รอยเตอร์ – วุฒิสมาชิกจัดด์ เกร็กจากพรรครีพับลิกัน ประกาศถอนตัวจากการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี(12) นับเป็นการถอยหลังครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่พยายามลบเลือนความแตกต่างระหว่างพรรคใหญ่ทั้งสอง ในระหว่างการต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
เกร็กกล่าวว่าเขาถอนตัวเพราะมีความแตกต่างในด้านนโยบาย “ที่ไม่สามารถแก้ไขได้” ระหว่างเขากับคณะรัฐบาลของโอบามา ซึ่งรวมถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 789,000 ล้านดอลลาร์ ที่กำลังรอให้สภาทั้งสองลงมติรับรองในขั้นสุดท้าย โดยคาดกันว่าน่าจะผ่านออกมาได้ในวันศุกร์(13)นี้
ทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์เพียงสั้น ๆว่าเสียใจที่เกร็กถอนตัวหลังจากที่เขาแสดงท่าทีว่าสนใจในตำแหน่งนี้
“เขาแสดงท่าทีอันชัดเจนยิ่งในช่วงกระบวนการสัมภาษณ์งาน ว่าแม้จะมีความไม่เห็นพ้องต้องกันทางด้านนโยบายในอดีต แต่เขาก็พร้อมที่จะสนับสนุน,ยอมรับ, และเดินหน้าไปพร้อม ๆกับแนวคิดของประธานาธิบดี” โฆษกทำเนียบขาว รอเบิร์ต กิบส์กล่าว
สามสัปดาห์หลังการสาบานตัวเข้ารับตำแหน่ง โอบามาซึ่งให้สัญญาไว้ว่าจะเร่งรีบทำงานรับมือกับวิกฤตทางเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปีคราวนี้ ก็กลับยังต้องหาคนมาลงในตำแหน่งรัฐมนตรีทั้ง 15 ที่นั่งให้ครบ กระทรวงพาณิชย์แม้จะไม่ใช่กระทรวงที่เป็นศูนย์กลางในการต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ก็เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทมากในการสนับสนุนธุรกิจของสหรัฐฯในทั่วโลก
เกร็กถือเป็นผู้ที่ได้รับเสนอชื่อเข้าเป็นรัฐมนตรีของโอบามาแล้วต้องประกาศถอนตัวเป็นคนที่สามแล้ว และก็เป็นคนที่สองในตำแหน่งรัฐมนตรีพาณิชย์ โดยว่าที่รัฐมนตรีพาณิชย์ของโอบามาคนแรกที่ถอนตัวไปก็คือผู้ว่าการมลรัฐเม็กซิโก บิลล์ ริชาร์ดสัน ผู้กำลังเผชิญการสอบสวนว่าอาจจะกระทำเรื่องผิดกฎหมายในฐานะผู้ว่าการมลรัฐ
อดีตวุฒิสมาชิกทอม แดชเชิล ซึ่งถูกวางตัวให้เป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข โดยที่จะต้องหัวหอกในการปฏิรูปอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพของประเทศนั้น ก็ได้ประกาศถอนตัวออกไป เพราะกรณีอื้อฉาวเรื่องไม่เสียภาษีรายได้บุคคลบางส่วน แล้วยังมีกรณีของผู้ได้รับเสนอชื่อขึ้นเป็นเจ้าหน้าที่ระดับรองลงมาในสำนักงานบริหารและการงบประมาณ ซึ่งก็ขอโบกมือลาด้วยเหตุผลอย่างเดียวกัน
นอกจากนั้น รัฐมนตรีคลังทิโมธี ไกธ์เนอร์ ก็ต้องเผชิญปัญหาระหว่างขั้นตอนการไต่สวนเพื่ออนุมัติรับรองของวุฒิสภา เนื่องจากมีการรายงานว่าเขาไม่ได้จ่ายภาษีอย่างถูกต้องครบถ้วน
