“พันธมิตรฯใต้”เร่งจัดกิจกรรมคึกคัก -ขยายเครือข่ายรับถกใหญ่ทั่วประเทศ

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – “พันธมิตรฯ สงขลา” ฟิตเดินสายเกี่ยวร้อย “พันธมิตรฯ 5 จังหวัดชายแดนใต้” ให้เหนียวแน่นยิ่งขึ้น พร้อมวาดหวังขยายเป็น “พันธมิตรฯ 8 จังหวัดใต้ล่าง” ขณะที่ผลประชุมร่วมได้ข้อสรุปชัดสนับสนุนการจัดกิจกรรมเพื่อขยายมวลชนในแต่ละจังหวัด และหากพื้นที่ไหนพร้อมตั้งวิทยุชุมชนก็จะร่วมกันหนุนเนื่อง ประเดิมตั้งเวทีสร้างการเมืองใหม่ที่สตูล เม.ย.นี้ ด้านการขยายเครือข่ายสู่ “พันธมิตรฯ 16 จังหวัดใต้” ก็คืบหน้า “สนชัย ลิ้มทองกุล” เตรียมร่วมหนุนถกใหญ่ 21 มี.ค.ที่เมืองคอน เผยเพื่อเป็นการรองรับการจัดประชุมให้พันธมิตรฯ ทั่วประเทศ 24 พ.ค.นี้

นายสุมิตร นวลมณี รองประธานกรรมการฝ่ายปฏิบัติการ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดสงขลา เปิดเผย “ASTVผู้จัดการ” ว่า ในวันพุธที่ 18 มีนาคม 2552 เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป คณะทำงานพันธมิตรฯ สงขลา จะร่วมประชุมกับคณะทำงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ที่ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นไปตามปฏิญญาของพันธมิตรฯ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้ร่วมกันประกาศไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

 จ่อขยายเป็นพันธมิตรฯ 16 จว.ใต้

สำหรับประชุมครั้งนี้จะเป็นการพูดคุยเพื่อปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับการขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาชนในนาม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 16 จังหวัดภาคใต้ (14 จังหวัดภาคใต้รวมกับ จ.เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์) รวมถึงประเด็นเรื่องรูปแบบการจัดคอนเสิร์ตการเมืองในนามพันธมิตรฯ 5 จังหวัดชายแดนใต้ และมีแนวโน้มว่าจะขยายเครือข่ายเป็น 8 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งรวมเอา จ.นครศรีธรรมราช จ.ตรังและ จ.พัทลุงเข้ามาด้วย

นายสุมิตรกล่าวว่า สำหรับพันธมิตรฯ 16 จังหวัดภาคใต้ เวลานี้มีพันธมิตรฯ หลายจังหวัดก็ได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนและทำกิจกรรมร่วมกันไปบ้างแล้ว โดยเฉพาะพันธมิตรฯ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ก็เนื่องจากประชาชนในภาคใต้มีความตื่นตัวเปิดรับข้อมูลข่าวสารทางการเมือง รู้ถึงสิทธิและหน้าที่ของตัวเองอย่างที่ไม่เคยปรากฏในยุคใดมาก่อน ตนจึงเชื่อว่าการจะขยายกรอบความร่วมมือจากพันธมิตรฯ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพันธมิตรฯ 8 จังหวัดภาคใต้ตอนล่างก็จะเป็นผลสำเร็จได้ในเร็ววันนี้

“การเดินทางไป อ.สุไหงโก-ลกของคณะทำงานพันธมิตรฯ สงขลาในครั้งนี้ เราจะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลซึ่งกันและกันกับพันธมิตรฯ สุไหงโก-ลก โดยจะให้เขาเป็นผู้กำหนดกิจกรรมเอง เพราะคนในพื้นที่จะทราบถึงเงื่อนไขและศักยภาพของตนเองดี แต่เราจะช่วยเสริมความคิดเห็น หรือแนะนำในส่วนที่มีประสบการณ์มาก่อน ขณะเดียวกันก็ร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดซึ่งกันและกันด้วย ทั้งนี้ การขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาชนของพันธมิตรฯ ของภาคใต้ตอนล่างนั้น ยึดมั่นการสร้างการเมืองใหม่ในท้องที่ความแตกต่างกันตามเงื่อนไข และศักยภาพ” นายสุมิตรกล่าว

สุไหงโก-ลกขึ้นทำเนียบมวลชน

ด้าน นายสุรพล เพชรสงคราม หรือบิลลี่โก-ลก แกนนำพันธมิตรฯ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส กล่าวว่า พลังมวลชนใน จ.นราธิวาสได้ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาโดยตลอด ทั้งการขับเคลื่อนในพื้นที่ และร่วมชุมนุมใหญ่ในกรุงเทพฯ แต่การสร้างการเมืองใหม่ยังต้องการความสามัคคี เพื่อสร้างความเหนียวแน่นมากกว่านี้ขึ้นอีก ดังนั้น พันธมิตรฯ สุไหงโก-ลกจึงได้ดำเนินการจัดทำทะเบียนเครือข่ายพี่น้องพันธมิตรฯ ในพื้นที่ไว้แล้ว

