การอ่านนิตยสารและหนังสือพิมพ์ ช่วยปกป้องปัญหาความจำเสื่อมถอยในบั้นปลายชีวิต ขณะที่การนั่งๆ นอนๆ ดูทีวีให้ผลในทางตรงข้าม
นักวิจัยจากเมโย คลินิกในโรเชสเตอร์ สหรัฐฯ พบว่า คนที่อ่านหนังสือ หรือเกี่ยวข้องกับงานศิลปะหรืองานฝีมือ เล่นเกม และใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ มีแนวโน้มน้อยลงที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับความจำเมื่ออายุมาก
ในทางกลับกัน คนที่ชอบดูทีวีมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเป็นโรคสมองเสื่อม
การศึกษาหลายฉบับก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าการออกกำลังกายและกำลังสมองช่วยชะลอการมาเยือนของโรคอัลไซเมอร์
สำหรับการศึกษาล่าสุด นักวิจัยจากเมโย คลินิก ทำการเปรียบเทียบรูปแบบการใช้ชีวิตของกลุ่มตัวอย่างเกือบ 200 คน ที่อายุระหว่าง 70-89 ปี และเริ่มมีปัญหาความจำ กับกลุ่มตัวอย่างอีกกลุ่มจำนวน 1,124 คนที่ไม่มีสัญญาณการเสื่อมถอยของสมอง
ทั้งสองกลุ่มต้องตอบคำถามเกี่ยวกับกิจกรรมในชีวิตประจำวันในปีก่อนหน้าและในช่วงวัยกลางคน
นักวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่อ่านหนังสือและนิตยสาร เล่นเกม ใช้คอมพิวเตอร์ หรือทำงานฝีมือในช่วงอายุ 50-60 ต้นๆ มีแนวโน้มเป็นโรคสมองเสื่อมในช่วงบั้นปลายชีวิตน้อยลง 40%
ส่วนคนที่ดูทีวีวันละไม่ถึง 7 ชั่วโมงมีปัญหาความจำน้อยกว่าคนที่ติดทีวีงอมแงมกว่านั้นครึ่งหนึ่ง
ดร.โจนาส เกดา ผู้นำการวิจัย นำเสนอต่อที่ประชุมอเมริกัน อะคาเดมี ออฟ นิวโรโลจีในซีแอตเติลเมื่อกลางสัปดาห์ว่า ภาวะสูงวัยไม่ใช่กระบวนการที่ไร้การตอบโต้ แต่การออกกำลังสมองเพียงพอแล้วที่จะปกป้องการสูญเสียความจำในอนาคต
อย่างไรก็ดี ดร.เกดายอมรับว่า การวิจัยนี้อิงกับความทรงจำในอดีตของกลุ่มตัวอย่างอย่างมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อเคลือบแคลงได้ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องวิจัยเพิ่มเติมต่อไป
อนึ่ง ความสำคัญของกิจกรรมในสมองที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอ ช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรม ‘ฝึกสมอง’ ให้เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
นอกจากเกมปริศนา อักษรไขว้ และโซโดกุแล้ว ยังมีเครื่องเล่มเกมมือถือ เช่น นินเทนโด ดีเอส ที่แข่งกันชิงเงินจากกระเป๋าผู้สูงวัย
กระนั้น เมื่อต้นเดือนมีการวิจัยชิ้นหนึ่งจากสหรัฐฯ ที่ระบุว่า เกมคอมพิวเตอร์ฝึกสมองอาจไม่ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม ซ้ำกลับทำร้ายผู้ชราจากการแย่งชิงเวลาที่ควรใช้ในการออกกำลังกาย
งานศึกษาดังกล่าวซึ่งตีพิมพ์อยู่ในวารสารอัลไซเมอร์ แอนด์ ดีเมนเทีย ไม่พบหลักฐานยืนยันว่าการออกกำลังสมองด้วยเครื่องเล่นเกมคอมพิวเตอร์ชะลอการเปลี่ยนแปลงในสมองที่มาพร้อมภาวะสูงวัยแต่อย่างใด
