ASTVผู้จัดการรายวัน – กลุ่มไมเนอร์กรุ๊ป ใช้แบรนด์อนันตราเป็นธงนำประกาศรับบริหารมากกว่าลงทุนเอง ปีนี้เดินหน้าเปิด 4 แห่ง ทั้งในและต่างประเทศ เหตุธุรกิจรับบริหารจัดการโรงแรมไม่ระคายพิษเศรษฐกิจ คอร์ทยาร์ด มองโลกแง่บวกเชื่อทุกอย่างจะฟื้นตัวเร็วๆ ประกาศเดินหน้าต่อ ลุยเปิดเพิ่ม 200 แห่งใน 3 ปี เน้นรับบริหารจัดการ
นายคิลลิป ราจาคาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ ไมเนอร์ โฮเทล รีสอร์ท แอนด์ สปา กล่าวว่า สำหรับธุรกิจโรงแรม นับจากนี้ไป บริษัทจะมุ่งขยายงานในส่วนของการรับบริหารจัดการ มากกว่าการลงทุนเป็นเจ้าของโรงแรมเอง โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ ซึ่งแบรนด์ที่ลูกค้าสนใจคือ”อนันตรา” เพราะเป็นบูติกรีสอร์ทที่มีความโดดเด่นเป็นที่ต้องการของลูกค้านักท่องเที่ยว โดยสัดส่วน 30%จะลงทุนเอง ส่วนอีก 70% จะรับบริหารจัดการ
“เราสร้างแบรนด์อนันตรา จนเป็นที่ยอมรับในตลาดแล้ว จากนี้ไปก็จะใช้แบรนด์นี้ในการขยายธุรกิจด้วยการรับบริหารจัดการมากกว่าการลงทุนเอง”
สำหรับปีนี้ เตรียมเปิดอนันตราเพิ่มอีก 4 แห่ง ในกรุงเทพ อาบูดาบี และ มัลดีฟ ส่วนอีก 1 แห่งอยู่ระหว่างการเจรจา ยอมรับว่าการเมืองไทยมีผลกระทบต่อการจองของพักในโรงแรมของบริษัทที่อยู่ในประเทศไทย ทำให้อัตราเข้าพักลดลงไปราว 10% จากปกติอัตราเข้าพักช่วงนี้เฉลี่ยที่ 80-85% ขณะที่ยอดจองล่วงหน้าอยู่ที่ 50-60% ลดจากปีก่อนเล็กน้อย
นายไบรอัน เจ คิง รองประธานและผู้จัดการแบรนด์ กลุ่มโรงแรมคอร์ทยาร์ด โดย แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า ในวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ยังถือเป็นโอกาสที่คอร์ทยาร์ดจะได้ขยายฐานลูกค้า ทั้งนี้เพราะ คอร์ทยาร์ดเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ที่มีจุดขายเรื่องการบริการ เหมาะสำหรับกลุ่มนักธุรกิจที่ต้องการมาพักเพื่อท่องเที่ยวหรือติดต่อธุรกิจ ดังนั้นจากการที่นักท่องเที่ยวและบริษัทห้างร้าน มีการปรับลดงบประมาณที่จะใช้เพื่อการเดินทางประชุม ติดต่อธุรกิจหรือท่องเที่ยว ก็ต้องมองหาโรงแรมที่มีความพร้อมเรื่องการบริการ ซึ่ง คอร์ทยาร์ดตอบโจทย์ได้ทั้งหมด
สำหรับแผนธุรกิจในอีก 3 ปีนับจากนี้ คอร์ทยาร์ดจะเปิดโรงแรมเพิ่มอีก 200 แห่งทั่วโลก ซึ่งจะมีในส่วนของประเทศไทยมากกว่า 10 แห่ง ปัจจุบันคอร์ทยาร์ดมีโรงแรมอยู่แล้ว 800 แห่งทั่วโลก สำหรับประเทศมี 5 แห่ง ในกรุงเทพฯ ชะอำ และภูเก็ต โดยเกือบทั้งหมดของคอร์ทยาร์ดเป็นการเข้าไปรับบริหารจัดการ มีลงทุนเองเป็นส่วนน้อย
**เปิดแคมเปญดึงลูกค้า**
ล่าสุดคอร์ทยาร์ดได้เปิด บริการและแคมเปญใหม่ กล่าวคือ บริการระบบค้นหาข้อมูลที่เรียกว่า GoBoard จะช่วยสืบค้นข้อมูลต่างๆ เช่น ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว สภาพอากาศ รวมถึงข้อมูลของประเทศนั้นๆ เพื่อให้ความสะดวกแก่แขกผู้เข้าพัก ส่วนแคมเปญได้ออกโปรโมชั่น Kids Eat Free แพกเกจ ซึ่งอยู่ภายใต้โปรแกรม Kidsworld โดยแพกเกจนี้เริ่มที่คอร์ทยาร์ด หัวหิน และภูเก็ตที่หาดสุรินทร์ หาดกมลาและหาดป่าตอง ซึ่งจะช่วยผ่อนภาระการดูแลลูกให้แก่ลูกค้าที่เดินทางเป็นครอบครัว โดยเด็กจะมีที่เล่น ของขวัญและอาหารฟรี ขณะที่พ่อแม่สามารถไปทำกิจกรรมหรือธุรกิจอื่นๆได้