ทั้งนี้ ได้มีการรวบรวมรายชื่อมวลชนพันธมิตรฯ สุไหงโก-ลกจัดทำเป็นทำเนียบพันธมิตรฯ จ.นราธิวาส ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นวันเดียวกับที่มีการประชุมพันธมิตรฯ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ จ.สงขลา เพื่อการติดต่อประสานงานที่เป็นระบบและรวดเร็ว เนื่องจากกิจกรรมมีรายละเอียดปลีกย่อยมาก ทั้งการกระจายสื่อ กำหนดกิจกรรมร่วมกัน ถ่ายทอดข้อมูลข่าวสาร การนัดประชุมมวลชนกำหนดทิศทางภายใน โดยเฉพาะเตรียมการประชุมร่วมกันระหว่างจังหวัดและระดับภาค ที่ต้องมีความพร้อมในการติดต่อประสานงาน และกระจายข่าวสารได้โดยตลอด

สำหรับการจัดกิจกรรมภายในของพันธมิตรฯ สุไหงโก-ลก นอกเหนือจากการผนึกกำลังประสานงานร่วมกันจัดกิจกรรมในนามพันธมิตรฯ 5 จังหวัดชายแดนใต้แล้ว ยังได้เตรียมการจัดกิจกรรมในพื้นที่ จ.นราธิวาสเองด้วย โดยจะมีการเชิญวิทยากรเข้ามาร่วมเวทีการเมืองภาคประชาชน เพื่อให้พี่น้องพันธมิตรฯ จ.นราธิวาสได้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลจากผู้มีความรู้อย่างทั่วถึง เนื่องจากที่ผ่านมาต้องเดินทางไปร่วมเวทีที่ จ.สงขลาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งระยะทางไกลและมีค่าใช้จ่ายพอสมควร

“การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ จ.นราธิวาส ได้ยึดมั่นการขับเคลื่อนบนพื้นฐานของประชาชนเป็นหลัก ปราศจากการเป็นฐานของพรรคการเมือง ถึงเวลาที่ประชาชนต้องร่วมดูแลปกป้องผลประโยชน์ส่วนรวม จับตาการพัฒนาต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่โดยตรง โดยกลุ่มพันธมิตรฯ จะติดตามข้อมูล และนำไปกระจายสู่ภาคประชาชน สร้างจิตสำนึกสาธารณะในการรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ต่อไป”

ปัตตานีรุกโครงการ “ข้าวมา ปลาไป”

ส่วน นายดิสพูน จ่างเจริญ หรือโกเซีย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดปัตตานี หรือที่เรียกขานกันในพื้นที่ว่า พันธมิตรฯ ลังกาสุกะ ปัตตานี กล่าวถึงการจัดกิจกรรม “จิบน้ำชา มาแกโกปี๊ ครั้งที่ 1” ที่จัดขึ้น ณ อาคาร 2 ชั้น ข้างที่จอดรถ (ข้างโอ่งมังกร) ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เขตเทศบาลเมืองปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมาว่า เป็นการระดมพี่น้องพันธมิตรฯ จ.ปัตตานี มาพูดคุยกันเกี่ยวกับการขยายฐานมวลชนพันธมิตรฯ ในพื้นที่ รวมถึงการเชื่อมโยงกิจกรรมตามกรอบปฏิญญาของพันธมิตรฯ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

นายดิสพูนกล่าวว่า นอกจากนี้แล้วยังมีการพูดคุยกันถึงประเด็นว่า ผองพี่น้องพันธมิตรฯ ไม่ได้เป็นมวลชนของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่การขับเคลื่อนได้ยึดถือผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นหลัก ซึ่งเมื่อมีความเข้าใจในเรื่องนี้แล้ว ก็จะเห็นหนทางที่จะดึงมวลชนหน้าจอ ASTV ออกมาร่วมกิจกรรมของพันธมิตรฯ อย่างจริงจัง ซึ่งก็ได้ความคิดเห็นที่ดีจากแกนนำพันธมิตรฯ จาก จ.สงขลา และ จ.ยะลา

“ในเวทีจิบน้ำชา มาแกโกปี๊ ของพันธมิตรฯ ปัตตานีครั้งนี้ เราก็ได้พูดคุยกันถึงโครงการที่เราได้ดำเนินมาระยะหนึ่งแล้วด้วย คือ โครงการข้าวมา ปลาไป ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าของ จ.ปัตตานีกับพี่น้องพันธมิตรฯ ในหลายจังหวัดของภาคอีสานไว้แล้ว โดยปัตตานีเรามีปลา ส่วนอีสานมีข้าว ก็เอามาแลกเปลี่ยนกัน ตอนนี้สามารถทำโครงการนี้ได้แบบไม่อั้น ใครสนใจติดต่อมาได้เลย” นายดิสพูนกล่าว

