ASTVผู้จดัการรายวัน - “แกรนด์ยูนิตี้ฯ” ธุรกิจอสังหาฯเครือข่ายตระกูล"สิริวัฒนภักดี" ไม่หวั่นพิษเศรษฐกิจ ทุ่มงบ 2,500 ล้านบาท ซื้อที่ดินเปล่า-อาคารสร้างค้างอย่างน้อย 3 โครงการ พัฒนาคอนโดฯเจาะกลุ่มมลูกค้าระดับกลาง ตั้งเป้าปี 52 ยอดขาย 1,500 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ 600 ล้านบาท แจงปัจจุบันมีสินค้าเหลือขายเกือบ 300 ยูนิต
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมแห่งใหม่อีกอย่างน้อย 3 โครงการ มูลค่าการลงทุนประมาณ 2,500 ล้านบาท แต่ละโครงการมีมูลค่าประมาณ 300-1,000 ล้านบาท โดยจะเป็นการซื้อที่ดินเปล่าและโครงการสร้างค้าง จับกลุ่มลูกค้าระดับกลางที่เริ่มสร้างครอบครัวใหม่ โดยจะตั้งอยู่ในทำเลที่การเดินทางสะดวกใกล้โครงข่ายระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ แต่ไม่ถึงกับติดสถานีรถไฟฟ้า เนื่องจากต้นทุนที่ดินสูงทำให้ต้องขายห้องชุดในราคาที่สูงตาม
ปัจจุบันในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทำให้ผู้ประกอบการมาขายโครงการหลายรายในราคาที่ลดกว่าช่วงก่อนหน้านี้พอสมควร ส่วนที่ดินเปล่าราคายังลดไม่มาก เนื่องจากเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่ไม่ได้เดือนร้อนเรื่องเงิน โดยข้อดีของการเข้าลงทุนในโครงการสร้างค้าง ช่วยพัฒนาโครงการได้รวดเร็วกว่าการพัฒนาโครงการใหม่ อีกทั้งยังมีราคาที่ต่ำกว่าการซื้อขายในภาวะปกติ แต่จะต้องมาปรับกลยุทธ์ด้านการตลาด และแก้ไขปัญหาเรื่องการเจรจาหนี้รวมทั้งแก้ปัญหาโครงการที่ยังไม่รับใบอนุญาตก่อสร้างและใบอนุญาตสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
"การเลือกซื้อที่ดินเปล่าแล้วสร้างโครงการใหม่ และการซื้อโครงการสร้างค้างนั้น อัตราผลกำไรจะแตกต่างที่การพัฒนาโครงการได้เร็ว เงินหมุนได้หลายรอบ เพราะหากโครงการสร้างค้างใช้เวลาในการพัฒนาช้าก็มีต้นทุนการดำเนินงานที่สูง แต่ซื้อที่ดินเปล่ามาพัฒนาโครงการได้เร็วก็จะมีกำไรมาก"
นายธนพล กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าเหลือขายประมาณ 270 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการยู ดีไลท์ แอท บางซื่อ สเตชั่น มียูนิตเหลือขายจำนวน 200 ยูนิต หรือ คิดเป็น30% จากทั้งหมด 622 ยูนิต โครงการยู สบาย พระราม 4 ยูนิตเหลือขาย 60-70 ยูนิต หรือ 50 % จากทั้งหมด 150 ยูนิต ซึ่งไม่ถือว่าขายได้ช้าลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เพราะยูนิตที่นำออกมาขายเป็นยูนิตใหญ่ เช่น ห้องขนาด 2 ห้องนอนในโครงการยู สบาย และเชื่อว่าจะสามารถปิดขายได้หมดภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทจำเป็นต้องมีโปรโมชันส่งเสริมการขายประเภทของแถมต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อมากขึ้น โดยโปรโมชันจะมีสองช่วงคือ ช่วงเปิดการขายและโปรโมชันในช่วงโอน อีกทั้ง มีการช่วยเหลือลูกค้าเรื่องการขอสินเชื่อโดยนำเจ้าหน้าที่ธนาคารมาแนะนำวิธีการขอกู้ รวมทั้งจัดโปรโมชันในลักษณะการกู้ร่วม เพื่อความคล่องตัวในการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ของธนาคาร