ทางด้านนายเจฟ การ์ไซด์ รองประธานฝ่ายบริหาร แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกและออสเตรเลีย เจ้าของแบรนด์ คอร์ทยาร์ด กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจไม่ได้มีผลกระทบต่อการขยายธุรกิจของคอร์ทยาร์ด เพราะเราเป็นผู้รับบริหารจัดการ ยิ่งการแข่งขันสูง เชื่อว่า ผู้ประกอบการเจ้าของโรงแรม ยิ่งต้องเลือกแบรนด์ที่แข็งแกร่งมีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งคอร์ทยาร์ดมีสมาชิกอยู่กว่า 30 ล้านคนทั่วโลก กว่า 90% เป็นนักธุรกิจ สิ่งที่เป็นจุดขายสำคัญคือความคุ้มค่าเงินของลูกค้า เพราะได้ทั้งบริการและคะแนนสะสมเพื่อนำกลับมาแลกเป็นห้องพักฟรี
“เราใช้วิธีมองไกลว่าเศรษฐกิจจะต้องฟื้นขึ้นมา ตัวอย่างเช่นประเทศไทย เมื่อเดือนธันวาคมปีก่อนที่ท่องเที่ยวตกลงไปเยอะ ตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ และในส่วนของประเทศไทยนี้ถือเป็นเดสติเนชั่นยอดนิยมของต่างชาติ เพราะการต้อนรับที่ดีมีมิตรไมตรี ดังนั้นทุกครั้งที่เกิดเหตุขึ้นกับประเทศไทย ก็จะฟื้นกลับมาได้รวดเร็ว และเรายังใช้คอร์ทยาร์ดประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทดลอง ทั้งเรื่องการบริการ การตกแต่ง เพื่อเป็นต้นแบบไปปรับใช้กับคอร์ทยาร์ดในอเมริกาและประเทศอื่นๆทั่วโลก” นายการ์ไซด์ กล่าว
**
นายคิลลิป ราจาคาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ ไมเนอร์ โฮเทล รีสอร์ท แอนด์ สปา กล่าวว่า สำหรับธุรกิจโรงแรม นับจากนี้ไป บริษัทจะมุ่งขยายงานในส่วนของการรับบริหารจัดการ มากกว่าการลงทุนเป็นเจ้าของโรงแรมเอง โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ ซึ่งแบรนด์ที่ลูกค้าสนใจคือ”อนันตรา” เพราะเป็นบูติกรีสอร์ทที่มีความโดดเด่นเป็นที่ต้องการของลูกค้านักท่องเที่ยว โดยสัดส่วน 30%จะลงทุนเอง ส่วนอีก 70% จะรับบริหารจัดการ
“เราสร้างแบรนด์อนันตรา จนเป็นที่ยอมรับในตลาดแล้ว จากนี้ไปก็จะใช้แบรนด์นี้ในการขยายธุรกิจด้วยการรับบริหารจัดการมากกว่าการลงทุนเอง”
สำหรับปีนี้ เตรียมเปิดอนันตราเพิ่มอีก 4 แห่ง ในกรุงเทพ อาบูดาบี และ มัลดีฟ ส่วนอีก 1 แห่งอยู่ระหว่างการเจรจา ยอมรับว่าการเมืองไทยมีผลกระทบต่อการจองของพักในโรงแรมของบริษัทที่อยู่ในประเทศไทย ทำให้อัตราเข้าพักลดลงไปราว 10% จากปกติอัตราเข้าพักช่วงนี้เฉลี่ยที่ 80-85% ขณะที่ยอดจองล่วงหน้าอยู่ที่ 50-60% ลดจากปีก่อนเล็กน้อย
