การประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญทั่วไปนัดแรก เริ่มขึ้นเมื่อเวลา13.30 น.วานนี้(21ม.ค.) โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และครม.ได้เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง สำหรับที่นั่ง ส.ส.ได้มีการสับเปลี่ยน โดยย้ายพรรคฝ่ายค้าน คือพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาราช มาอยู่ทางที่นั่งของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งอยู่ซ้ายมือของห้องประชุม ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล อาทิ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ย้ายไป นั่งทางขวามือของห้องประชุม จากนั้นที่ประชุมได้รับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯประกาศพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา สมัยประชุมสามัญทั่วไป พ.ศ.2552 และให้ส.ส.ใหม่ จำนวน 20 คนได้ปฎิญาณตน ก่อนเข้าปฎิบัติหน้าที่
**"เด็กแม้ว"จี้"ปู่ชัย"ไขก๊อก
หลังจากนั้น ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งทำหน้าที่ฝ่ายค้านเป็นครั้งแรก ได้เรียงหน้าขึ้นมาขอหารือประธานฯทันที กรณีที่ย้ายสถานที่ประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลไปที่กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมาโดยมีการพูดประชด นายชัย ว่าเป็นผู้เสียสละ ทำเพื่อบ้านเมือง ช่วยเหลือให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล วีรกรรมเช่นนี้จึงน่าจะลาออกจากตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรได้แล้ว เพื่อความสง่างาม
นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนได้รับข้อความว่ามีการย้ายสถานที่ประชุม ในเวลา 10.00น. จึงรีบขับรถไปที่กระทรวงการต่างประเทศ แต่เข้าไม่ได้ และมารับทราบว่า นายอภิสิทธิ์ แถลงนโยบายใกล้เสร็จแล้ว ขณะที่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลกลับรู้ และไปรอที่กระทรวงการต่างประเทศ ก่อนเวลา 10.00 น.แล้ว จึงอยากถามว่า ทำถูกหรือไม่ และหากรัฐบาลมีเสถียรภาพจริง ก็คงไม่ไปแถลงนโยบายที่กระทรวงการต่างประเทศแน่
**"สาก"เพ้อจับปืนลุกขึ้นสู้
ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากให้ประธานฟังตนบ้างเพราะพวกตนเป็นคนที่เลือกประธานมาทำหน้าที่ การที่ประธานเปลี่ยนไป พวกตนก็มีความเจ็บปวดอยู่บ้าง เมื่อวันที่ 20ม.ค.ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย มีการประชุมและมีการเสนอว่าจะทำเหตุการณ์แบบเดียวกับ จอร์จ บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ โดยเอารองเท้าขว้างใส่ แต่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ในฐานะประธานส.ส.ได้ห้ามไว้ อีกทั้งเราต้องทำงานร่วมกันไปอีกอย่างน้อย 3 ปี ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นเกมการเมือง อย่าซีเรียส พวกตนจะเป็นส.ส.ฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ
"ดังนั้นขอให้ประธานสบายใจได้ว่า พวกผมจะไม่ทำอะไรที่รุนแรง จะทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ แต่ขออย่ามาบีบให้เราไม่มีที่ยืนไม่เช่นนั้นพวกเราอาจจะไปบอกประชาชนให้จับปืนลุกขึ้นสู้ก็ได้"
ด้านนายชัย ได้ชี้แจงว่า ตนทราบว่าพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นคำร้องไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว จึงอยากรอคำพิพากษาของศาลก่อนเพื่อให้ได้ข้อยุติ ถ้าผิด ตนก็คงต้องออกจากตำแหน่ง หรืออาจติดคุก แต่ถ้าทำถูกก็ทำหน้าที่ประธานต่อไป
**ยกปลากระป๋องเน่าถล่มวิฑูรย์
นอกจากนี้ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยังได้หยิบยกเรื่องการแจกปลากระป๋องมาโจมตี และเรียกร้องให้นายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จับคนทุจริตมาลงโทษ ถ้าไม่เช่นนั้น รมว.พม. ต้องรับผิดชอบ
