ASTVผู้จัดการรายวัน - "จงรัก จุฑานนท์" กลับหลังหัน แถลงแก้ศพหัวขาด ชื่อ"เมาริซิโอ" ส่วน"เกียตา" ยังมีชีวิต หลังเจ้าของเกสต์เฮาส์ ย่านข้าวสาร ชี้ทางสว่างระบุ ผู้ตายเข้าพักฟรี กินฟรี กว่า 2 สัปดาห์ ก่อนเกิดเหตุขอร้องให้ย้ายออกไป จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียด จึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย พร้อมเขียนจดหมายขอโทษ
วานนี้ (25 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ต.อดิศร งามจิตสุขศรี ผบก.ทท.และ นางวิมล หรือ ชัย ใจจง เจ้าของเกสต์เฮาส์ และร้านอาหารชัย เวเกสทาเรีย เรสเตอรองต์ ร่วมแถลงความคืบหน้าคดีพบศีรษะชาวต่างชาติแขวนคอตายอยู่ที่สะพานพระราม 8 ว่า หลังจากที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพบชายชาวอิตาลีที่มีหน้าตาลักษณะคล้ายกับผู้ตายชื่อ นายเกียตา จิโอวานี ซึ่งเดินทางเข้ามาในประเทศไทย และลงทะเบียนเข้าพักที่โรงแรมเร็กซ์ เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น จากการตรวจสอบไม่พบรายชื่อของบุคคลดังกล่าวเข้าพักตามที่ได้รับข้อมูลมา จึงได้แจกจ่ายภาพถ่ายของนายเกียตา ไปยังสื่อมวลชนและตามสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งย่านพัฒนพงษ์ พัทยา รวมทั้งถนนข้าวสาร จนกระทั่งกลางดึกวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบกับนางวิมล โดยนางวิมลยืนยันว่า บุคคลตามรูปถ่ายนั้นคือ นายเมาริซิโอ (MR.MAURIZIO TOSADORI) อายุ 54 ปี ชาวอิตาลี ซึ่งเข้าพักอาศัยอยู่ฟรีที่ห้องเช่า เลขที่ 4 ชั้น 2 ของนางวิมล ตั้งอยู่เลขที่ 72/2 ถนนสามเสนซอย 4 แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพฯ
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า จากการตรวจค้นภายในห้องพักดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจพบหนังสือเดินทางของนายเมาริซิโอ สัญชาติอิตาลี เลขที่ 936966V ระบุว่า เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 ก.พ.52 นอกจากนี้ยังพบจดหมายภาษาอังกฤษ เขียนด้วยปากกาสีดำ ถึงนางวิมล แปลเป็นภาษาไทยว่า “เขียนที่กรุงเทพฯ วันที่ 21 ก.พ.52 ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง ฉันขอโทษสำหรับความไม่สะดวก พร้อมกับเซ็นชื่อในตอนท้ายของจดหมาย” รวมทั้งรูปถ่ายของ นายเมาริซิโอ ขณะใส่แว่นตาจำนวน 6 รูป มีตำหนิเป็นติ่งเนื้อบริเวณขมับซ้าย จำนวน 1 เม็ด ซึ่งตรงกันกับศีรษะที่พบอยู่บนสะพานพระราม 8 กางเกงในชายสีขาวยี่ห้อ new age จำนวน 1 ตัว กล่องไม้ขีดไฟยี่ห้อพญานาค 1 กล่อง ถุงเท้าสีขาว 9 คู่ ผ้าเช็ดหน้าจำนวน 7 ผืน บัตรประชาชนของนายเมาริซิโอ เลขที่ U18304003C หมู่เลือดกรุ๊ป AB ออก ณ เมืองเวโรนา เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2008 หมดอายุ 29 ก.