ASTV ผู้จัดการรายวัน – สำนักงานก.ล.ต. เข้ม สั่งปรับคนปั่นหุ้น-อินไซด์ข้อมูลรวม 9 คน วงเงินค่าปรับรวม 50 ล้านบาท นำโดยผู้บริหาร TWZ ร่วมมือกับพรรคพวกปั่นหุ้นรวม 4 คน โดนปรับหนักสุดเกือบ 48 ล้านบาท ขณะที่แก๊งผู้ถือหุ้นใหญ่ WIN ถูกปรับรายละ 5 แสน ส่วนผู้บริหาร ASCON เจอข้อหาใช้ข้อมูลอินไซด์ โดนปรับ 1 ล้านบาท ด้านคดี “SECC” ต้องรอผลสอบฐานะการเงินก่อนดำเนินการขั้นต่อไป ส่วนเอ็มดี สั่งปลด “สมพงษ์-นิภาพร” พ้นบริษัทเรียบร้อยแล้ว
สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานว่า สำนักงาน ก.ล.ต.ได้แจ้งเปรียบเทียบปรับผู้กระทำผิดกรณีสร้างราคาหุ้น และการใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น รวมทั้งสิ้น 9 ราย ได้แก่ นายยรรยง อัครจินดานนท์ นายเอก พุทธาโกฐิรัตน์ นางอรัญญา ศิลาทอง และนางปิยะนุช รังคสิริ กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ รวมเป็นเงิน 47,637,551.16 บาท
นางสาวสุวรรณา มณีสวัสดิ์ นายพรพัฒน์ ศรีพรพัฒน์ และนางทิพรัตน์ สุธรรมสมัย กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ WIN จำนวนเงิน 1,500,000 บาท และเปรียบเทียบปรับ นายพัฒนพงษ์ ตนุมัธยา และนายศิริชัย รัศมีจันทร์ กรณีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้นของบริษัทแอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASCON จำนวนเงิน 1,030,494.98 บาท
สำหรับรายละเอียดของการสร้างราคาหุ้น TWZ นั้น สืบเนื่องจากสำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับเรื่องจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และจากการตรวจสอบในเชิงลึกพบสภาพการซื้อขายที่ผิดปกติของหุ้น TWZ ในระหว่างวันที่ 13 ธันวาคม 2548 ถึงวันที่ 8 พฤษภาคม 2549 (รวม 97 วันทำการ) โดยนายยรรยง อัครจินดานนท์ ได้ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเองและบุคคลอื่น ร่วมกับนายเอก พุทธาโกฐิรัตน์ นางอรัญญา ศิลาทอง และบุคคลอื่นอีกจำนวน 2 ราย ซื้อขายหุ้น TWZ ในลักษณะต่อเนื่องกัน ทำให้การซื้อหรือขายหุ้น TWZ ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด เพื่อชักจูงให้บุคคลทั่วไปเข้าทำการซื้อหรือขายหุ้นนั้น โดยมีนางปิยะนุช รังคสิริ (รองกรรมการผู้จัดการ TWZ) ร่วมกระทำ
ทั้งนี้ คณะกรรมการเปรียบเทียบได้มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับ นายยรรยง 29,461,550.99 บาท นายเอก 4,430,242.68 บาท นางอรัญญา 3,245,757.49 บาท และนางปิยะนุช 500,000 บาท รวมทั้งสิ้น 47,637,551.16 บาท และสำหรับผู้กระทำความผิดอีก 2 ราย สำนักงาน ก.ล.ต. อยู่ระหว่างดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนกรณีสร้างราคาหุ้น WIN สำนักงาน ก.ล.ต. ตรวจสอบพบการซื้อขายที่ผิดปกติระหว่างวันที่ 10 - 24มีนาคม 2549 (รวม 11 วันทำการ) ซึ่งเป็นการซื้อขายโดยรู้เห็นหรือตกลงร่วมกันของนางสาวสุวรรณา มณีสวัสดิ์ นายพรพัฒน์ ศรีพรพัฒน์ และนางทิพรัตน์ สุธรรมสมัย (ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 7 ของ WIN)ในลักษณะอันเป็นการอำพรางเพื่อให้บุคคลทั่วไปหลงผิดเกี่ยวกับสภาพการซื้อขายของหุ้น WIN เพื่อชักจูงให้บุคคลทั่วไปเข้าทำการซื้อหรือขายหุ้นนั้น คณะกรรมการเปรียบเทียบจึงได้มีคำสั่งเปรียบเทียบผู้กระทำผิดทั้ง 3 ราย รายละ 500,000 บาท รวมทั้งสิ้น 1,500,000 บาท
ขณะที่กรณีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น ASCON นั้น สำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับเรื่องจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และจากการตรวจสอบในเชิงลึกพบนายพัฒนพงษ์ ตนุมัธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ASCON และนายศิริชัย รัศมีจันทร์ ในฐานะกรรมการ ได้ล่วงรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเพิ่มทุนจดทะเบียนของ ASCON และอาศัยข้อมูลดังกล่าวในการซื้อหุ้น ASCON ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเองและบุคคลอื่น ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลการเพิ่มทุนจดทะเบียนต่อประชาชน ซึ่งเข้าข่ายเป็นการซื้อหุ้นโดยอาศัยข้อมูลภายในที่เป็นการเอาเปรียบผู้ลงทุนทั่วไป