สำหรับเกร็กซึ่งมองกันว่าเป็นพวกรีพับลิกันสายกลาง เขามีท่าทีเสียใจและออกสำเนียงขอโทษตอนที่แถลงข่าวการขอถอนตัว แต่เขาก็เน้นว่าความแตกต่างด้านนโยบายนั้นมีมากเกินกว่าที่เขาจะเข้าร่วมรัฐบาลของประธานาธิบดีโอบามาได้
เกร็กพบกับโอบาม่าเมื่อวันพุธ(11)ที่ผ่านมาเพื่อแจ้งว่าเขากำลังคิดดูใหม่ แต่ประธานาธิบดีบอกว่าเขาเพิ่งรู้การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของเกร็กหลังจากนั้นหนึ่งวัน
“เราหารือบ่อยในช่วงสองสามวันสุดท้าย” โอบามากล่าว “ผมไม่แน่ใจว่าตอนนั้นเขาตัดสินใจแล้วหรือยัง ผมคิดแค่ว่าเขาคงอาจจะลังเลเพราะต้องออกจากตำแหน่งวุฒิสมาชิก อันเป็นตำแหน่งที่เขาชอบและเป็นมานานแล้วด้วย”
การถอนตัวของเกร็ก อาจทำให้โอบามาต้องหันไปพิจารณาจอห์น ธอมป์สัน ผู้บริหารจากซิลิคอนแวลลีย์มาเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ พวกล็อบบี้ยิสต์หลายคนเชื่อว่าเขามีชื่ออยู่ในอันดับต้น ๆตั้งแต่ก่อนที่เกร็กจะเข้ามา
ธอมป์สันเป็นประธานและซีอีโอของซีแมนเทค คอร์ป บริษัทซอฟท์แวร์เพื่อความปลอดภัยและมั่นคงของระบบอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งบรรดาผู้บริโภครู้จักกันดีว่าเป็นผู้ผลิตซอฟท์แวร์ต้านไวรัส “นอร์ตัน”
อีกชื่อหนึ่งที่ถูกเอ่ยขึ้นก็คือ แฮโรลด์ ฟอร์ด อดีตส.ส.เดโมแครตจากมลรัฐเทนเนสซี ซึ่งเวลานี้ขึ้นดำรงตำแน่งเป็นประธานสภาคณะผู้นำของพรรคเดโมเครต
เกร็กกล่าวว่าเขาถอนตัวเพราะมีความแตกต่างในด้านนโยบาย “ที่ไม่สามารถแก้ไขได้” ระหว่างเขากับคณะรัฐบาลของโอบามา ซึ่งรวมถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 789,000 ล้านดอลลาร์ ที่กำลังรอให้สภาทั้งสองลงมติรับรองในขั้นสุดท้าย โดยคาดกันว่าน่าจะผ่านออกมาได้ในวันศุกร์(13)นี้
ทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์เพียงสั้น ๆว่าเสียใจที่เกร็กถอนตัวหลังจากที่เขาแสดงท่าทีว่าสนใจในตำแหน่งนี้
“เขาแสดงท่าทีอันชัดเจนยิ่งในช่วงกระบวนการสัมภาษณ์งาน ว่าแม้จะมีความไม่เห็นพ้องต้องกันทางด้านนโยบายในอดีต แต่เขาก็พร้อมที่จะสนับสนุน,ยอมรับ, และเดินหน้าไปพร้อม ๆกับแนวคิดของประธานาธิบดี” โฆษกทำเนียบขาว รอเบิร์ต กิบส์กล่าว
สามสัปดาห์หลังการสาบานตัวเข้ารับตำแหน่ง โอบามาซึ่งให้สัญญาไว้ว่าจะเร่งรีบทำงานรับมือกับวิกฤตทางเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปีคราวนี้ ก็กลับยังต้องหาคนมาลงในตำแหน่งรัฐมนตรีทั้ง 15 ที่นั่งให้ครบ กระทรวงพาณิชย์แม้จะไม่ใช่กระทรวงที่เป็นศูนย์กลางในการต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ก็เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทมากในการสนับสนุนธุรกิจของสหรัฐฯในทั่วโลก
