ASTV ผู้จัดการรายวัน – เจ้าหนี้บริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ ยิ้มออก หลังได้รับชำระหนี้กว่า 90% พร้อมใจไฟเขียวเลือกแนวทางปรับโครงสร้างหนี้เหมือนกันทั้ง 3 แนวทาง “ยืดหนี้-แฮร์คัต-แปลงหนี้เป็นทุน” ในสัดส่วนเท่ากัน ด้านผู้ถือหุ้นเดิม-รายใหม่พร้อมใส่เงิน 1 พันล้านบาทเต็มจำนวน ด้านโบรกเกอร์รวมใจใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนถึง 28 แห่ง
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ KEST ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด หรือ TSFC เปิดเผยภายว่า จากการประชุมเจ้าหนี้นั้นมีมติเห็นชอบแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ของTSFC ทั้ง 100% และเจ้าหนี้ทุกรายมีการเห็นชอบที่จะเลือกแนวทางเดียวกันหมดในการปรับโครงสร้างหนี้ คือ จะใช้ทั้ง 3 แนวทางรวมกัน คือ การลดหนี้ (แฮร์คัต) การยืดเวลาชำระหนี้ และการแปลงหนี้เป็นทุน ในสัดส่วนที่เท่ากัน โดยเจ้าหนี้ทุกรายจะได้รับเงินคืนไม่ต่ำกว่า 90% ซึ่งมีความเสียหายน้อยมา โดยเจ้าหนี้จะได้รับเงินชำระหนี้ลักษณะทยอย 2 เดือนหรือ 5 เดือน
ด้านการประชุมผู้ถือหุ้นนั้นมีผู้ถือหุ้นทั้งรายใหม่และผู้ถือหุ้นเดิมเห็นชอบที่จะใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนครบตามจำนวน 1,000 ล้านบาท ซึ่งขั้นตอนในการเพิ่มทุนนั้นTSFC จะมีการลดทุนก่อน จากปัจจุบันที่มีผลขาดทุนจนทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ 61.8 ล้านบาท จากนั้นก็จะมีการเพิ่มทุน จนทำให้ส่วนทุนกลับมาอยู่ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงมั่นใจว่าTSFC จะสามารถปรับโครงสร้างหนี้นอกศาลได้สำเร็จ โดยทางบล.กิมเอ็ง จะนำผลการประชุมของเจ้าหนี้ และผู้ถือหุ้นเดิมแจ้งให้กับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)พิจารณาต่อไป ซึ่งเชื่อว่าก.ล.ต.จะอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการของTSFCนอกจากได้
"เจ้าหนี้ทุกรายเห็นชอบแผนปรับโครงสร้างหนี้ของTSFC 100% และตกลงเลือกแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้เหมือนกันเพื่อเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยจะใช้ทั้ง 3 แนวทางทั้งแฮร์คัตหนี้ ยืดเวลาชำระหนี้และแปลงหนี้เป็นทุนในสัดส่วนที่เท่าๆกัน โดยเจ้าหนี้จะได้รับเงินคืนกว่า 90% ซึ่งถือว่าเจ้าหนี้ได้รับความเสียหายน้อยมาก จึงทำให้การประชุมเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นในการเพิ่มทุนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี"นายมนตรีกล่าว
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า จากการประชุมผู้ถือหุ้นนั้น มีบล.ที่เป็นผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 19 ราย มีมติที่จะใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนของTSFCจำนวน 15 ราย ขณะที่บล.ที่ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นเดิมนั้นจำนวน 16 แห่ง เห็นชอบที่จะใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 13 ราย รวมมีบล.ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 28 ราย ซึ่งถือว่าสูงกว่าเดิมที่คาดไว้ว่าจะมีบล.ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพียง 20 รายเท่านั้น
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ KEST ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด หรือ TSFC เปิดเผยภายว่า จากการประชุมเจ้าหนี้นั้นมีมติเห็นชอบแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ของTSFC ทั้ง 100% และเจ้าหนี้ทุกรายมีการเห็นชอบที่จะเลือกแนวทางเดียวกันหมดในการปรับโครงสร้างหนี้ คือ จะใช้ทั้ง 3 แนวทางรวมกัน คือ การลดหนี้ (แฮร์คัต) การยืดเวลาชำระหนี้ และการแปลงหนี้เป็นทุน ในสัดส่วนที่เท่ากัน โดยเจ้าหนี้ทุกรายจะได้รับเงินคืนไม่ต่ำกว่า 90% ซึ่งมีความเสียหายน้อยมา โดยเจ้าหนี้จะได้รับเงินชำระหนี้ลักษณะทยอย 2 เดือนหรือ 5 เดือน
ด้านการประชุมผู้ถือหุ้นนั้นมีผู้ถือหุ้นทั้งรายใหม่และผู้ถือหุ้นเดิมเห็นชอบที่จะใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนครบตามจำนวน 1,000 ล้านบาท ซึ่งขั้นตอนในการเพิ่มทุนนั้นTSFC จะมีการลดทุนก่อน จากปัจจุบันที่มีผลขาดทุนจนทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ 61.8 ล้านบาท จากนั้นก็จะมีการเพิ่มทุน จนทำให้ส่วนทุนกลับมาอยู่ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงมั่นใจว่าTSFC จะสามารถปรับโครงสร้างหนี้นอกศาลได้สำเร็จ โดยทางบล.กิมเอ็ง จะนำผลการประชุมของเจ้าหนี้ และผู้ถือหุ้นเดิมแจ้งให้กับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)พิจารณาต่อไป ซึ่งเชื่อว่าก.ล.ต.จะอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการของTSFCนอกจากได้
"เจ้าหนี้ทุกรายเห็นชอบแผนปรับโครงสร้างหนี้ของTSFC 100% และตกลงเลือกแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้เหมือนกันเพื่อเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยจะใช้ทั้ง 3 แนวทางทั้งแฮร์คัตหนี้ ยืดเวลาชำระหนี้และแปลงหนี้เป็นทุนในสัดส่วนที่เท่าๆกัน โดยเจ้าหนี้จะได้รับเงินคืนกว่า 90% ซึ่งถือว่าเจ้าหนี้ได้รับความเสียหายน้อยมาก จึงทำให้การประชุมเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นในการเพิ่มทุนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี"นายมนตรีกล่าว
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า จากการประชุมผู้ถือหุ้นนั้น มีบล.ที่เป็นผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 19 ราย มีมติที่จะใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนของTSFCจำนวน 15 ราย ขณะที่บล.ที่ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นเดิมนั้นจำนวน 16 แห่ง เห็นชอบที่จะใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 13 ราย รวมมีบล.ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 28 ราย ซึ่งถือว่าสูงกว่าเดิมที่คาดไว้ว่าจะมีบล.ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพียง 20 รายเท่านั้น