โดยคณะกรรมการเปรียบเทียบได้มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับนายพัฒนพงษ์ และนายศิริชัย เป็นเงิน 530,494.98 บาท และ 500,000 บาท ตามลำดับ รวมทั้งนายศิริชัย ยังถูกเปรียบเทียบปรับ กรณีซื้อขายหุ้นในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลอื่น แต่ไม่รายงานการถือครองหลักทรัพย์ ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำผิดพ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ เป็นเงิน 201,625 บาท
SECC รอผู้สอบบัญชีพิเศษชี้ขาด
นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานกำกับตลาด ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า การปลดเครื่องหมาย SP ของบริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องรอดูความคิดเห็นของผู้ตรวจสอบบัญชีพิเศษเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัท หากพบ ฐานะของ SECC เข้าข่ายมีส่วนทุนติดลบจะต้องถูกย้ายเข้าไปอยู่ในหมวดฟื้นฟูกิจการ (NPG) ซึ่งไม่สามารถปลดเครื่องหมาย SP ได้
ก่อนหน้านี้ สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดให้ SECC แต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีพิเศษ ภายในวันที่ 30 ธ.ค. 51 แต่ SECC ยังไม่สามารถหาผู้ตรวจสอบบัญชีพิเศษได้ ทาง ก.ล.ต. จะช่วยหาผู้ตรวจสอบทางบัญชีพิเศษให้
ส่วนความคืบหน้าคดี SECC นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งอาจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะเดียวกันทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับลดขั้นตอนให้การดำเนินคดีดำเนินการได้เร็วยิ่งขึ้น
“สมพงษ์-นิภาพร”โดนปลดพ้นSECC
ด้านนายไพบูลย์ สุขสุธรรมวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC แจ้งว่า นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการ และนางสาวนิภาพร คมกล้า ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงินของบริษัทได้พ้นสภาพจากการเป็นกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทโดยไม่จ่ายค่าชดเชย ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2552 เป็นต้นไป
สำหรับการปลดผู้บริหารทั้ง 2 คนออกจากตำแหน่งครั้งนี้ สืบเนื่องจากสำนักงาน ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษนายสมพงษ์ และนางสาวนิภาพร เนื่องจากมีพยานหลักฐานที่น่าเชื่อว่า มีการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ส่งผลให้ทั้ง 2 คน มีลักษณะต้องห้ามในการเป็นผู้บริหารของบริษัทจะทะเบียน ดังนั้นบริษัทจึงได้ปลดบุคคลทั้ง 2 คนพ้นจากบริษัท
สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานว่า สำนักงาน ก.ล.ต.ได้แจ้งเปรียบเทียบปรับผู้กระทำผิดกรณีสร้างราคาหุ้น และการใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น รวมทั้งสิ้น 9 ราย ได้แก่ นายยรรยง อัครจินดานนท์ นายเอก พุทธาโกฐิรัตน์ นางอรัญญา ศิลาทอง และนางปิยะนุช รังคสิริ กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ รวมเป็นเงิน 47,637,551.16 บาท
นางสาวสุวรรณา มณีสวัสดิ์ นายพรพัฒน์ ศรีพรพัฒน์ และนางทิพรัตน์ สุธรรมสมัย กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ WIN จำนวนเงิน 1,500,000 บาท และเปรียบเทียบปรับ นายพัฒนพงษ์ ตนุมัธยา และนายศิริชัย รัศมีจันทร์ กรณีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้นของบริษัทแอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASCON จำนวนเงิน 1,030,494.98 บาท
สำหรับรายละเอียดของการสร้างราคาหุ้น TWZ นั้น สืบเนื่องจากสำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับเรื่องจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และจากการตรวจสอบในเชิงลึกพบสภาพการซื้อขายที่ผิดปกติของหุ้น TWZ ในระหว่างวันที่ 13 ธันวาคม 2548 ถึงวันที่ 8 พฤษภาคม 2549 (รวม 97 วันทำการ) โดยนายยรรยง อัครจินดานนท์ ได้ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเองและบุคคลอื่น ร่วมกับนายเอก พุทธาโกฐิรัตน์ นางอรัญญา ศิลาทอง และบุคคลอื่นอีกจำนวน 2 ราย ซื้อขายหุ้น TWZ ในลักษณะต่อเนื่องกัน ทำให้การซื้อหรือขายหุ้น TWZ ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด เพื่อชักจูงให้บุคคลทั่วไปเข้าทำการซื้อหรือขายหุ้นนั้น โดยมีนางปิยะนุช รังคสิริ (รองกรรมการผู้จัดการ TWZ) ร่วมกระทำ