ด้านนายวิฑูรย์ นามบุตร ชี้แจงว่า ไม่เคยรู้จักกับนายวิเชน มาก่อน เมื่อทางปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯ มาชี้แจงว่าได้จัดถุงยังชีพไปให้ผู้ประสบภัยแล้ว แต่เมื่อพบว่าถุงยังชีพที่แจกไปนั้นมีปลากระป๋องที่ไม่มีคุณภาพ ตนก็ได้สอบถามไปยังปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นงบของกระทรวงที่ได้ไปจัดซื้อจัดจ้างจากเอกชน แต่พบว่าได้รับบริจาคมาจากนายวิเชน สมมาตร ซึ่งกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เคยจัดงบในปี 52 แต่ไม่เคยจัดซื้อถุงยังชีพแต่อย่างใด
ส่วนที่มีการตรวจสอบว่าไม่มีรายชื่อคนบริจาคนั้น เป็นเพราะคนที่บริจาคได้ส่งถุงยังชีพไปที่จ.พัทลุงเลย ซึ่งเอกสารรับมอบอยู่ที่จังหวัด
"ขอยืนยันว่าไม่ใช่การล่องหน สร้างเรื่องเพื่อปิดบังซ่อนเร้นแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หลังจากเกิดเหตุได้ตั้งคณะกรรมการตรวจรับสิ่งของก่อนที่จะส่งให้กับประชาชน พร้อมทั้งออกหลักการ อาทิ การรับของบริจาคจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจรับ แต่อย่าทำอย่างเคร่งครัด เพราะเราต้องคำนึงถึงความรู้สึกของคนที่บริจาคด้วย นอกจากนี้ ต้องตรวจสอบของอย่างละเอียดทุกครั้ง โดยเฉพาะเครื่องบริโภคอุปโภค หากไม่แน่ใจก็ต้องให้องค์การอาหารและยา(อย.) มาตรวจสอบด้วย"
**เล่นเกมนับองค์ประชุม
ต่อมาเมื่อประธานจะเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม ส.ส.ฝ่ายค้านได้ เสนอให้นับองค์ประชุม ทำให้นายชัย ต้องกดออดเรียกสมาชิกเข้ามาแสดงตนนานกว่า 5 นาที ขณะนี้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ก็รีบวิ่งเข้าห้องประชุมกันอย่างจ้าละหวั่น เนื่องจากเพิ่งเปิดประชุมได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายคน พยายามยื้อเวลานับองค์ประชุมออกไป เพื่อรอสมาชิกเข้ามากดบัตรแสดงตน เพราะบางส่วน ยังประชุมกรรมาธิการอยู่ในห้องต่างๆ รวมถึงรัฐบาลกำลังมีการประชุมเพื่อวางแผนการเตรียมการประชุมอาเซียน ซัมมิท ที่ห้องงบประมาณ อาคาร 3
ช่วงนี้ นายชัย กล่าวด้วยสีหน้าเซ็งๆว่า " ส.ส.มีหน้าที่ต้องเข้าประชุม ถ้าไม่สนใจหรือองค์ประชุมไม่ครบ ก็ต้องเลื่อนการประชุมออกไป ตอนนี้กดจนเมื่อยมือแล้ว ผมว่ามันเป็นกงกรรมกงเกวียน" อย่างไรก็ตาม ผลการลงคะแนนปรากฎว่า มีส.ส.กดบัตรแสดงตนจำนวน 235 เสียง ซึ่งถือว่าองค์ประชุมครบเกินกึ่งหนึ่ง คือ 228 เสียง ซึ่งเกินมาเพียง 7 เสียง ทำให้บรรดา ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ที่รอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อโล่งอก ไปตามๆกัน ทำให้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลต้องรีบเข้ามายังห้องประชุม โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถึงกลับต้องหยุดการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ พร้อมกับวิ่งเข้ามายังห้องประชุมทันที ปรากฏว่า มีสมาชิกอยู่ในห้อง 234 คน ถือว่าครบองค์
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านก็ยังกดดันต่อด้วยการเสนอให้มีการขานชื่อ โดยอ้างว่าอาจจะมีการลักไก่ เนื่องจากคะแนนเกินมาไม่กี่เสียง และอยากเห็นบทลงโทษของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยประกาศว่าใครขาดประชุมจะมีการลงโทษ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำตามข้อเสนอดังกล่าว