เกร็กถือเป็นผู้ที่ได้รับเสนอชื่อเข้าเป็นรัฐมนตรีของโอบามาแล้วต้องประกาศถอนตัวเป็นคนที่สามแล้ว และก็เป็นคนที่สองในตำแหน่งรัฐมนตรีพาณิชย์ โดยว่าที่รัฐมนตรีพาณิชย์ของโอบามาคนแรกที่ถอนตัวไปก็คือผู้ว่าการมลรัฐเม็กซิโก บิลล์ ริชาร์ดสัน ผู้กำลังเผชิญการสอบสวนว่าอาจจะกระทำเรื่องผิดกฎหมายในฐานะผู้ว่าการมลรัฐ
อดีตวุฒิสมาชิกทอม แดชเชิล ซึ่งถูกวางตัวให้เป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข โดยที่จะต้องหัวหอกในการปฏิรูปอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพของประเทศนั้น ก็ได้ประกาศถอนตัวออกไป เพราะกรณีอื้อฉาวเรื่องไม่เสียภาษีรายได้บุคคลบางส่วน แล้วยังมีกรณีของผู้ได้รับเสนอชื่อขึ้นเป็นเจ้าหน้าที่ระดับรองลงมาในสำนักงานบริหารและการงบประมาณ ซึ่งก็ขอโบกมือลาด้วยเหตุผลอย่างเดียวกัน
นอกจากนั้น รัฐมนตรีคลังทิโมธี ไกธ์เนอร์ ก็ต้องเผชิญปัญหาระหว่างขั้นตอนการไต่สวนเพื่ออนุมัติรับรองของวุฒิสภา เนื่องจากมีการรายงานว่าเขาไม่ได้จ่ายภาษีอย่างถูกต้องครบถ้วน
สำหรับเกร็กซึ่งมองกันว่าเป็นพวกรีพับลิกันสายกลาง เขามีท่าทีเสียใจและออกสำเนียงขอโทษตอนที่แถลงข่าวการขอถอนตัว แต่เขาก็เน้นว่าความแตกต่างด้านนโยบายนั้นมีมากเกินกว่าที่เขาจะเข้าร่วมรัฐบาลของประธานาธิบดีโอบามาได้
เกร็กพบกับโอบาม่าเมื่อวันพุธ(11)ที่ผ่านมาเพื่อแจ้งว่าเขากำลังคิดดูใหม่ แต่ประธานาธิบดีบอกว่าเขาเพิ่งรู้การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของเกร็กหลังจากนั้นหนึ่งวัน
“เราหารือบ่อยในช่วงสองสามวันสุดท้าย” โอบามากล่าว “ผมไม่แน่ใจว่าตอนนั้นเขาตัดสินใจแล้วหรือยัง ผมคิดแค่ว่าเขาคงอาจจะลังเลเพราะต้องออกจากตำแหน่งวุฒิสมาชิก อันเป็นตำแหน่งที่เขาชอบและเป็นมานานแล้วด้วย”
การถอนตัวของเกร็ก อาจทำให้โอบามาต้องหันไปพิจารณาจอห์น ธอมป์สัน ผู้บริหารจากซิลิคอนแวลลีย์มาเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ พวกล็อบบี้ยิสต์หลายคนเชื่อว่าเขามีชื่ออยู่ในอันดับต้น ๆตั้งแต่ก่อนที่เกร็กจะเข้ามา
ธอมป์สันเป็นประธานและซีอีโอของซีแมนเทค คอร์ป บริษัทซอฟท์แวร์เพื่อความปลอดภัยและมั่นคงของระบบอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งบรรดาผู้บริโภครู้จักกันดีว่าเป็นผู้ผลิตซอฟท์แวร์ต้านไวรัส “นอร์ตัน”
อีกชื่อหนึ่งที่ถูกเอ่ยขึ้นก็คือ แฮโรลด์ ฟอร์ด อดีตส.ส.เดโมแครตจากมลรัฐเทนเนสซี ซึ่งเวลานี้ขึ้นดำรงตำแน่งเป็นประธานสภาคณะผู้นำของพรรคเดโมเครต