"ชดานินทร์" รุกธุรกิจค้าปลีก ประเดิมทุ่ม 180 ล้านบาท ผุด "เออร์เบิน สแควร์ แอด ประชาชื่น" เจาะตลาดกำลังซื้อสูงย่านประชาชื่น ไร้คู่แข่งในรัศมีใกล้เคียง เล็งพัฒนาศูนย์เอ็ดดูเคชั่นเซ็นเตอร์อีกที่ประชาชื่น
นางสาวชาตยา ชูพจน์เจริญ กรรมการ และนางสาวนีรดา ชูพจน์เจริญ กรรมการบริหาร บริษัท ชดานินทร์ จำกัด ร่วมกันเปิดเผยว่า บริษัทฯได้รุกเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกอย่างเต็มตัว ด้วยการพัฒนาโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ซึ่งเป็นเซ็กเม้นท์ที่มีการเติบโตอย่างดีในเวลานี้
โดยบริษัทฯใช้งบลงทุนรวม 180 ล้านบาท ทั้งค่าที่ดินที่ซื้อมาและค่าก่อสร้าง เปิดตัว "เออร์เบิน สแควร์ แอด ประชาชื่น" บนพื้นที่รวม 3.5 ไร่ บนถนนประชาชื่น ระหว่างซอยชินเขต 3 กับซอยท่าทราย 1 เลียบคลองประปา เป็นอาคารสูง 2 ชั้น รูปแบบสตริปมอลล์ แบ่งเป็นพื้นที่ขายประมาณ 1,500 ตารางเมตร พื้นที่ส่วนกลาง 1,000 ตารางเมตร และพื้นที่จอดรถ และอื่นๆรวม 3,000 ตารางเมตร รวมจอดรถได้กว่า 100 คัน
ปัจจุบันบริษัทฯได้ปิดการขายพื้นที่แล้ว 100% จากจำนวนทั้งหมด กว่า 40 ยูนิต มีร้านค้ารวมกว่า 25 ราย เช่น ร้านอาหารไฮติม ร้านทูซิท ร้านจอมยุทธ์ติ่มซำ ร้านกาแฟวาวี ร้านอาหารไอตำ ร้านหน้าบ้าน ศิริชัยมิลค์ เป็นต้น และยังมีแบงก์กสิกรไทย ร้านแฟชั่น ร้านเสริมสวย คลินิคความงาม ร้านหนังสือ โดยในช่วงโปรโมชั่นเปิดตัวโครงการคิดค่าเช่าที่ 500 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ขณะนี้เปิดบริการแล้วกว่า 80% และจะเปิดโครงการเป็นทางการในปลายเดือนมีนาคมนี้
"บริษัทฯมองทำเลย่านนี้ว่ามีศักยภาพอย่างมาก คนที่นี่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง ในรัศมีประมาณ 500 เมตรรอบโครงการมีผู้คนเดินมากกว่า 45,000 คนต่อวัน ขณะที่ในรัศมีการบริการ 5 กิโลเมตร มีหมู่บ้านระดับบนมากกว่า 30 โครงการ รวมมากกว่า 50,000 ครัวเรือน รวมทั้งมีนักศึกษาและอาจารย์มากกว่า 30,000 คน ยังไม่นับรวมคนทำงานบริษัทในละแวกนั้นอีกมาก เช่น นอร์ทปาร์ค" นางสาวชาตยากล่าว
อีกทั้งในย่านดังกล่าวนี้ยังไม่มีโครงการประเภทคอมมูนิตี้มอลล์เปิดให้บริการแต่อย่างใดจะมีก็แต่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ที่อยู่บนถนนงามวงศ์วานและเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ซึ่งก็ไกลออกไป และเป็นคนละคอนเซปท์ เพราะเราเจาะกลุ่มลูกค้าทั้งที่เป็นครอบครัว คนทำงาน คนที่มีไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ ชื่นชอบบรรยากาศร่มรื่น การออกแบบของโครงการเรา เน้นความโดดเด่น ตัวอาคารโปร่ง มีพื้นที่ใช้สอยส่วนกลางมากกว่าครึ่งหนึ่ง และยังมีลานพิเศษเตรียมจัดงานอีเวนต์ต่างๆที่เราจะมีต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ประมาณ 3 ราย เพื่อให้เข้ามาเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตในโครงการ คาดว่าจะสามารถสรุปการเจรจาได้ในเร็วๆนี้ โดยมีพื้นที่ประมาณ 300 ตารางเมตรไว้รองรับแล้ว