**"มาร์ค"เรียกแกนนำปชป.ถกด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงวานว่า หลังจากที่ที่ประชุมสภาประสบปัญหาฝ่ายค้านตีรวนด้วยการเสนอนับองค์ประชุมติดกันถึง 2 ครั้ง และยังจะให้นับด้วยการขานชื่อ ทำให้เสียเวลาไปกับกระบวนการดังกล่าวนานเกือบชั่วโมง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จึงได้หารือร่วมกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่ห้องรับรองนายกฯ ประมาณ 20 นาที โดยแสดงความเป็นห่วงต่อบรรยากาศที่เกิดขึ้นในสภา เพราะในเบื้องต้นรัฐบาลไม่คิดว่าฝ่ายค้านจะตีรวนตั้งแต่วันแรก จึงไม่ทันตั้งตัว แต่หลังจากนี้มีการกำชับให้ ส.ส.โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ต้องมาประชุมให้ครบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา และประเมินว่าฝ่ายค้านคงใช้วิธีการดังกล่าวทำให้การประชุมสภาเป็นไปด้วยความไม่ราบรื่น แต่เชื่อว่าพฤติกรรมเช่นนี้ของฝ่ายค้าน จะเป็นการทำลายความชอบธรรมของฝ่ายค้านเอง เนื่องจากวิธีการที่ให้นับองค์ประชุมแตกต่างจากที่พรรคเคยดำเนินการ ทั้งเนื้อหาและเหตุผลในการนับองค์ประชุม อีกทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นในการประชุมครั้งนี้ ยังสะท้อนให้เห็นว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านทำได้สร้างปัญหาให้กับฝ่ายบริหาร ที่อุตส่าห์ให้เกียรติสภา โดยนายกฯ มาร่วมประชุมด้วยตัวเอง และนัดหมายการประชุมต่างๆ มาทำที่สภา แต่กลับต้องยุติกลางคัน โดยเฉพาะการประชุมเตรียมการอาเซียน เพราะนายกฯ และรัฐมนตรีหลายคน ต้องพะวงอยู่กับการนับองค์ประชุม อย่างไรก็ตาม นายกฯไม่ได้กังวลมาก เพราะยังเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลจะเป็นเกราะคุ้มกันถึงแม้จะถูกตีรวนในสภาก็ตาม
**ขอความร่วมมือฝ่ายค้านเพื่ออาเซียน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า การที่ฝ่ายค้านเสนอให้นับองค์ประชุมถึง 2 ครั้ง ถือ เป็นสิทธิที่ทำได้ รัฐบาลต้องเตรียมตัวให้พร้อมในการประชุมแต่ละครั้ง ซึ่งปรากฏการณ์ในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ดี ที่จะทำให้ต้องเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม จะขอความร่วมมือฝ่ายค้านในการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณากรอบการประชุมสุดยอดอาเซียน (อาเซียน ซัมมิท) ครั้งที่ 14 และในการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม เพราะเป็นเรื่องของทุกฝ่ายที่จะช่วยทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า และเกิดความเชื่อมั่นในสายตาต่างประเทศ ส่วนการประชุมในวาระอื่นๆ ก็คงต้องปล่อยให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่อย่างเต็มที่
**"เฉลิม"ยังไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากพรรคให้ทำหน้าที่แทนผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมสภา ถึงกรณีที่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีตัวบุคคลมาทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ว่า ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ สื่อมวลชนเองก็ไม่ควรถาม เพราะเคยบอกชัดเจนแล้วว่า ให้รอเวลาสักระยะหนึ่ง
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า หากไม่มีผู้นำฝ่ายค้านฯจะไม่สามารถยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้นั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 158 เขียนเอาไว้ว่า ให้ใช้เสียง1 ใน 5 ของสมาชิกทั้งหมด ยืนยันว่า ประชาชนจะไม่เสียโอกาส และเสียประโยชน์อย่างแน่นอน
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่าขณะนี้ฝ่ายค้านยังไม่คิดที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนที่มีการพูดกันว่า หากยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลไม่ทันในสมัยประชุมนี้ รัฐบาลจะอยู่ได้อีกยาวนั้น ถ้ารัฐบาลไม่ผิดพลาด จะอยู่ยาวแค่ไหนก็อยู่ไป ไม่อิจฉา ไม่รังเกียจ และชื่นชม นายอภิสิทธิ์ ที่กล้าลอกข้อสอบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเอาคนของกลุ่มพันธมิตรฯ มาร่วมงาน แสดงว่าเป็นพวกเดียวกัน
ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และครม.ได้เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง สำหรับที่นั่ง ส.ส.ได้มีการสับเปลี่ยน โดยย้ายพรรคฝ่ายค้าน คือพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาราช มาอยู่ทางที่นั่งของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งอยู่ซ้ายมือของห้องประชุม ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล อาทิ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ย้ายไป นั่งทางขวามือของห้องประชุม จากนั้นที่ประชุมได้รับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯประกาศพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา สมัยประชุมสามัญทั่วไป พ.ศ.2552 และให้ส.ส.ใหม่ จำนวน 20 คนได้ปฎิญาณตน ก่อนเข้าปฎิบัติหน้าที่
**"เด็กแม้ว"จี้"ปู่ชัย"ไขก๊อก
หลังจากนั้น ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งทำหน้าที่ฝ่ายค้านเป็นครั้งแรก ได้เรียงหน้าขึ้นมาขอหารือประธานฯทันที กรณีที่ย้ายสถานที่ประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลไปที่กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมาโดยมีการพูดประชด นายชัย ว่าเป็นผู้เสียสละ ทำเพื่อบ้านเมือง ช่วยเหลือให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล วีรกรรมเช่นนี้จึงน่าจะลาออกจากตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรได้แล้ว เพื่อความสง่างาม
นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนได้รับข้อความว่ามีการย้ายสถานที่ประชุม ในเวลา 10.00น. จึงรีบขับรถไปที่กระทรวงการต่างประเทศ แต่เข้าไม่ได้ และมารับทราบว่า นายอภิสิทธิ์ แถลงนโยบายใกล้เสร็จแล้ว ขณะที่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลกลับรู้ และไปรอที่กระทรวงการต่างประเทศ ก่อนเวลา 10.00 น.แล้ว จึงอยากถามว่า ทำถูกหรือไม่ และหากรัฐบาลมีเสถียรภาพจริง ก็คงไม่ไปแถลงนโยบายที่กระทรวงการต่างประเทศแน่
**"สาก"เพ้อจับปืนลุกขึ้นสู้
ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากให้ประธานฟังตนบ้างเพราะพวกตนเป็นคนที่เลือกประธานมาทำหน้าที่ การที่ประธานเปลี่ยนไป พวกตนก็มีความเจ็บปวดอยู่บ้าง เมื่อวันที่ 20ม.ค.ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย มีการประชุมและมีการเสนอว่าจะทำเหตุการณ์แบบเดียวกับ จอร์จ บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ โดยเอารองเท้าขว้างใส่ แต่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ในฐานะประธานส.ส.ได้ห้ามไว้ อีกทั้งเราต้องทำงานร่วมกันไปอีกอย่างน้อย 3 ปี ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นเกมการเมือง อย่าซีเรียส พวกตนจะเป็นส.ส.ฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ
"ดังนั้นขอให้ประธานสบายใจได้ว่า พวกผมจะไม่ทำอะไรที่รุนแรง จะทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ แต่ขออย่ามาบีบให้เราไม่มีที่ยืนไม่เช่นนั้นพวกเราอาจจะไปบอกประชาชนให้จับปืนลุกขึ้นสู้ก็ได้"
ด้านนายชัย ได้ชี้แจงว่า ตนทราบว่าพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นคำร้องไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว จึงอยากรอคำพิพากษาของศาลก่อนเพื่อให้ได้ข้อยุติ ถ้าผิด ตนก็คงต้องออกจากตำแหน่ง หรืออาจติดคุก แต่ถ้าทำถูกก็ทำหน้าที่ประธานต่อไป
**ยกปลากระป๋องเน่าถล่มวิฑูรย์
นอกจากนี้ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยังได้หยิบยกเรื่องการแจกปลากระป๋องมาโจมตี และเรียกร้องให้นายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จับคนทุจริตมาลงโทษ ถ้าไม่เช่นนั้น รมว.พม. ต้องรับผิดชอบ
