ASTVผู้จัดการรายวัน - “โสภณ”ไฟเขียวฟันทุจริตคอร์รัปชั่นในการบินไทย ตัวถ่วงทำบริษัทเกือบเจ๊ง ชี้ก่อนให้รัฐช่วยเหลือต้องแก้สาเหตุของปัญหาก่อน ขณะที่”ณรงค์ศักดิ์”ยันเดินหน้ารายงานผลสอบทุจริตโรงแรมลูกเรือชงบอร์ด 11 ก.พ. เพื่อตั้งกรรมการสอบวินัยนำร่องเป็นคดีตัวอย่าง พร้อมเสนอแผนเพิ่มรายได้ลดรายจ่าย คาด เม.ย.นี้ได้ ดีดี คนใหม่
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ปัญหาการขาดทุนของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ส่วนหนึ่งมาจากการทุจริตคอร์รัปชั่น การบริหารงานที่ไม่โปร่งใส ซึ่งขณะนี้มีคดีฟ้องร้องในศาลและการสอบสวนภายในบริษัท เช่น การจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัส A330-300 จำนวน 8 ลำ ขัดมติคณะรัฐมนตรี การทุจริตโรงแรมที่พักลูกเรือในต่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งการแก้ปัญหาและฟื้นฟูองค์กรจะเดินหน้าไปได้ การบินไทยก็ต้องดูแลและจัดการปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นเสียก่อน ซึ่งนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้สั่งการฝ่านไปยังคณะกรรมการ การบินไทยให้ดำเนินการเรื่องการสอบสวนต่างๆ อย่างเต็มที่
“การฟื้นฟูการบินไทยอยู่ที่นโยบายรัฐบาล ซึ่งการที่กระทรวงการคลังจะเข้ามาช่วยเหลือค้ำประกันเงินกู้ให้ การบินไทยจะต้องแสดงความชัดเจนทั้งแผนฟื้นฟูธุรกิจ และการแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นที่มีว่าจะมีข้อยุติหรือไม่ ทั้งนี้ ในหลักของการกู้เงินนั้น ต้องกู้มาลงทุนเพื่อให้เกิดรายได้และผลกำไร แต่ที่การบินไทยทำเป็นการกู้มาเพื่อใช้จ่าย ซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้เลย จึงมีปัญหา”แหล่งข่าวกล่าว
โดยพลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักเลขานุการ บริษัทฯ ปฏิบัติหน้าที่ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย ยอมรับว่า ได้รับนโยบายจากรมว.คมนาคมให้ดำเนินการสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้ถูกต้อง ตามข้อเท็จจริง พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้สร้างความสามัคคีในองค์กรด้วย อย่างไรก็ตามเรื่องที่มีการสอบสวนต่างๆ นั้นจะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการบริษัทวันที่ 11 ก.พ.นี้ จะรายงานผลสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการจัดหาการเช่าโรงแรมที่พักลูกเรือในต่างประเทศเพื่อดำเนินการในการสอบทางวินัยต่อไป
ทั้งนี้ การจัดหาการเช่าโรงแรมที่พักลูกเรือในต่างประเทศบอร์ดการบินไทยได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2551 เนื่องจากผู้ดำเนินการอนุมัติวงเงิน ไม่มีอำนาจตามข้อกำหนดของระเบียบบริษัทว่าด้วยการพัสดุ ซึ่งแต่ละปีการบินไทยใช้เงินค่าเช่าโรงแรมประมาณ 4,600 ล้านบาท/ปี
สำหรับความคืบหน้าการปรับปรุงแผนธุรกิจเพื่อฟื้นฟูการบินไทยนั้น พลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า ในการเพิ่มรายได้นั้น จะเน้นการเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางที่มีจำนวนผู้โดยสารมาก เช่น อินเดีย (บังกาลอร์) เกาหลี จีน เป็นต้น โดยใช้เครื่องบิน A340-500 ทำการบินซึ่งจะอาจเจรจาเพื่อขอสิทธิการบินเพิ่มในบางจุดบินนอกจากนี้จะเจรจากับสายการบินพันธมิตรเพื่อทำโค้ดแชร์ริ่ซึ่งจะเริ่มในตารางบินฤดูร้อน (เริ่ม 29 มี.ค.) ส่วนในปี 53 จะมีการเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทาง ยุโรป และสแกนดิเนเวีย ซึ่งมีจำนวนผู้โดยสารมากเนื่องจากต้องรอรับมอบเครื่องบิน A380 ก่อน
ส่วนการลดค่าใช้จ่าย จะลดเที่ยวบินในเส้นทางที่ขาดทุนหรือมีผู้โดยสารน้อยเช่นโจฮันเนสเบิร์ก หรือเปลี่ยนขนาดเครื่องบินให้เล็กลง ส่วนสิทธิพิเศษของพนักงานนั้น ได้ข้อสรุปในเรื่อง การปรับค่าทำงานล่วงเวลา (OT) ไปเป็นการให้วันหยุดแทน ส่วนในเรื่องส่วนลดค่าบัตรโดยสารนั้นในทางปฎิบัติพนักงานจะได้รับสิทธิ์ต่อเมื่อที่นั่งในเที่ยวบินนั้นว่างซึ่งไม่ได้กระทบต่อค่าใช้จ่ายของบริษัท จึงยังไม่มีการพิจารณารวมถึงการปรับลดเงินเดือนและปลดด้วย โดยจะเสนอแผนต่อที่ประชุมบอร์ดวันที่ 11 ก.พ.ด้วย
อย่างไรก็ตาม กรณีที่บริษัทรับภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลแทนพนักงานนั้นเนื่องจากมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องมาก จึงต้องใช้เวลาในการพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งการรับภาระภาษีแทนพนักงานนั้น จะเป็นเฉพาะพนักงานที่เข้าทำงานก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2548 เท่านั้น