 เตรียมพร้อมเชื่อมพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ

สำหรับการประชุมคณะทำงานพันธมิตรฯ 16 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 21 มีนาคมนี้ ณ จ.นครศรีธรรมราช พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดนครศรีธรรมราชจะเป็นโต้โผใหญ่ โดยจะได้จัดขึ้นที่ร้านอาหารบ้านในสวน เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เพื่อกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนของพันธมิตรฯ 16 จังหวัดภาคใต้ อีกทั้งเพื่อเป็นการรองรับการเชื่อมต่อไปยังการประชุมใหญ่พันธมิตรฯ ทั่วประเทศ ซึ่งพันธมิตรฯ ส่วนกลางจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นวันที่ 24 พฤษภาคมที่จะถึงนี้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสุมิตร กล่าวเพิ่มเติมว่า พันธมิตรฯสงขลาได้เตรียมนำประเด็นเรื่องรูปแบบของการรวมตัวในนามพันธมิตรฯ 16 จังหวัดภาคใต้มาหารือ เพื่อให้มีความเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และง่ายต่อการเข้าใจ ซึ่งยังไม่มีข้อยุติที่ชัดเจน เช่น เรื่องการตั้งชื่อ การรวมตัวเป็นเครือข่ายที่ยังมีความสับสนอยู่ เนื่องจากบางพื้นที่ใช้ในนามภาคประชาชนที่มีกลุ่มเอ็นจีโอร่วม บางแห่งเน้นการเมืองภาคประชาชน ขณะที่บางจังหวัดอย่างสงขลาใช้ในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วตามด้วยชื่อจังหวัด รวมถึงรูปแบบการขับเคลื่อนว่าจะมีแบ่งโซนหรือไม่เพื่อความคล่องตัวในการทำงาน

นอกจากนี้แล้ว ในการประชุมแกนนำพันธมิตรฯ 16 จังหวัดภาคใต้ที่ จ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ 21 มีนาคมที่จะถึงนี้ มีการประสานงานมาจากพันธมิตรฯ ส่วนกลางว่า นายสนชัย ลิ้มทองกุล ในฐานะตัวแทนจาก ASTV จะเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมถึงกิจกรรมที่ทาง ASTV จะสามารถสนับสนุนความร่วมมือของพันธมิตรฯ จังหวัดต่างๆ อีกด้วย เช่น การทำตลาดสินค้าของแต่ละพื้นที่และส่วนกลาง เป็นต้น

 พันธมิตรฯ ใต้ร่วมตั้งเวทีใหญ่ที่สตูล เม.ย.นี้

สำหรับการประชุมพันธมิตรฯ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา มีขึ้นที่ร้านอาหารสวนสำราญ ถ.นิพัทธ์อุทิศ 2 เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งถือเป็นร้านอาหารของแม่ยกพันธมิตรฯ โดยนอกจากจะมีแกนนำพันธมิตรฯ จากทั้ง 5 จังหวัดคือ สงขลา สตูล ยะลา ปัตตานีและนราธิวาสเข้าร่วมกว่า 20 คนแล้ว นายสาวิทย์ แก้วหวาน แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 ก็ได้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วย โดยที่ประชุมได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ต่อไปนี้จะมีการขับเคลื่อนกิจกรรมในลักษณะที่เกื้อหนุนช่วยเหลือซึ่งกันร่วมกันอย่างน้อยเดือนละ 1 กิจกรรม

สำหรับความร่วมมือพันธมิตรฯ ทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีทั้งกิจกรรมที่ร่วมกันเป็นเจ้าภาพอย่างการจัดเวทีคอนเสิร์ตการเมืองให้แก่ ASTV ที่จะจัดขึ้นใน อ.หาดใหญ่ในวันที่ 9 พฤษภาคม หรือกิจกรรมที่แต่ละจังหวัดจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ซึ่งในช่วงเดือนเมษายนหน้านี้ ก็จะมีการจัดเวทีสานต่อการเมืองภาคประชาชนเพื่อสู่การรังสรรค์การเมืองใหม่ขึ้นที่ จ.สตูล โดยเป็นความร่วมมือของพันธมิตรฯ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เช่นกัน

นอกจากนี้แล้ว ในที่ประชุมแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ดังกล่าว ยังได้มีการวิเคราะห์ลงลึกถึงปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ หรือวิกฤตไฟใต้ด้วยว่า เป็นอุปสรรคในการขับเคลื่อนและขยายแนวร่วมพันธมิตรฯ อย่างไร และการดำเนินงานของพันธมิตรฯ จะก้าวผ่านไปได้อย่างไร ซึ่งก็ได้ข้อสรุปร่วมกันในเบื้องต้นว่า พันธมิตรฯ ทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะหนุนเนื่องกันในการจัดเวทีร่วมสร้างการเมืองใหม่ให้สอดคล้องกับแต่ละพื้นที่ และอีกส่วนหนึ่งก็จะช่วยสนับสนุนการสร้างเครือข่ายวิทยุชุมชนในพื้นที่ที่มีความพร้อม