ASTVผู้จัดการรายวัน – กรุงไทยคาร์เร้นท์ พร้อมเปิดทางพันธมิตรเข้ามาถือหุ้น 20-40% เพื่อขยายงาน ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด เบรกแผนออกหุ้นกู้ชี้เศรษฐกิจไม่เอื้อ พร้อมทุ่มงบ 1.5 พันล้านบาท ซื้อรถยนต์เพิ่มเติมรองรับการขยายฐานลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ คาดปีนี้รายได้สูงกว่าปี 51 ที่ทำไว้ 1.45 พันล.
นายศักดิธัช จันทรเสรีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ KCAR เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมทุ่มงบ 1.5 พันล้านบาท เทียบกับปี 51 ที่มีการซื้อรถยนต์ใหม่ประมาณ 1,500 คัน เพื่อซื้อรถยนต์ใหม่จำนวน 2,000 คัน รองรับการขยายฐานลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ โดยแหล่งเงินทุนมากกว่า 70 % น่าจะมาจากธนาคารพาณิชย์ และที่เหลือมาจากกระแสเงินสดของบริษัท
ทั้งนี้ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้จะทำให้ในปี 52 จำนวนรถยนต์ทั้งหมดของ KCAR เพิ่มเป็น 8,000 คัน จากจำนวนรถยนต์ในปัจจุบันทั้งหมด 6,000 คัน โดยรถยนต์เหล่านี้จะแบ่งเป็นให้เช่าประมาณ 90% ส่วนอีก 10% จะเป็นรถยนต์ที่บริษัทสำรองไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน
ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศ 1 ราย เพื่อร่วมลงทุนขยายธุรกิจให้เช่ารถยนต์ โดยจะเป็นในลักษณะการเข้ามาถือหุ้นของ KCAR ในอัตราส่วน 20-40 % ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดต่าง ๆ แต่เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี จึงคาดว่าเรื่องดังกล่าวยังไม่ได้ข้อสรุปภายในปีนี้
พร้อมกันนี้ บริษัทได้ชะลอแผนการออกหุ้นกู้เพื่อนำเงินมาซื้อรถยนต์เพิ่มเติมออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากมองว่าสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดหุ้นกู้มีการแข่งขันสูง ประกอบกับมีบริษัทขนาดใหญ่ เช่น บมจ.ปตท..(PTT)
บมจ.บ้านปู (BANPU) ฯลฯ ได้ทยอยออกหุ้นกู้มาอย่างต่อเนื่อง จึงประเมินว่านักลงทุนส่วนใหญ่คงจะให้ความสนใจกับบริษัทเหล่านี้มากกว่าหุ้นกู้ของ KCAR
นอกจากนี้ บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตกว่าปี 51 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1.45 พันล้านบาท หรือเติบโตมากว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมที่คาดจะขยายตัว 1-5 % ส่วนรายได้จะเติบโตคิดเพียงใดนั้นคงไม่สามารถประเมินได้ ขณะที่ในส่วนของยอดขายปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1 พันคัน เทียบกับปี 51 ที่มียอดขาย 950 คัน เพิ่มขึ้น 50 คัน หรือคิดเป็น 5.63% เนื่องจากมีรถยนต์ให้เช่าครบกำหนดอายุ 3 ปีจำนวนกว่า 3 พันคัน
นายศักดิธัช จันทรเสรีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ KCAR เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมทุ่มงบ 1.5 พันล้านบาท เทียบกับปี 51 ที่มีการซื้อรถยนต์ใหม่ประมาณ 1,500 คัน เพื่อซื้อรถยนต์ใหม่จำนวน 2,000 คัน รองรับการขยายฐานลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ โดยแหล่งเงินทุนมากกว่า 70 % น่าจะมาจากธนาคารพาณิชย์ และที่เหลือมาจากกระแสเงินสดของบริษัท
ทั้งนี้ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้จะทำให้ในปี 52 จำนวนรถยนต์ทั้งหมดของ KCAR เพิ่มเป็น 8,000 คัน จากจำนวนรถยนต์ในปัจจุบันทั้งหมด 6,000 คัน โดยรถยนต์เหล่านี้จะแบ่งเป็นให้เช่าประมาณ 90% ส่วนอีก 10% จะเป็นรถยนต์ที่บริษัทสำรองไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน
ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศ 1 ราย เพื่อร่วมลงทุนขยายธุรกิจให้เช่ารถยนต์ โดยจะเป็นในลักษณะการเข้ามาถือหุ้นของ KCAR ในอัตราส่วน 20-40 % ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดต่าง ๆ แต่เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี จึงคาดว่าเรื่องดังกล่าวยังไม่ได้ข้อสรุปภายในปีนี้
พร้อมกันนี้ บริษัทได้ชะลอแผนการออกหุ้นกู้เพื่อนำเงินมาซื้อรถยนต์เพิ่มเติมออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากมองว่าสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดหุ้นกู้มีการแข่งขันสูง ประกอบกับมีบริษัทขนาดใหญ่ เช่น บมจ.ปตท..(PTT)
บมจ.บ้านปู (BANPU) ฯลฯ ได้ทยอยออกหุ้นกู้มาอย่างต่อเนื่อง จึงประเมินว่านักลงทุนส่วนใหญ่คงจะให้ความสนใจกับบริษัทเหล่านี้มากกว่าหุ้นกู้ของ KCAR
นอกจากนี้ บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตกว่าปี 51 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1.45 พันล้านบาท หรือเติบโตมากว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมที่คาดจะขยายตัว 1-5 % ส่วนรายได้จะเติบโตคิดเพียงใดนั้นคงไม่สามารถประเมินได้ ขณะที่ในส่วนของยอดขายปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1 พันคัน เทียบกับปี 51 ที่มียอดขาย 950 คัน เพิ่มขึ้น 50 คัน หรือคิดเป็น 5.63% เนื่องจากมีรถยนต์ให้เช่าครบกำหนดอายุ 3 ปีจำนวนกว่า 3 พันคัน