ด้านนายวิฑูรย์ นามบุตร ชี้แจงว่า ไม่เคยรู้จักกับนายวิเชน มาก่อน เมื่อทางปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯ มาชี้แจงว่าได้จัดถุงยังชีพไปให้ผู้ประสบภัยแล้ว แต่เมื่อพบว่าถุงยังชีพที่แจกไปนั้นมีปลากระป๋องที่ไม่มีคุณภาพ ตนก็ได้สอบถามไปยังปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นงบของกระทรวงที่ได้ไปจัดซื้อจัดจ้างจากเอกชน แต่พบว่าได้รับบริจาคมาจากนายวิเชน สมมาตร ซึ่งกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เคยจัดงบในปี 52 แต่ไม่เคยจัดซื้อถุงยังชีพแต่อย่างใด
ส่วนที่มีการตรวจสอบว่าไม่มีรายชื่อคนบริจาคนั้น เป็นเพราะคนที่บริจาคได้ส่งถุงยังชีพไปที่จ.พัทลุงเลย ซึ่งเอกสารรับมอบอยู่ที่จังหวัด
"ขอยืนยันว่าไม่ใช่การล่องหน สร้างเรื่องเพื่อปิดบังซ่อนเร้นแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หลังจากเกิดเหตุได้ตั้งคณะกรรมการตรวจรับสิ่งของก่อนที่จะส่งให้กับประชาชน พร้อมทั้งออกหลักการ อาทิ การรับของบริจาคจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจรับ แต่อย่าทำอย่างเคร่งครัด เพราะเราต้องคำนึงถึงความรู้สึกของคนที่บริจาคด้วย นอกจากนี้ ต้องตรวจสอบของอย่างละเอียดทุกครั้ง โดยเฉพาะเครื่องบริโภคอุปโภค หากไม่แน่ใจก็ต้องให้องค์การอาหารและยา(อย.) มาตรวจสอบด้วย"
**เล่นเกมนับองค์ประชุม
ต่อมาเมื่อประธานจะเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม ส.ส.ฝ่ายค้านได้ เสนอให้นับองค์ประชุม ทำให้นายชัย ต้องกดออดเรียกสมาชิกเข้ามาแสดงตนนานกว่า 5 นาที ขณะนี้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ก็รีบวิ่งเข้าห้องประชุมกันอย่างจ้าละหวั่น เนื่องจากเพิ่งเปิดประชุมได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายคน พยายามยื้อเวลานับองค์ประชุมออกไป เพื่อรอสมาชิกเข้ามากดบัตรแสดงตน เพราะบางส่วน ยังประชุมกรรมาธิการอยู่ในห้องต่างๆ รวมถึงรัฐบาลกำลังมีการประชุมเพื่อวางแผนการเตรียมการประชุมอาเซียน ซัมมิท ที่ห้องงบประมาณ อาคาร 3
ช่วงนี้ นายชัย กล่าวด้วยสีหน้าเซ็งๆว่า " ส.ส.มีหน้าที่ต้องเข้าประชุม ถ้าไม่สนใจหรือองค์ประชุมไม่ครบ ก็ต้องเลื่อนการประชุมออกไป ตอนนี้กดจนเมื่อยมือแล้ว ผมว่ามันเป็นกงกรรมกงเกวียน" อย่างไรก็ตาม ผลการลงคะแนนปรากฎว่า มีส.ส.กดบัตรแสดงตนจำนวน 235 เสียง ซึ่งถือว่าองค์ประชุมครบเกินกึ่งหนึ่ง คือ 228 เสียง ซึ่งเกินมาเพียง 7 เสียง ทำให้บรรดา ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ที่รอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อโล่งอก ไปตามๆกัน ทำให้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลต้องรีบเข้ามายังห้องประชุม โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถึงกลับต้องหยุดการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ พร้อมกับวิ่งเข้ามายังห้องประชุมทันที ปรากฏว่า มีสมาชิกอยู่ในห้อง 234 คน ถือว่าครบองค์
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านก็ยังกดดันต่อด้วยการเสนอให้มีการขานชื่อ โดยอ้างว่าอาจจะมีการลักไก่ เนื่องจากคะแนนเกินมาไม่กี่เสียง และอยากเห็นบทลงโทษของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยประกาศว่าใครขาดประชุมจะมีการลงโทษ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำตามข้อเสนอดังกล่าว