ย.2013 พักอยู่ที่ VIA CANTARANE 14 เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี ใบอนุญาติขับขี่ โทรศัพท์มือถือระบบเอไอเอส หมายเลข 084-3836811 ยารักษาโรคต่างๆ จำนวน 8 แผง กับอีก 1 กล่อง เอกสารประวัติส่วนตัวที่จะใช้สมัครงานจำนวน 3 แฟ้ม นามบัตรของนายเมาริซิโอเป็นภาษาอังกฤษ ระบุอาชีพสถาปนิก เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล tosadori@in.com จำนวน 12 ใบ กระเป๋าชนิดต่างๆ 4 ใบ เสื้อผ้า 1 ถุง เอกสารรับเงินที่ส่งจากประเทศอิตาลีของไปรษณีย์สาขาบางลำพู เลขที่ 368865 เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 52 เวลา 10.26 น.จำนวน 1 แผ่น สมุดบันทึกสีแดงอีก 1 เล่ม รองเท้า ถุงมือเดินป่า เชือกปีนเขา ภาพสเกตช์ผู้หญิงเปลือยกาย เก้าอี้ อาคารทรงไทย และอื่นๆ จำนวนมาก จึงยึดหลักฐานทั้งหมดมาตรวจสอบจนแน่ใจว่า ชาวต่างชาติที่พักอยู่ในห้องเช่าของนางวิมล เป็นบุคคลเดียวกับที่พบศีรษะอยู่บนสะพานพระราม 8
" ผู้ตายได้เข้ามาพักฟรี กินฟรี กับนางวิมล กว่า 2 อาทิตย์ ก่อนเกิดเหตุนางวิมล ได้ขอร้องให้ผู้ตายย้ายออกไป เพราะจะเปิดห้องให้กับแขกคนอื่น ด้วยเหตุนี้เองอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียด รู้สึกผิด และไม่มีที่ไป จึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย โดยเขียนจดหมายขอโทษ และบอกลานางวิมล” พล.ต.อ.จงรักกล่าว
ด้านนางวิมล เปิดเผยว่า ให้นายเมาริซิโอ เข้าพักเพียงลำพังเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน และหายตัวไปเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 21 ก.พ. พยายามโทร.เข้าไปมือถือก็ไม่ติด ระหว่างที่ยังพักอาศัยอยู่เป็นคนสูบบุหรี่จัด น่าสงสาร ไม่มีเงิน และไม่สบายบ่อย ปกติจะเป็นคนตื่นเช้า และออกไปข้างนอกเพื่อหางานทำ ช่วงเย็นๆ ถึงจะกลับ เข้ามาหาข้าวกินเองที่ร้าน ส่วนจะไปมีเรื่องกับใครที่ไหนหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ แต่เขาเคยบ่นให้ฟังว่า อยากแต่งงาน มีครอบครัวมีลูก ตอนที่ตนเองพูดขอห้องคืนกับผู้ตาย แต่ผู้ตายบอกว่าขอเวลาอีกหน่อย แล้วก็หายตัวไป จนกระทั่งมาทราบจากตำรวจว่านายเมาริซิโอ เสียชีวิตแล้ว
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ผู้ตายมีอาชีพเป็นสถาปนิก เข้าออกประเทศไทยแล้วหลายครั้ง ล่าสุดเมื่อวันที่เข้ามาประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 ก.พ. จากประเทศกัมพูชา ในฐานะนักท่องเที่ยว ข้อมูลล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับผู้ตายพบว่า มีสาวประเภทสองได้โทรศัพท์เข้ามือถือของผู้ตาย จากการซักถามทราบว่า สาวประเภทสอง คนนี้รู้จักกับผู้ตายที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในถนนข้าวสาร โดยผู้ตายเคยชักชวนไปมีเพศสัมพันธ์กัน 2 ครั้ง แต่ก็ได้ปฏิเสธไป
อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้เจ้าของคดีไปขยายผลข้อมูลในส่วนนี้แล้ว หลังจากนี้ภายในระยะเวลา 30 วัน ถ้าไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าคดีนี้เป็นคดีฆาตกรรม พนักงานสอบสวนก็ต้องดำเนินการสรุปคดีไปตามความเห็นของแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช ที่ระบุว่าเป็นการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย อย่างไรก็ตาม หากมีผู้ใดพบเบาะแสว่าการตายของนายเมาริซิโอ เกิดจากการถูกฆาตกรรม ก็ขอความกรุณาให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที
วานนี้ (25 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ต.อดิศร งามจิตสุขศรี ผบก.ทท.และ นางวิมล หรือ ชัย ใจจง เจ้าของเกสต์เฮาส์ และร้านอาหารชัย เวเกสทาเรีย เรสเตอรองต์ ร่วมแถลงความคืบหน้าคดีพบศีรษะชาวต่างชาติแขวนคอตายอยู่ที่สะพานพระราม 8 ว่า หลังจากที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพบชายชาวอิตาลีที่มีหน้าตาลักษณะคล้ายกับผู้ตายชื่อ นายเกียตา จิโอวานี ซึ่งเดินทางเข้ามาในประเทศไทย และลงทะเบียนเข้าพักที่โรงแรมเร็กซ์ เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น จากการตรวจสอบไม่พบรายชื่อของบุคคลดังกล่าวเข้าพักตามที่ได้รับข้อมูลมา จึงได้แจกจ่ายภาพถ่ายของนายเกียตา ไปยังสื่อมวลชนและตามสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งย่านพัฒนพงษ์ พัทยา รวมทั้งถนนข้าวสาร จนกระทั่งกลางดึกวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบกับนางวิมล โดยนางวิมลยืนยันว่า บุคคลตามรูปถ่ายนั้นคือ นายเมาริซิโอ (MR.MAURIZIO TOSADORI) อายุ 54 ปี ชาวอิตาลี ซึ่งเข้าพักอาศัยอยู่ฟรีที่ห้องเช่า เลขที่ 4 ชั้น 2 ของนางวิมล ตั้งอยู่เลขที่ 72/2 ถนนสามเสนซอย 4 แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพฯ
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า จากการตรวจค้นภายในห้องพักดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจพบหนังสือเดินทางของนายเมาริซิโอ สัญชาติอิตาลี เลขที่ 936966V ระบุว่า เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 ก.พ.52 นอกจากนี้ยังพบจดหมายภาษาอังกฤษ เขียนด้วยปากกาสีดำ ถึงนางวิมล แปลเป็นภาษาไทยว่า “เขียนที่กรุงเทพฯ วันที่ 21 ก.พ.52 ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง ฉันขอโทษสำหรับความไม่สะดวก พร้อมกับเซ็นชื่อในตอนท้ายของจดหมาย” รวมทั้งรูปถ่ายของ นายเมาริซิโอ ขณะใส่แว่นตาจำนวน 6 รูป มีตำหนิเป็นติ่งเนื้อบริเวณขมับซ้าย จำนวน 1 เม็ด ซึ่งตรงกันกับศีรษะที่พบอยู่บนสะพานพระราม 8 กางเกงในชายสีขาวยี่ห้อ new age จำนวน 1 ตัว กล่องไม้ขีดไฟยี่ห้อพญานาค 1 กล่อง ถุงเท้าสีขาว 9 คู่ ผ้าเช็ดหน้าจำนวน 7 ผืน บัตรประชาชนของนายเมาริซิโอ เลขที่ U18304003C หมู่เลือดกรุ๊ป AB ออก ณ เมืองเวโรนา เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2008 หมดอายุ 29 ก.ย.2013 พักอยู่ที่ VIA CANTARANE 14 เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี ใบอนุญาติขับขี่ โทรศัพท์มือถือระบบเอไอเอส หมายเลข 084-3836811 ยารักษาโรคต่างๆ จำนวน 8 แผง กับอีก 1 กล่อง เอกสารประวัติส่วนตัวที่จะใช้สมัครงานจำนวน 3 แฟ้ม นามบัตรของนายเมาริซิโอเป็นภาษาอังกฤษ ระบุอาชีพสถาปนิก เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล tosadori@in.com จำนวน 12 ใบ กระเป๋าชนิดต่างๆ 4 ใบ เสื้อผ้า 1 ถุง เอกสารรับเงินที่ส่งจากประเทศอิตาลีของไปรษณีย์สาขาบางลำพู เลขที่ 368865 เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 52 เวลา 10.26 น.