ทั้งนี้ คณะกรรมการเปรียบเทียบได้มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับ นายยรรยง 29,461,550.99 บาท นายเอก 4,430,242.68 บาท นางอรัญญา 3,245,757.49 บาท และนางปิยะนุช 500,000 บาท รวมทั้งสิ้น 47,637,551.16 บาท และสำหรับผู้กระทำความผิดอีก 2 ราย สำนักงาน ก.ล.ต. อยู่ระหว่างดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนกรณีสร้างราคาหุ้น WIN สำนักงาน ก.ล.ต. ตรวจสอบพบการซื้อขายที่ผิดปกติระหว่างวันที่ 10 - 24มีนาคม 2549 (รวม 11 วันทำการ) ซึ่งเป็นการซื้อขายโดยรู้เห็นหรือตกลงร่วมกันของนางสาวสุวรรณา มณีสวัสดิ์ นายพรพัฒน์ ศรีพรพัฒน์ และนางทิพรัตน์ สุธรรมสมัย (ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 7 ของ WIN)ในลักษณะอันเป็นการอำพรางเพื่อให้บุคคลทั่วไปหลงผิดเกี่ยวกับสภาพการซื้อขายของหุ้น WIN เพื่อชักจูงให้บุคคลทั่วไปเข้าทำการซื้อหรือขายหุ้นนั้น คณะกรรมการเปรียบเทียบจึงได้มีคำสั่งเปรียบเทียบผู้กระทำผิดทั้ง 3 ราย รายละ 500,000 บาท รวมทั้งสิ้น 1,500,000 บาท
ขณะที่กรณีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น ASCON นั้น สำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับเรื่องจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และจากการตรวจสอบในเชิงลึกพบนายพัฒนพงษ์ ตนุมัธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ASCON และนายศิริชัย รัศมีจันทร์ ในฐานะกรรมการ ได้ล่วงรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเพิ่มทุนจดทะเบียนของ ASCON และอาศัยข้อมูลดังกล่าวในการซื้อหุ้น ASCON ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเองและบุคคลอื่น ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลการเพิ่มทุนจดทะเบียนต่อประชาชน ซึ่งเข้าข่ายเป็นการซื้อหุ้นโดยอาศัยข้อมูลภายในที่เป็นการเอาเปรียบผู้ลงทุนทั่วไป
โดยคณะกรรมการเปรียบเทียบได้มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับนายพัฒนพงษ์ และนายศิริชัย เป็นเงิน 530,494.98 บาท และ 500,000 บาท ตามลำดับ รวมทั้งนายศิริชัย ยังถูกเปรียบเทียบปรับ กรณีซื้อขายหุ้นในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลอื่น แต่ไม่รายงานการถือครองหลักทรัพย์ ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำผิดพ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ เป็นเงิน 201,625 บาท
SECC รอผู้สอบบัญชีพิเศษชี้ขาด
นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานกำกับตลาด ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า การปลดเครื่องหมาย SP ของบริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องรอดูความคิดเห็นของผู้ตรวจสอบบัญชีพิเศษเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัท หากพบ ฐานะของ SECC เข้าข่ายมีส่วนทุนติดลบจะต้องถูกย้ายเข้าไปอยู่ในหมวดฟื้นฟูกิจการ (NPG) ซึ่งไม่สามารถปลดเครื่องหมาย SP ได้
ก่อนหน้านี้ สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดให้ SECC แต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีพิเศษ ภายในวันที่ 30 ธ.ค. 51 แต่ SECC ยังไม่สามารถหาผู้ตรวจสอบบัญชีพิเศษได้ ทาง ก.ล.ต. จะช่วยหาผู้ตรวจสอบทางบัญชีพิเศษให้
ส่วนความคืบหน้าคดี SECC นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งอาจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะเดียวกันทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับลดขั้นตอนให้การดำเนินคดีดำเนินการได้เร็วยิ่งขึ้น
“สมพงษ์-นิภาพร”โดนปลดพ้นSECC
ด้านนายไพบูลย์ สุขสุธรรมวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC แจ้งว่า นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการ และนางสาวนิภาพร คมกล้า ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงินของบริษัทได้พ้นสภาพจากการเป็นกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทโดยไม่จ่ายค่าชดเชย ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2552 เป็นต้นไป
สำหรับการปลดผู้บริหารทั้ง 2 คนออกจากตำแหน่งครั้งนี้ สืบเนื่องจากสำนักงาน ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษนายสมพงษ์ และนางสาวนิภาพร เนื่องจากมีพยานหลักฐานที่น่าเชื่อว่า มีการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ส่งผลให้ทั้ง 2 คน มีลักษณะต้องห้ามในการเป็นผู้บริหารของบริษัทจะทะเบียน ดังนั้นบริษัทจึงได้ปลดบุคคลทั้ง 2 คนพ้นจากบริษัท