สำหรับโครงการนี้ในเบื้องต้นที่เริ่มก่อสร้างโครงการเมื่อต้นปีที่แล้ว บริษัทฯคาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ประมาณ 5 ปี แต่เนื่องจากต้นทุนก่อสร้างได้เพิ่มขึ้นกว่า 20% ทำให้คาดว่าอาจจะต้องเลื่อนระยะเวลาคืนทุนออกไปเป็น 7 ปี
นางสาวนีรดากล่าวว่า สำหรับโครงการคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะลงทุนเนื่องจากต้องการพัฒนาสาขาแรกนี้ให้ติดตลาดและประสบความสำเร็จก่อน อีกทั้งสภาพเศรษฐกิจเวลานี้ก็ยังไม่ค่อยจะดีมากนัก แต่ในอนาคตมีโครงการพัฒนาแน่หากได้ทำเลที่ดีและมีศักยภาพ
นอกจากนั้นแล้วบริษัทฯยังมีแผนที่จะพัฒนาโครงการในลักษณะเอ็ดดูเคชั่นเซ็นเตอร์ด้วย ในบริเวณใกล้เคียงกันบนถนนประชาชื่น ซึ่งเดิมเป็นโครงการ เออร์บานา พูล แอนด์ สปอร์ตคลับของบริษัทเอง เปิดมา 2 ปีแล้ว แต่ขณะนี้ได้ทำการซื้อตึกทั้งหมด สูง 5 ชั้น ซึ่งเดิมบริษัทฯใช้เพียงชั้นล่างเท่านั้น โดยหลังจากซื้อมาแล้วมีพื้นที่รวมมากกว่า 1,000 ตารางเมตร อยู่ระหว่างการเตรียมงาน ซึ่งจะเปิดให้เป็นศูนย์กลางโรงเรียนกวดวิชาและเสริมทักษะ เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นครอบครัว คาดว่าอีกประมาณ 2-3 ปีจะเป็นรูปเป็นร่างได้
นางชาตยา กล่าวว่า บริษัทฯยังมีที่ดินอีกหลายแปลงทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ส่วนการที่จะนำที่ดินแปลงใดมาพัฒนาเป็นโครงการลักษณะใดนั้นขึ้นอยู่กับโอกาส ทำเล และสถานการณ์ในเวลานั้นประกอบกัน ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯเป็นเจ้าของ 33เรสซิเดนส์คอนโดมิเนียมที่สุขุมวิท 33 และยังเป็นเจ้าของห้องในคอนโดหลายแห่งเพื่อปล่อยให้เช่าอีกด้วย
นางสาวชาตยา ชูพจน์เจริญ กรรมการ และนางสาวนีรดา ชูพจน์เจริญ กรรมการบริหาร บริษัท ชดานินทร์ จำกัด ร่วมกันเปิดเผยว่า บริษัทฯได้รุกเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกอย่างเต็มตัว ด้วยการพัฒนาโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ซึ่งเป็นเซ็กเม้นท์ที่มีการเติบโตอย่างดีในเวลานี้
โดยบริษัทฯใช้งบลงทุนรวม 180 ล้านบาท ทั้งค่าที่ดินที่ซื้อมาและค่าก่อสร้าง เปิดตัว "เออร์เบิน สแควร์ แอด ประชาชื่น" บนพื้นที่รวม 3.5 ไร่ บนถนนประชาชื่น ระหว่างซอยชินเขต 3 กับซอยท่าทราย 1 เลียบคลองประปา เป็นอาคารสูง 2 ชั้น รูปแบบสตริปมอลล์ แบ่งเป็นพื้นที่ขายประมาณ 1,500 ตารางเมตร พื้นที่ส่วนกลาง 1,000 ตารางเมตร และพื้นที่จอดรถ และอื่นๆรวม 3,000 ตารางเมตร รวมจอดรถได้กว่า 100 คัน
ปัจจุบันบริษัทฯได้ปิดการขายพื้นที่แล้ว 100% จากจำนวนทั้งหมด กว่า 40 ยูนิต มีร้านค้ารวมกว่า 25 ราย เช่น ร้านอาหารไฮติม ร้านทูซิท ร้านจอมยุทธ์ติ่มซำ ร้านกาแฟวาวี ร้านอาหารไอตำ ร้านหน้าบ้าน ศิริชัยมิลค์ เป็นต้น และยังมีแบงก์กสิกรไทย ร้านแฟชั่น ร้านเสริมสวย คลินิคความงาม ร้านหนังสือ โดยในช่วงโปรโมชั่นเปิดตัวโครงการคิดค่าเช่าที่ 500 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ขณะนี้เปิดบริการแล้วกว่า 80% และจะเปิดโครงการเป็นทางการในปลายเดือนมีนาคมนี้
"บริษัทฯมองทำเลย่านนี้ว่ามีศักยภาพอย่างมาก คนที่นี่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง ในรัศมีประมาณ 500 เมตรรอบโครงการมีผู้คนเดินมากกว่า 45,000 คนต่อวัน ขณะที่ในรัศมีการบริการ 5 กิโลเมตร มีหมู่บ้านระดับบนมากกว่า 30 โครงการ รวมมากกว่า 50,000 ครัวเรือน รวมทั้งมีนักศึกษาและอาจารย์มากกว่า 30,000 คน ยังไม่นับรวมคนทำงานบริษัทในละแวกนั้นอีกมาก เช่น นอร์ทปาร์ค" นางสาวชาตยากล่าว
อีกทั้งในย่านดังกล่าวนี้ยังไม่มีโครงการประเภทคอมมูนิตี้มอลล์เปิดให้บริการแต่อย่างใดจะมีก็แต่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ที่อยู่บนถนนงามวงศ์วานและเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ซึ่งก็ไกลออกไป และเป็นคนละคอนเซปท์ เพราะเราเจาะกลุ่มลูกค้าทั้งที่เป็นครอบครัว คนทำงาน คนที่มีไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ ชื่นชอบบรรยากาศร่มรื่น การออกแบบของโครงการเรา เน้นความโดดเด่น ตัวอาคารโปร่ง มีพื้นที่ใช้สอยส่วนกลางมากกว่าครึ่งหนึ่ง และยังมีลานพิเศษเตรียมจัดงานอีเวนต์ต่างๆที่เราจะมีต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ประมาณ 3 ราย เพื่อให้เข้ามาเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตในโครงการ คาดว่าจะสามารถสรุปการเจรจาได้ในเร็วๆนี้ โดยมีพื้นที่ประมาณ 300 ตารางเมตรไว้รองรับแล้ว
สำหรับโครงการนี้ในเบื้องต้นที่เริ่มก่อสร้างโครงการเมื่อต้นปีที่แล้ว บริษัทฯคาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ประมาณ 5 ปี แต่เนื่องจากต้นทุนก่อสร้างได้เพิ่มขึ้นกว่า 20% ทำให้คาดว่าอาจจะต้องเลื่อนระยะเวลาคืนทุนออกไปเป็น 7 ปี
นางสาวนีรดากล่าวว่า สำหรับโครงการคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะลงทุนเนื่องจากต้องการพัฒนาสาขาแรกนี้ให้ติดตลาดและประสบความสำเร็จก่อน อีกทั้งสภาพเศรษฐกิจเวลานี้ก็ยังไม่ค่อยจะดีมากนัก แต่ในอนาคตมีโครงการพัฒนาแน่หากได้ทำเลที่ดีและมีศักยภาพ
นอกจากนั้นแล้วบริษัทฯยังมีแผนที่จะพัฒนาโครงการในลักษณะเอ็ดดูเคชั่นเซ็นเตอร์ด้วย ในบริเวณใกล้เคียงกันบนถนนประชาชื่น ซึ่งเดิมเป็นโครงการ เออร์บานา พูล แอนด์ สปอร์ตคลับของบริษัทเอง เปิดมา 2 ปีแล้ว แต่ขณะนี้ได้ทำการซื้อตึกทั้งหมด สูง 5 ชั้น ซึ่งเดิมบริษัทฯใช้เพียงชั้นล่างเท่านั้น โดยหลังจากซื้อมาแล้วมีพื้นที่รวมมากกว่า 1,000 ตารางเมตร อยู่ระหว่างการเตรียมงาน ซึ่งจะเปิดให้เป็นศูนย์กลางโรงเรียนกวดวิชาและเสริมทักษะ เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นครอบครัว คาดว่าอีกประมาณ 2-3 ปีจะเป็นรูปเป็นร่างได้
นางชาตยา กล่าวว่า บริษัทฯยังมีที่ดินอีกหลายแปลงทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ส่วนการที่จะนำที่ดินแปลงใดมาพัฒนาเป็นโครงการลักษณะใดนั้นขึ้นอยู่กับโอกาส ทำเล และสถานการณ์ในเวลานั้นประกอบกัน ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯเป็นเจ้าของ 33เรสซิเดนส์คอนโดมิเนียมที่สุขุมวิท 33 และยังเป็นเจ้าของห้องในคอนโดหลายแห่งเพื่อปล่อยให้เช่าอีกด้วย