**"มาร์ค"เรียกแกนนำปชป.ถกด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงวานว่า หลังจากที่ที่ประชุมสภาประสบปัญหาฝ่ายค้านตีรวนด้วยการเสนอนับองค์ประชุมติดกันถึง 2 ครั้ง และยังจะให้นับด้วยการขานชื่อ ทำให้เสียเวลาไปกับกระบวนการดังกล่าวนานเกือบชั่วโมง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จึงได้หารือร่วมกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่ห้องรับรองนายกฯ ประมาณ 20 นาที โดยแสดงความเป็นห่วงต่อบรรยากาศที่เกิดขึ้นในสภา เพราะในเบื้องต้นรัฐบาลไม่คิดว่าฝ่ายค้านจะตีรวนตั้งแต่วันแรก จึงไม่ทันตั้งตัว แต่หลังจากนี้มีการกำชับให้ ส.ส.โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ต้องมาประชุมให้ครบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา และประเมินว่าฝ่ายค้านคงใช้วิธีการดังกล่าวทำให้การประชุมสภาเป็นไปด้วยความไม่ราบรื่น แต่เชื่อว่าพฤติกรรมเช่นนี้ของฝ่ายค้าน จะเป็นการทำลายความชอบธรรมของฝ่ายค้านเอง เนื่องจากวิธีการที่ให้นับองค์ประชุมแตกต่างจากที่พรรคเคยดำเนินการ ทั้งเนื้อหาและเหตุผลในการนับองค์ประชุม อีกทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นในการประชุมครั้งนี้ ยังสะท้อนให้เห็นว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านทำได้สร้างปัญหาให้กับฝ่ายบริหาร ที่อุตส่าห์ให้เกียรติสภา โดยนายกฯ มาร่วมประชุมด้วยตัวเอง และนัดหมายการประชุมต่างๆ มาทำที่สภา แต่กลับต้องยุติกลางคัน โดยเฉพาะการประชุมเตรียมการอาเซียน เพราะนายกฯ และรัฐมนตรีหลายคน ต้องพะวงอยู่กับการนับองค์ประชุม อย่างไรก็ตาม นายกฯไม่ได้กังวลมาก เพราะยังเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลจะเป็นเกราะคุ้มกันถึงแม้จะถูกตีรวนในสภาก็ตาม
**ขอความร่วมมือฝ่ายค้านเพื่ออาเซียน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า การที่ฝ่ายค้านเสนอให้นับองค์ประชุมถึง 2 ครั้ง ถือ เป็นสิทธิที่ทำได้ รัฐบาลต้องเตรียมตัวให้พร้อมในการประชุมแต่ละครั้ง ซึ่งปรากฏการณ์ในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ดี ที่จะทำให้ต้องเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม จะขอความร่วมมือฝ่ายค้านในการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณากรอบการประชุมสุดยอดอาเซียน (อาเซียน ซัมมิท) ครั้งที่ 14 และในการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม เพราะเป็นเรื่องของทุกฝ่ายที่จะช่วยทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า และเกิดความเชื่อมั่นในสายตาต่างประเทศ ส่วนการประชุมในวาระอื่นๆ ก็คงต้องปล่อยให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่อย่างเต็มที่
**"เฉลิม"ยังไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากพรรคให้ทำหน้าที่แทนผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมสภา ถึงกรณีที่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีตัวบุคคลมาทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ว่า ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ สื่อมวลชนเองก็ไม่ควรถาม เพราะเคยบอกชัดเจนแล้วว่า ให้รอเวลาสักระยะหนึ่ง
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า หากไม่มีผู้นำฝ่ายค้านฯจะไม่สามารถยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้นั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 158 เขียนเอาไว้ว่า ให้ใช้เสียง1 ใน 5 ของสมาชิกทั้งหมด ยืนยันว่า ประชาชนจะไม่เสียโอกาส และเสียประโยชน์อย่างแน่นอน
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่าขณะนี้ฝ่ายค้านยังไม่คิดที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนที่มีการพูดกันว่า หากยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลไม่ทันในสมัยประชุมนี้ รัฐบาลจะอยู่ได้อีกยาวนั้น ถ้ารัฐบาลไม่ผิดพลาด จะอยู่ยาวแค่ไหนก็อยู่ไป ไม่อิจฉา ไม่รังเกียจ และชื่นชม นายอภิสิทธิ์ ที่กล้าลอกข้อสอบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเอาคนของกลุ่มพันธมิตรฯ มาร่วมงาน แสดงว่าเป็นพวกเดียวกัน