นักวิจัยจากเมโย คลินิกในโรเชสเตอร์ สหรัฐฯ พบว่า คนที่อ่านหนังสือ หรือเกี่ยวข้องกับงานศิลปะหรืองานฝีมือ เล่นเกม และใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ มีแนวโน้มน้อยลงที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับความจำเมื่ออายุมาก
ในทางกลับกัน คนที่ชอบดูทีวีมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเป็นโรคสมองเสื่อม
การศึกษาหลายฉบับก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าการออกกำลังกายและกำลังสมองช่วยชะลอการมาเยือนของโรคอัลไซเมอร์
สำหรับการศึกษาล่าสุด นักวิจัยจากเมโย คลินิก ทำการเปรียบเทียบรูปแบบการใช้ชีวิตของกลุ่มตัวอย่างเกือบ 200 คน ที่อายุระหว่าง 70-89 ปี และเริ่มมีปัญหาความจำ กับกลุ่มตัวอย่างอีกกลุ่มจำนวน 1,124 คนที่ไม่มีสัญญาณการเสื่อมถอยของสมอง
ทั้งสองกลุ่มต้องตอบคำถามเกี่ยวกับกิจกรรมในชีวิตประจำวันในปีก่อนหน้าและในช่วงวัยกลางคน
นักวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่อ่านหนังสือและนิตยสาร เล่นเกม ใช้คอมพิวเตอร์ หรือทำงานฝีมือในช่วงอายุ 50-60 ต้นๆ มีแนวโน้มเป็นโรคสมองเสื่อมในช่วงบั้นปลายชีวิตน้อยลง 40%
ส่วนคนที่ดูทีวีวันละไม่ถึง 7 ชั่วโมงมีปัญหาความจำน้อยกว่าคนที่ติดทีวีงอมแงมกว่านั้นครึ่งหนึ่ง
ดร.โจนาส เกดา ผู้นำการวิจัย นำเสนอต่อที่ประชุมอเมริกัน อะคาเดมี ออฟ นิวโรโลจีในซีแอตเติลเมื่อกลางสัปดาห์ว่า ภาวะสูงวัยไม่ใช่กระบวนการที่ไร้การตอบโต้ แต่การออกกำลังสมองเพียงพอแล้วที่จะปกป้องการสูญเสียความจำในอนาคต
อย่างไรก็ดี ดร.เกดายอมรับว่า การวิจัยนี้อิงกับความทรงจำในอดีตของกลุ่มตัวอย่างอย่างมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อเคลือบแคลงได้ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องวิจัยเพิ่มเติมต่อไป
อนึ่ง ความสำคัญของกิจกรรมในสมองที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอ ช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรม ‘ฝึกสมอง’ ให้เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
นอกจากเกมปริศนา อักษรไขว้ และโซโดกุแล้ว ยังมีเครื่องเล่มเกมมือถือ เช่น นินเทนโด ดีเอส ที่แข่งกันชิงเงินจากกระเป๋าผู้สูงวัย
กระนั้น เมื่อต้นเดือนมีการวิจัยชิ้นหนึ่งจากสหรัฐฯ ที่ระบุว่า เกมคอมพิวเตอร์ฝึกสมองอาจไม่ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม ซ้ำกลับทำร้ายผู้ชราจากการแย่งชิงเวลาที่ควรใช้ในการออกกำลังกาย
งานศึกษาดังกล่าวซึ่งตีพิมพ์อยู่ในวารสารอัลไซเมอร์ แอนด์ ดีเมนเทีย ไม่พบหลักฐานยืนยันว่าการออกกำลังสมองด้วยเครื่องเล่นเกมคอมพิวเตอร์ชะลอการเปลี่ยนแปลงในสมองที่มาพร้อมภาวะสูงวัยแต่อย่างใด