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมแห่งใหม่อีกอย่างน้อย 3 โครงการ มูลค่าการลงทุนประมาณ 2,500 ล้านบาท แต่ละโครงการมีมูลค่าประมาณ 300-1,000 ล้านบาท โดยจะเป็นการซื้อที่ดินเปล่าและโครงการสร้างค้าง จับกลุ่มลูกค้าระดับกลางที่เริ่มสร้างครอบครัวใหม่ โดยจะตั้งอยู่ในทำเลที่การเดินทางสะดวกใกล้โครงข่ายระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ แต่ไม่ถึงกับติดสถานีรถไฟฟ้า เนื่องจากต้นทุนที่ดินสูงทำให้ต้องขายห้องชุดในราคาที่สูงตาม
ปัจจุบันในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทำให้ผู้ประกอบการมาขายโครงการหลายรายในราคาที่ลดกว่าช่วงก่อนหน้านี้พอสมควร ส่วนที่ดินเปล่าราคายังลดไม่มาก เนื่องจากเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่ไม่ได้เดือนร้อนเรื่องเงิน โดยข้อดีของการเข้าลงทุนในโครงการสร้างค้าง ช่วยพัฒนาโครงการได้รวดเร็วกว่าการพัฒนาโครงการใหม่ อีกทั้งยังมีราคาที่ต่ำกว่าการซื้อขายในภาวะปกติ แต่จะต้องมาปรับกลยุทธ์ด้านการตลาด และแก้ไขปัญหาเรื่องการเจรจาหนี้รวมทั้งแก้ปัญหาโครงการที่ยังไม่รับใบอนุญาตก่อสร้างและใบอนุญาตสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
"การเลือกซื้อที่ดินเปล่าแล้วสร้างโครงการใหม่ และการซื้อโครงการสร้างค้างนั้น อัตราผลกำไรจะแตกต่างที่การพัฒนาโครงการได้เร็ว เงินหมุนได้หลายรอบ เพราะหากโครงการสร้างค้างใช้เวลาในการพัฒนาช้าก็มีต้นทุนการดำเนินงานที่สูง แต่ซื้อที่ดินเปล่ามาพัฒนาโครงการได้เร็วก็จะมีกำไรมาก"
นายธนพล กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าเหลือขายประมาณ 270 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการยู ดีไลท์ แอท บางซื่อ สเตชั่น มียูนิตเหลือขายจำนวน 200 ยูนิต หรือ คิดเป็น30% จากทั้งหมด 622 ยูนิต โครงการยู สบาย พระราม 4 ยูนิตเหลือขาย 60-70 ยูนิต หรือ 50 % จากทั้งหมด 150 ยูนิต ซึ่งไม่ถือว่าขายได้ช้าลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เพราะยูนิตที่นำออกมาขายเป็นยูนิตใหญ่ เช่น ห้องขนาด 2 ห้องนอนในโครงการยู สบาย และเชื่อว่าจะสามารถปิดขายได้หมดภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทจำเป็นต้องมีโปรโมชันส่งเสริมการขายประเภทของแถมต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อมากขึ้น โดยโปรโมชันจะมีสองช่วงคือ ช่วงเปิดการขายและโปรโมชันในช่วงโอน อีกทั้ง มีการช่วยเหลือลูกค้าเรื่องการขอสินเชื่อโดยนำเจ้าหน้าที่ธนาคารมาแนะนำวิธีการขอกู้ รวมทั้งจัดโปรโมชันในลักษณะการกู้ร่วม เพื่อความคล่องตัวในการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ของธนาคาร