นายไบรอัน เจ คิง รองประธานและผู้จัดการแบรนด์ กลุ่มโรงแรมคอร์ทยาร์ด โดย แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า ในวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ยังถือเป็นโอกาสที่คอร์ทยาร์ดจะได้ขยายฐานลูกค้า ทั้งนี้เพราะ คอร์ทยาร์ดเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ที่มีจุดขายเรื่องการบริการ เหมาะสำหรับกลุ่มนักธุรกิจที่ต้องการมาพักเพื่อท่องเที่ยวหรือติดต่อธุรกิจ ดังนั้นจากการที่นักท่องเที่ยวและบริษัทห้างร้าน มีการปรับลดงบประมาณที่จะใช้เพื่อการเดินทางประชุม ติดต่อธุรกิจหรือท่องเที่ยว ก็ต้องมองหาโรงแรมที่มีความพร้อมเรื่องการบริการ ซึ่ง คอร์ทยาร์ดตอบโจทย์ได้ทั้งหมด
สำหรับแผนธุรกิจในอีก 3 ปีนับจากนี้ คอร์ทยาร์ดจะเปิดโรงแรมเพิ่มอีก 200 แห่งทั่วโลก ซึ่งจะมีในส่วนของประเทศไทยมากกว่า 10 แห่ง ปัจจุบันคอร์ทยาร์ดมีโรงแรมอยู่แล้ว 800 แห่งทั่วโลก สำหรับประเทศมี 5 แห่ง ในกรุงเทพฯ ชะอำ และภูเก็ต โดยเกือบทั้งหมดของคอร์ทยาร์ดเป็นการเข้าไปรับบริหารจัดการ มีลงทุนเองเป็นส่วนน้อย
**เปิดแคมเปญดึงลูกค้า**
ล่าสุดคอร์ทยาร์ดได้เปิด บริการและแคมเปญใหม่ กล่าวคือ บริการระบบค้นหาข้อมูลที่เรียกว่า GoBoard จะช่วยสืบค้นข้อมูลต่างๆ เช่น ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว สภาพอากาศ รวมถึงข้อมูลของประเทศนั้นๆ เพื่อให้ความสะดวกแก่แขกผู้เข้าพัก ส่วนแคมเปญได้ออกโปรโมชั่น Kids Eat Free แพกเกจ ซึ่งอยู่ภายใต้โปรแกรม Kidsworld โดยแพกเกจนี้เริ่มที่คอร์ทยาร์ด หัวหิน และภูเก็ตที่หาดสุรินทร์ หาดกมลาและหาดป่าตอง ซึ่งจะช่วยผ่อนภาระการดูแลลูกให้แก่ลูกค้าที่เดินทางเป็นครอบครัว โดยเด็กจะมีที่เล่น ของขวัญและอาหารฟรี ขณะที่พ่อแม่สามารถไปทำกิจกรรมหรือธุรกิจอื่นๆได้
ทางด้านนายเจฟ การ์ไซด์ รองประธานฝ่ายบริหาร แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกและออสเตรเลีย เจ้าของแบรนด์ คอร์ทยาร์ด กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจไม่ได้มีผลกระทบต่อการขยายธุรกิจของคอร์ทยาร์ด เพราะเราเป็นผู้รับบริหารจัดการ ยิ่งการแข่งขันสูง เชื่อว่า ผู้ประกอบการเจ้าของโรงแรม ยิ่งต้องเลือกแบรนด์ที่แข็งแกร่งมีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งคอร์ทยาร์ดมีสมาชิกอยู่กว่า 30 ล้านคนทั่วโลก กว่า 90% เป็นนักธุรกิจ สิ่งที่เป็นจุดขายสำคัญคือความคุ้มค่าเงินของลูกค้า เพราะได้ทั้งบริการและคะแนนสะสมเพื่อนำกลับมาแลกเป็นห้องพักฟรี
“เราใช้วิธีมองไกลว่าเศรษฐกิจจะต้องฟื้นขึ้นมา ตัวอย่างเช่นประเทศไทย เมื่อเดือนธันวาคมปีก่อนที่ท่องเที่ยวตกลงไปเยอะ ตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ และในส่วนของประเทศไทยนี้ถือเป็นเดสติเนชั่นยอดนิยมของต่างชาติ เพราะการต้อนรับที่ดีมีมิตรไมตรี ดังนั้นทุกครั้งที่เกิดเหตุขึ้นกับประเทศไทย ก็จะฟื้นกลับมาได้รวดเร็ว และเรายังใช้คอร์ทยาร์ดประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทดลอง ทั้งเรื่องการบริการ การตกแต่ง เพื่อเป็นต้นแบบไปปรับใช้กับคอร์ทยาร์ดในอเมริกาและประเทศอื่นๆทั่วโลก” นายการ์ไซด์ กล่าว
**