จำนวน 1 แผ่น สมุดบันทึกสีแดงอีก 1 เล่ม รองเท้า ถุงมือเดินป่า เชือกปีนเขา ภาพสเกตช์ผู้หญิงเปลือยกาย เก้าอี้ อาคารทรงไทย และอื่นๆ จำนวนมาก จึงยึดหลักฐานทั้งหมดมาตรวจสอบจนแน่ใจว่า ชาวต่างชาติที่พักอยู่ในห้องเช่าของนางวิมล เป็นบุคคลเดียวกับที่พบศีรษะอยู่บนสะพานพระราม 8
" ผู้ตายได้เข้ามาพักฟรี กินฟรี กับนางวิมล กว่า 2 อาทิตย์ ก่อนเกิดเหตุนางวิมล ได้ขอร้องให้ผู้ตายย้ายออกไป เพราะจะเปิดห้องให้กับแขกคนอื่น ด้วยเหตุนี้เองอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียด รู้สึกผิด และไม่มีที่ไป จึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย โดยเขียนจดหมายขอโทษ และบอกลานางวิมล” พล.ต.อ.จงรักกล่าว
ด้านนางวิมล เปิดเผยว่า ให้นายเมาริซิโอ เข้าพักเพียงลำพังเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน และหายตัวไปเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 21 ก.พ. พยายามโทร.เข้าไปมือถือก็ไม่ติด ระหว่างที่ยังพักอาศัยอยู่เป็นคนสูบบุหรี่จัด น่าสงสาร ไม่มีเงิน และไม่สบายบ่อย ปกติจะเป็นคนตื่นเช้า และออกไปข้างนอกเพื่อหางานทำ ช่วงเย็นๆ ถึงจะกลับ เข้ามาหาข้าวกินเองที่ร้าน ส่วนจะไปมีเรื่องกับใครที่ไหนหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ แต่เขาเคยบ่นให้ฟังว่า อยากแต่งงาน มีครอบครัวมีลูก ตอนที่ตนเองพูดขอห้องคืนกับผู้ตาย แต่ผู้ตายบอกว่าขอเวลาอีกหน่อย แล้วก็หายตัวไป จนกระทั่งมาทราบจากตำรวจว่านายเมาริซิโอ เสียชีวิตแล้ว
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ผู้ตายมีอาชีพเป็นสถาปนิก เข้าออกประเทศไทยแล้วหลายครั้ง ล่าสุดเมื่อวันที่เข้ามาประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 ก.พ. จากประเทศกัมพูชา ในฐานะนักท่องเที่ยว ข้อมูลล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับผู้ตายพบว่า มีสาวประเภทสองได้โทรศัพท์เข้ามือถือของผู้ตาย จากการซักถามทราบว่า สาวประเภทสอง คนนี้รู้จักกับผู้ตายที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในถนนข้าวสาร โดยผู้ตายเคยชักชวนไปมีเพศสัมพันธ์กัน 2 ครั้ง แต่ก็ได้ปฏิเสธไป
อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้เจ้าของคดีไปขยายผลข้อมูลในส่วนนี้แล้ว หลังจากนี้ภายในระยะเวลา 30 วัน ถ้าไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าคดีนี้เป็นคดีฆาตกรรม พนักงานสอบสวนก็ต้องดำเนินการสรุปคดีไปตามความเห็นของแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช ที่ระบุว่าเป็นการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย อย่างไรก็ตาม หากมีผู้ใดพบเบาะแสว่าการตายของนายเมาริซิโอ เกิดจากการถูกฆาตกรรม ก็ขอความกรุณาให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที