กระทรวงการท่องเที่ยวฯเสนอแผนฟื้นฟูท่องเที่ยวในอาเซียน ชู”อินเซนทีฟแพกเกจ” ให้สิทธิประโยชน์ร่วมกันของสมาชิก ด้านนิด้ามั่นใจศักยภาพไทยดันประชุมอาเซียนเทียบชั้นกลุ่มEU “โพลล์กรุงเทพ”ชี้ประชาชนคาดหวังผลสำเร็จ
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ภาคเอกชนและรัฐในกลุ่มประเทศอาเซียนได้จัดประชุมคณะทำงานการตลาดอาเซียน ระหว่างวันที่ 25-26 ก.พ.52 จุดประสงค์เพื่อร่วมทำงานด้านการวางแผนตลาดในระดับภูมิภาคอาเซียนร่วมกัน ซึ่งในที่ประชุมได้มีการนำเสนอการจัดทำอินเซนทีฟแพกเกจ เพื่อให้สิทธิประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวร่วมกัน
โดยเบื้องต้นฝ่ายไทยเสนอให้แต่ละประเทศในอาเซียนนำข้อมูลวันหยุด ในงานเทศกาลสำคัญของแต่ละประเทศมารวมกัน เพื่อจัดทำเป็นปฏิทินท่องเที่ยว แล้วนำปฏิทินนี้ไปประชาสัมพันธ์ในงานส่งเสริมการขายต่างๆ เช่น งานไอทีบี ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมันนี ซึ่งเป็นงานส่งเสริมการขายสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว เพื่อจะได้ในชาวต่างชาติมองเห็นถึงช่วงเทศกาลงานสำคัญๆของประเทศในภูมิภาคอาเซียนและสามารถวางแผนการเดินทางมาท่องเที่ยวได้ล่วงหน้า เช่น งานสงกรานต์ ลอยกระทง หรืองานอื่นๆของประเทศในอาเซียนที่น่าสนใจ เชื่อว่า ซึ่งจะทำให้การท่องเที่ยวของกลุ่มประเทศในอาเซียนดูน่าสนใจขึ้น
นอกจากปฎิทินท่องเที่ยวดังกล่าว จะต่อยอดไปถึงการขอความร่วมมือกับภาคเอกชนต่างในประเทศอาเซียน เช่น โรงแรม บริษัทนำเที่ยว ร้านค้าปลีก สายการบิน เป็นต้น มาร่วมกันจัดโปรโมชัน ลดแจกแถมร่วมกัน เพื่อส่งเสริมให้คนในภูมิภาคอาเซียนที่ถือพาสสปอร์ตอาเซียน ได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว นอกจากนั้น การจัดแคมเปญแบบรวมกลุ่มขนาดใหญ่ระดับภูมิภาคเช่นนี้ จะสามารถนำไปต่อยอดในการทำตลาดดึงนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่น เช่น ยุโรป อเมริกา แอฟฟริกา ตะวันออกกลาง ให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในอาเซียนได้เพิ่มขึ้นในยุควิกฤตเศรษฐกิจโลก
“ เรามั่นในว่า เมื่อกลุ่มอาเซียนได้รวมตัวกันจัดอินเซนทีฟแพกเกจโปรโมตการท่องเที่ยวร่วมกัน จะช่วยให้การทำตลาดดึงคนอาเซียนให้เดินทางท่องเที่ยวกันเองภายในภูมิภาคได้ง่ายขึ้น แทนที่จะเดินทางไปเที่ยวข้ามภูมิภาค”
อย่างไรก็ตาม การทำกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกันนี้ ถือเป็นการทำตลาดในรูปแบบโคแบรนดิ้ง เพื่อเป็นกลยุทธ์ในการออกไปบุกตลาดนอกภูมิภาคร่วมกัน โดยจะประเดิมที่งานไอทีบี ที่จะจัดขึ้นในต้นเดือนมีนาคมนี้ โดยนักท่องเที่ยวจะมองเห็นความคุ้มค่าหากตัดสินใจมาเที่ยวในอาเซียน เพราะสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้มากกว่าหนึ่งประเทศ
นางสาวศศิธารา กล่าวในตอนท้ายว่า การหารือครั้งนี้ประเทศไทยยังนำเสนอกิจกรรมส่งเสริมภายในประเทศของไทย โดยภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนออกงบประมาณค่าใช้จ่ายให้ เช่น โครงการส่งเสริมการเรียนรู้การท่องเที่ยวในกลุ่มเยาวชนและผู้สูงอายุ ที่รัฐบาลไทยอนุมัติงบให้ถึง 153 ล้านบาท ซึ่งจะกระตุ้นความต้องการทางการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นภายในประเทศ และในอนาคตอาจมีการจัดทริปเพื่อไปท่องเที่ยวยังประเทศในภูมิภาคอาเซียนด้วย
นิด้ามั่นใจไทยดันอาเซียนเทียบชั้น EU
ผศ.ปกรณ์ ปรียากร คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า กล่าวถึงการประชุมอาเซียน ซัมมิต ครั้งที่ 14 ว่า เป็นการแสดงบทบาทครั้งสำคัญที่สุดของประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน และการที่ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน จึงถือเป็น 2 แรงแข็งขัน ในการแสดงความเป็นผู้นำในอาเซียนและใช้ประเทศไทย เป็นจุดเชื่อมโยงความร่วมมือที่สำคัญของประเทศสมาชิก ให้รวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว เหมือนการรวมกลุ่มของสหภาพยุโรป(EU) ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
“ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์อย่างมาก ทั้งด้านการค้าและการลงทุน รวมถึงความมั่นใจในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนและเร่งฟื้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ไทยมีความได้เปรียบ”
ด้านรศ.มนตรี โสดติยานุรักษ์ รองคณบดีฝ่ายพัฒนาและวางแผนนิด้า กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ จะมีส่วนสำคัญในการวางกรอบทั้งเรื่องการค้า การลงทุน และแนวทางป้องกันและแก้ปัญหาการว่างงานที่เกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกัน สมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ กับประชากรอีกกว่า 550 ล้านคน จะกลายเป็นตลาดฐานเดียวกันและปี 52 คาดว่าจะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยประมาณ 2-3% ซึ่งมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก ส่วนประเทศไทยจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล ในฐานะคู่ค้าสำคัญของอาเซียนที่มีสัดส่วนการส่งออกกว่า 30%
กรุงเทพโพลล์ชี้ผลคาดหวังอาเซียนฟื้น ศก.
กรุงเทพโพลล์ ได้รายงานผลสำรวจเรื่อง “ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน” โดยเก็บข้อมูลจากทุกสาขาอาชีพในเขตกทม.รวมทั้งสิ้น 1,210 คน โดย 72.2% มีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบจะสามารถจัดประชุมให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และมีเพียง 27.8% ไม่เชื่อมั่น , ความคาดหวังต่อความสำเร็จในด้านต่างๆ จากการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม จากคะแนนเต็ม 10 พบว่า 6.92 คะแนน จะกระตุ้นการท่องเที่ยว 6.61 คะแนน เกิดความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างประเทศไทยกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน และ 6.22 คะแนน การฟื้นฟูภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นของประเทศไทยในสายตานานาชาติ เป็นต้น
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ภาคเอกชนและรัฐในกลุ่มประเทศอาเซียนได้จัดประชุมคณะทำงานการตลาดอาเซียน ระหว่างวันที่ 25-26 ก.พ.52 จุดประสงค์เพื่อร่วมทำงานด้านการวางแผนตลาดในระดับภูมิภาคอาเซียนร่วมกัน ซึ่งในที่ประชุมได้มีการนำเสนอการจัดทำอินเซนทีฟแพกเกจ เพื่อให้สิทธิประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวร่วมกัน
โดยเบื้องต้นฝ่ายไทยเสนอให้แต่ละประเทศในอาเซียนนำข้อมูลวันหยุด ในงานเทศกาลสำคัญของแต่ละประเทศมารวมกัน เพื่อจัดทำเป็นปฏิทินท่องเที่ยว แล้วนำปฏิทินนี้ไปประชาสัมพันธ์ในงานส่งเสริมการขายต่างๆ เช่น งานไอทีบี ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมันนี ซึ่งเป็นงานส่งเสริมการขายสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว เพื่อจะได้ในชาวต่างชาติมองเห็นถึงช่วงเทศกาลงานสำคัญๆของประเทศในภูมิภาคอาเซียนและสามารถวางแผนการเดินทางมาท่องเที่ยวได้ล่วงหน้า เช่น งานสงกรานต์ ลอยกระทง หรืองานอื่นๆของประเทศในอาเซียนที่น่าสนใจ เชื่อว่า ซึ่งจะทำให้การท่องเที่ยวของกลุ่มประเทศในอาเซียนดูน่าสนใจขึ้น
นอกจากปฎิทินท่องเที่ยวดังกล่าว จะต่อยอดไปถึงการขอความร่วมมือกับภาคเอกชนต่างในประเทศอาเซียน เช่น โรงแรม บริษัทนำเที่ยว ร้านค้าปลีก สายการบิน เป็นต้น มาร่วมกันจัดโปรโมชัน ลดแจกแถมร่วมกัน เพื่อส่งเสริมให้คนในภูมิภาคอาเซียนที่ถือพาสสปอร์ตอาเซียน ได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว นอกจากนั้น การจัดแคมเปญแบบรวมกลุ่มขนาดใหญ่ระดับภูมิภาคเช่นนี้ จะสามารถนำไปต่อยอดในการทำตลาดดึงนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่น เช่น ยุโรป อเมริกา แอฟฟริกา ตะวันออกกลาง ให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในอาเซียนได้เพิ่มขึ้นในยุควิกฤตเศรษฐกิจโลก
