างว่าเป็นแนวปฏิบัติ แต่เมื่อเห็นว่าผิดก็ไม่ควรที่จะทำตาม ยืนยันว่าเรื่องนี้มีความผิดแน่นอน เพราะตนได้ปรึกษากับอดีตอัยการ อดีตผู้พิพากษา และอดีตข้าราชการตำรวจระดับสูงแล้วด้วย
ด้านนายสุรชัย กล่าวว่า ขอให้นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเตรียมใจไว้ให้ดี เพราะถือว่าความผิดสำเร็จแล้วแม้จะมีการยกเลิกคำสั่งในภายหลังก็ตาม อีกทั้งคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ตีความเรียบร้อยแล้วว่าไม่สามารถกระทำได้ นอกจากนี้ ตนยังได้ปรึกษากับนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา และนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตกรรมการ บริหารพรรคไทยรักไทย และนายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนด้วย เพื่อขอให้กลั่นกรองข้อมูลให้ ซึ่งทั้ง 3 ท่านก็บอกให้ตนดำเนินการได้เลย เพราะเห็นได้ชัดเจนว่ามีความผิด นอกจากนี้ ในวันอังคารที่ 7 เม.ย.จะไปยื่นหนังสือต่อป.ป.ช.ด้วย
ขณะที่นายประสพสุข กล่าวว่า ตนจะเร่งดำเนินการ โดยมีเวลา 15 วัน คาดว่าจะทันภายในวันที่ 18 เม.ย. ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบก่อนว่าครบ 1 ใน 4 ตามที่กฎหมาย กำหนดหรือไม่ หากครบก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การยื่นหนังสือของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ มีการอ้างอิง รายงานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจทั้ง 3 ครั้งที่นายสุเทพเป็นประธานการประชุมแทนนายอภิสิทธิ์ แนบประกอบการยื่นถอดถอนครั้งนี้ด้วย
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ลงรายมือชื่อมอบอำนาจให้นายสุเทพ ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานการประชุม ก.ตร. ซึ่งขัดต่อพ.ร.บ.ข้าราชการตำรวจ แห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 42 วรรค 2 เพราะกรณีนี้ถือเป็นอำนาจเฉพาะของนายกรัฐมนตรีจะมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ดังนั้นจึงเป็นการจงใจใช้อำนาจ หน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ส่วนนายสุเทพนั้น จงใจกระทำผิดโดยไปประชุม ก. ตร.ถึง 3 ครั้ง คือ 1.เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2.เมื่อวันที่ 6 ก.พ. และ3.เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่สำคัญคือ เมื่อวันที่ 6 ก.พ.นั้นมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับนายพลถึง 73 คนด้วยทั้งๆที่นายสุเทพ ไม่มีอำนาจ ซึ่งส่อว่าอาจจะเป็นโมฆะ นอกจากนี้ นายสุเทพยังเอื้อประโยชน์ให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 19 คนไปช่วยราชการที่กระทรวงวัฒนธรรมอีกด้วย ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงเห็นว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่น จึงจำเป็นต้องถอดถอน
งานนี้ปลาตายน้ำตื้น และที่กรรมาธิการตำรวจของพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาบอกว่าไม่ผิดนั้น เป็นการให้สัมภาษณ์เหมือนไม่รู้กฎหมาย หรือว่ารู้แต่จงใจจะช่วยพวกพ้องตัวเองใช่หรือไม่ เพราะเรื่องนี้ให้นักกฎหมายธรรมดาๆดูก็ยังรู้ว่าผิด
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่าสมัยพรรคไทยรักไทยก็เคยทำเหมือนกันนั้นก็ขอให้ไปดำเนินการกับพรรคไทยรักไทย ตนเป็นสมาชิก พรรคเพื่อไทย วันนี้เมื่อเห็นว่าผิดก็ต้องดำเนินการ แม้จะอ้างว่าเป็นแนวปฏิบัติ แต่เมื่อเห็นว่าผิดก็ไม่ควรที่จะทำตาม ยืนยันว่าเรื่องนี้มีความผิดแน่นอน เพราะตนได้ปรึกษากับอดีตอัยการ อดีตผู้พิพากษา และอดีตข้าราชการตำรวจระดับสูงแล้วด้วย
ด้านนายสุรชัย กล่าวว่า ขอให้นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเตรียมใจไว้ให้ดี เพราะถือว่าความผิดสำเร็จแล้วแม้จะมีการยกเลิกคำสั่งในภายหลังก็ตาม อีกทั้งคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ตีความเรียบร้อยแล้วว่าไม่สามารถกระทำได้ นอกจากนี้ ตนยังได้ปรึกษากับนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา และนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตกรรมการ บริหารพรรคไทยรักไทย และนายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนด้วย เพื่อขอให้กลั่นกรองข้อมูลให้ ซึ่งทั้ง 3 ท่านก็บอกให้ตนดำเนินการได้เลย เพราะเห็นได้ชัดเจนว่ามีความผิด นอกจากนี้ ในวันอังคารที่ 7 เม.ย.จะไปยื่นหนังสือต่อป.ป.ช.ด้วย
ขณะที่นายประสพสุข กล่าวว่า ตนจะเร่งดำเนินการ โดยมีเวลา 15 วัน คาดว่าจะทันภายในวันที่ 18 เม.ย. ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบก่อนว่าครบ 1 ใน 4 ตามที่กฎหมาย กำหนดหรือไม่ หากครบก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การยื่นหนังสือของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ มีการอ้างอิง รายงานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจทั้ง 3 ครั้งที่นายสุเทพเป็นประธานการประชุมแทนนายอภิสิทธิ์ แนบประกอบการยื่นถอดถอนครั้งนี้ด้วย