****คาดได้”ดีดี”คนใหม่ เม.ย.นี้
พลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า ในวันที่ 13 ก.พ.52 จะปิดรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทยซึ่งตามขั้นตอนกระบวนการสรรหาจะเสร็จภายในเดือนเม.ย.ก่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2551
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ปัญหาการขาดทุนของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ส่วนหนึ่งมาจากการทุจริตคอร์รัปชั่น การบริหารงานที่ไม่โปร่งใส ซึ่งขณะนี้มีคดีฟ้องร้องในศาลและการสอบสวนภายในบริษัท เช่น การจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัส A330-300 จำนวน 8 ลำ ขัดมติคณะรัฐมนตรี การทุจริตโรงแรมที่พักลูกเรือในต่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งการแก้ปัญหาและฟื้นฟูองค์กรจะเดินหน้าไปได้ การบินไทยก็ต้องดูแลและจัดการปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นเสียก่อน ซึ่งนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้สั่งการฝ่านไปยังคณะกรรมการ การบินไทยให้ดำเนินการเรื่องการสอบสวนต่างๆ อย่างเต็มที่
“การฟื้นฟูการบินไทยอยู่ที่นโยบายรัฐบาล ซึ่งการที่กระทรวงการคลังจะเข้ามาช่วยเหลือค้ำประกันเงินกู้ให้ การบินไทยจะต้องแสดงความชัดเจนทั้งแผนฟื้นฟูธุรกิจ และการแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นที่มีว่าจะมีข้อยุติหรือไม่ ทั้งนี้ ในหลักของการกู้เงินนั้น ต้องกู้มาลงทุนเพื่อให้เกิดรายได้และผลกำไร แต่ที่การบินไทยทำเป็นการกู้มาเพื่อใช้จ่าย ซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้เลย จึงมีปัญหา”แหล่งข่าวกล่าว
โดยพลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักเลขานุการ บริษัทฯ ปฏิบัติหน้าที่ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย ยอมรับว่า ได้รับนโยบายจากรมว.คมนาคมให้ดำเนินการสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้ถูกต้อง ตามข้อเท็จจริง พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้สร้างความสามัคคีในองค์กรด้วย อย่างไรก็ตามเรื่องที่มีการสอบสวนต่างๆ นั้นจะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการบริษัทวันที่ 11 ก.พ.นี้ จะรายงานผลสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการจัดหาการเช่าโรงแรมที่พักลูกเรือในต่างประเทศเพื่อดำเนินการในการสอบทางวินัยต่อไป
ทั้งนี้ การจัดหาการเช่าโรงแรมที่พักลูกเรือในต่างประเทศบอร์ดการบินไทยได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2551 เนื่องจากผู้ดำเนินการอนุมัติวงเงิน ไม่มีอำนาจตามข้อกำหนดของระเบียบบริษัทว่าด้วยการพัสดุ ซึ่งแต่ละปีการบินไทยใช้เงินค่าเช่าโรงแรมประมาณ 4,600 ล้านบาท/ปี
สำหรับความคืบหน้าการปรับปรุงแผนธุรกิจเพื่อฟื้นฟูการบินไทยนั้น พลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า ในการเพิ่มรายได้นั้น จะเน้นการเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางที่มีจำนวนผู้โดยสารมาก เช่น อินเดีย (บังกาลอร์) เกาหลี จีน เป็นต้น โดยใช้เครื่องบิน A340-500 ทำการบินซึ่งจะอาจเจรจาเพื่อขอสิทธิการบินเพิ่มในบางจุดบินนอกจากนี้จะเจรจากับสายการบินพันธมิตรเพื่อทำโค้ดแชร์ริ่ซึ่งจะเริ่มในตารางบินฤดูร้อน (เริ่ม 29 มี.ค.) ส่วนในปี 53 จะมีการเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทาง ยุโรป และสแกนดิเนเวีย ซึ่งมีจำนวนผู้โดยสารมากเนื่องจากต้องรอรับมอบเครื่องบิน A380 ก่อน
ส่วนการลดค่าใช้จ่าย จะลดเที่ยวบินในเส้นทางที่ขาดทุนหรือมีผู้โดยสารน้อยเช่นโจฮันเนสเบิร์ก หรือเปลี่ยนขนาดเครื่องบินให้เล็กลง ส่วนสิทธิพิเศษของพนักงานนั้น ได้ข้อสรุปในเรื่อง การปรับค่าทำงานล่วงเวลา (OT) ไปเป็นการให้วันหยุดแทน ส่วนในเรื่องส่วนลดค่าบัตรโดยสารนั้นในทางปฎิบัติพนักงานจะได้รับสิทธิ์ต่อเมื่อที่นั่งในเที่ยวบินนั้นว่างซึ่งไม่ได้กระทบต่อค่าใช้จ่ายของบริษัท จึงยังไม่มีการพิจารณารวมถึงการปรับลดเงินเดือนและปลดด้วย โดยจะเสนอแผนต่อที่ประชุมบอร์ดวันที่ 11 ก.พ.ด้วย
อย่างไรก็ตาม กรณีที่บริษัทรับภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลแทนพนักงานนั้นเนื่องจากมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องมาก จึงต้องใช้เวลาในการพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งการรับภาระภาษีแทนพนักงานนั้น จะเป็นเฉพาะพนักงานที่เข้าทำงานก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2548 เท่านั้น
****คาดได้”ดีดี”คนใหม่ เม.ย.นี้
พลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า ในวันที่ 13 ก.พ.52 จะปิดรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทยซึ่งตามขั้นตอนกระบวนการสรรหาจะเสร็จภายในเดือนเม.ย.ก่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2551