“ เรามั่นในว่า เมื่อกลุ่มอาเซียนได้รวมตัวกันจัดอินเซนทีฟแพกเกจโปรโมตการท่องเที่ยวร่วมกัน จะช่วยให้การทำตลาดดึงคนอาเซียนให้เดินทางท่องเที่ยวกันเองภายในภูมิภาคได้ง่ายขึ้น แทนที่จะเดินทางไปเที่ยวข้ามภูมิภาค”
อย่างไรก็ตาม การทำกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกันนี้ ถือเป็นการทำตลาดในรูปแบบโคแบรนดิ้ง เพื่อเป็นกลยุทธ์ในการออกไปบุกตลาดนอกภูมิภาคร่วมกัน โดยจะประเดิมที่งานไอทีบี ที่จะจัดขึ้นในต้นเดือนมีนาคมนี้ โดยนักท่องเที่ยวจะมองเห็นความคุ้มค่าหากตัดสินใจมาเที่ยวในอาเซียน เพราะสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้มากกว่าหนึ่งประเทศ
นางสาวศศิธารา กล่าวในตอนท้ายว่า การหารือครั้งนี้ประเทศไทยยังนำเสนอกิจกรรมส่งเสริมภายในประเทศของไทย โดยภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนออกงบประมาณค่าใช้จ่ายให้ เช่น โครงการส่งเสริมการเรียนรู้การท่องเที่ยวในกลุ่มเยาวชนและผู้สูงอายุ ที่รัฐบาลไทยอนุมัติงบให้ถึง 153 ล้านบาท ซึ่งจะกระตุ้นความต้องการทางการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นภายในประเทศ และในอนาคตอาจมีการจัดทริปเพื่อไปท่องเที่ยวยังประเทศในภูมิภาคอาเซียนด้วย
นิด้ามั่นใจไทยดันอาเซียนเทียบชั้น EU
ผศ.ปกรณ์ ปรียากร คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า กล่าวถึงการประชุมอาเซียน ซัมมิต ครั้งที่ 14 ว่า เป็นการแสดงบทบาทครั้งสำคัญที่สุดของประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน และการที่ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน จึงถือเป็น 2 แรงแข็งขัน ในการแสดงความเป็นผู้นำในอาเซียนและใช้ประเทศไทย เป็นจุดเชื่อมโยงความร่วมมือที่สำคัญของประเทศสมาชิก ให้รวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว เหมือนการรวมกลุ่มของสหภาพยุโรป(EU) ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
“ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์อย่างมาก ทั้งด้านการค้าและการลงทุน รวมถึงความมั่นใจในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนและเร่งฟื้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ไทยมีความได้เปรียบ”
ด้านรศ.มนตรี โสดติยานุรักษ์ รองคณบดีฝ่ายพัฒนาและวางแผนนิด้า กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ จะมีส่วนสำคัญในการวางกรอบทั้งเรื่องการค้า การลงทุน และแนวทางป้องกันและแก้ปัญหาการว่างงานที่เกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกัน สมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ กับประชากรอีกกว่า 550 ล้านคน จะกลายเป็นตลาดฐานเดียวกันและปี 52 คาดว่าจะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยประมาณ 2-3% ซึ่งมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก ส่วนประเทศไทยจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล ในฐานะคู่ค้าสำคัญของอาเซียนที่มีสัดส่วนการส่งออกกว่า 30%
กรุงเทพโพลล์ชี้ผลคาดหวังอาเซียนฟื้น ศก.
กรุงเทพโพลล์ ได้รายงานผลสำรวจเรื่อง “ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน” โดยเก็บข้อมูลจากทุกสาขาอาชีพในเขตกทม.รวมทั้งสิ้น 1,210 คน โดย 72.2% มีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบจะสามารถจัดประชุมให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และมีเพียง 27.8% ไม่เชื่อมั่น , ความคาดหวังต่อความสำเร็จในด้านต่างๆ จากการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม จากคะแนนเต็ม 10 พบว่า 6.92 คะแนน จะกระตุ้นการท่องเที่ยว 6.61 คะแนน เกิดความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างประเทศไทยกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน และ 6.22 คะแนน การฟื้นฟูภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นของประเทศไทยในสายตานานาชาติ เป็นต้น
