xs
xsm
sm
md
lg

ยูโรเปี้ยนฟู้ดลดงบทีวีสู้พิษศก. งัดสัมปทานเขตดันรายได้หลัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ยูโรเปี้ยนฟู้ด” ปรับกลยุทธ์ ลดต้นทุนสู้พิษเศรษฐกิจ เปิดระบบสัมปทานศูนย์จัดจำหน่ายทั่วประเทศ ปูพรมแล้ว 31 แห่ง  ดันเป็นช่องทางพระเอกรายได้หลักสัดส่วน 40% ในอีก 5 ปี พร้อมโยกงบสู่สื่อใหม่ๆและบีโลว์เดอะไลน์มากขึ้น จากเดิมยึดติดสื่อทีวี เจียมตัวปีนี้ขอโตแค่ 5% ต่ำสุดรอบ 10 ปี

นายสมชาติ สุรจิตติพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท  ยูโรเปี้ยนฟู้ด จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายขนม ลูกอม เวเฟอร์ เลเยอร์เค้ก ของไทย กล่าวว่า  บริษัทฯได้เริ่มปรับแผนช่องทางการจำหน่ายใหม่เมื่อปีที่แล้ว โดยเปิดใช้ระบบสัมปทานศูนย์จัดจำหน่าย อายุสัญญา 3 ปี เพื่อให้สามารถกระจายสินค้าเข้าไปสู่ตลาดระดับอำเภอและตำบลมากขึ้น ซึ่งสิ้นปีที่แล้วมีประมาณ 31 ศูนย์ สามารถครอบคลุมพื้นที่จำหน่ายมากกว่า 60 จังหวัดแล้ว จากเดิมที่บริษัทฯดำเนินการเอง

ปีนี้คาดว่าจะตั้งเพิ่มอีก เพื่อให้สามารถครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งบางศูนย์อาจจะดูแลหลายจังหวัด โดยทางผู้รับสัมปทานจะลงทุนเรื่องอุปกรณ์ รถยนต์และพื้นที่ ส่วนบริษัทฯลงทุนด้านระบบ และขายสินค้าให้ ซึ่งช่วงแรกระบบนี้อาจจะยังไม่เห็นผลเรื่องการลดต้นทุน แต่ระยะยาวจากนี้อีก 2-3 ปีจะเห็นชัดเจนว่าลดต้นทุนได้

ทั้งนี้ช่องทางนี้จะมีบทบาทมากขึ้นในอนาคต คาดว่าอีก 5 ปีจากนี้สัดส่วนรายได้จะมาจากช่องทางใหม่นี้ 40%  และช่องทางโมเดิร์นเทรดจะเพิ่มขึ้นเป็น 40%  ส่วนเทรดดิชันนัลเทรดจะลดลงเหลือ 20-30%  จากปัจจุบันสัดส่วนมาจากช่องทางศูนย์จัดจำหน่ายเพียง 20%  โมเดิร์นเทรด 30%  และเทรดดิชันเทรด 50%
รวมทั้งปรับแผนการใช้งบการตลาดและกิจกรรมที่ตั้งไว้ 100 กว่าล้านบาทเท่าปีที่แล้ว  จากเดิมที่เน้นสื่อทีวี 90% และอีก 10% เป็นอื่นๆทั้งสื่อแมกกาซีน สื่อสิ่งพิมพ์ และบีโลว์เดอะไลน์  จะลดสื่อทีวีเหลือ 80% แต่ยังเป็นสื่อหลัก แล้วหันไปเพิ่มสื่ออื่นกับบีโลว์เดอะไลน์เป็น 20% เริ่มใช้กับแบรนด์ ยูโร่คัสตาร์ดเค้กก่อน  โดยลงทุน 10 ล้านบาท ใช้สื่อโฆษณารถไฟฟ้าบีทีเอส  จำนวน 2 ขบวน สัญญา 1 ปี และมีแคมเปญด้วยร่วมถ่ายรูปกับบีทีเอสที่ทำโฆษณาส่งมาชิงโชค นาน 2 เดือน

กลยุทธ์นี้เพื่อขยายฐานกลุ่มเป้าหมายยูโร่คัสตาร์ดเค้กไปสู่คนรุ่นใหม่มากขึ้น อีก 20% จากเดิมกลุ่มหลักคือครอบครัว 60%  ซึ่งจะทำให้ครองความเป็นผู้นำตลาด 90% ไว้เหนียวแน่นจากมูลค่าตลาดรวมของเลเยอร์เค้กกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้จะมุ่งเน้นกลุ่มเค้กมากที่สุด เพราะเป็นขนมที่สามารถทานแล้วอิ่มท้อง สะดวก ราคาไม่แพง เหมาะกับภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ น่าจะจำหน่ายได้ดี

“ภาวะเศรษฐกิจไม่ดีเช่นนี้ทุกคนต้องปรับตัว เพราะยังมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายทางเลย ต้องลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น  สัญญาณไม่ดีเริ่มเห็นสิ้นเดือนกุมภาพันธ์แล้ว  ยอดขายรวมลดลงกว่า 10%  เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม แต่ยังไม่ลดการผลิต ปรับตัวเลขภายในก่อน  แต่ถ้าเทียบกุมภาพันธ์ปีนี้ยังสูงกว่า 5% จากปีที่แล้ว คาดว่าปีนี้ผู้ประกอบการขนมรายเล็กที่มีมากมายจะมีปัญหาแน่” นายสมชาติกล่าว

แม้ว่าปีนี้บริษัทฯจะปรับกลยุทธ์การดำเนินงานแล้วก็ตาม แต่ก็ตั้งเป้ารายได้เติบโตไว้เพียง 5%  จากรายได้รวมปีที่แล้ว 2,500 ล้านบาท ถือเป็นอัตราการเติบโตต่ำสุดในรอบสิบปีของบริษัทฯ จากปกติเติบโตเฉลี่ย10% ทุกปี
ปัจจุบันบริษัทฯนี้มีมากกว่า 50 แบรนด์เช่น  ยูโร่คัสตาร์ด, โอโจ้, ยูโร่, ครีโก้, เอลเซ่, ปีโป้ เป็นต้น   แบ่งสินค้าออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่คือ 1.กลุ่มเค้ก สัดส่วนรายได้ 54%  2.กลุ่มเวเฟอร์  สัดส่วนรายได้  21%  3.กลุ่มเยลลี สัดส่วนรายได้  19%   4.กลุ่มอื่นๆเช่นลูกอม หมากฝรั่ง สัดส่วน 6%   ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีสินค้าใหม่ออกมาวางตลาดทั้งแบรนด์เดิมในกลุ่มใหม่และแบรนด์ใหม่ โดยปีนี้คาดว่ากลุ่มเค้กน่าจะเติบโตดีที่สุด ขณะที่กลุ่มลูกอมและหมากฝรั่งจะเป็นกลุ่มที่น่าห่วงที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น