"ในหลวง" ทรงมีพระราชดำรัสกับคณะผู้พิพากษา รับสั่ง ศาลเป็นองค์กรประกันความสงบสุขของประเทศชาติ ถ้าไม่มีความยุติธรรมในประเทศ คนอยู่ไม่ได้ และทรงเน้นย้ำให้ผู้พิพากษา ตั้งมั่นในความยุติธรรม หยุดในธรรม อยู่ในสิ่งที่ดี โดยเฉพาะศาลฎีกา ทรงเผย ทุกครั้งที่เห็นศาลมาปฏิญาณตนว่า จะทำดี ทำตรงไปตรงมา ทำให้รู้สึกมีความหวังในอนาคตของประเทศ ถ้าผู้พิพากษาทำดี ก็ประเทศชาติก็อยู่ได้
วานนี้ (9 ม.ค.) เมื่อเวลา 17.20 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จฯ ลง ณ ท้องพระโรง ศาลาเริง วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา นำผู้พิพากษาประจำศาล สำนักงานศาลยุติธรรม เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
ในโอกาสนี้ นายพินิจ สุเสารัจ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม นายวิชัย อริยนันทกะ เลขาธิการประธานศาลฎีกา และนายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ด้วย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสกับคณะผู้พิพากษา โดยให้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำปฏิญาณด้วยความเข้มแข็ง ซื่อสัตย์ สุจริต อย่างเคร่งครัด เพราะศาลเป็นองค์กรที่ประกันความอยู่เย็นเป็นสุขของประเทศชาติ
"ศาลนั้นเป็นองค์กรที่เป็นประกันของความอยู่เย็นเป็นสุขของประเทศชาติ ถ้าไม่มีความยุติธรรมในประเทศ คนอยู่ไม่ได้ ถ้าคนอยู่ไม่ได้ ก็มีประเทศชาติไม่มีประโยชน์ ฉะนั้นท่านเป็นประกันของความสงบสุขของชาติบ้านเมือง"
ความสงบสุขนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับทุกคน จะเป็นอาชีพใดๆ ก็ตาม ต้องมีความสงบสุข ถ้าไม่มีความสงบก็ทำงานไม่ได้ มีความอยู่เย็นไม่ได้ ฉะนั้นก็เห็นได้ว่าท่านเป็นประกันของความสบาย ความสงบของประเทศ ก็ได้เห็นว่าถ้าท่านตั้งใจอย่างที่ท่านได้ปฏิญาณอย่างเข้มแข็งนั้น ก็รู้ได้ว่าประเทศจะไปได้รอด ได้ดี
โดยเฉพาะศาลฎีกานั้น ก็เป็นองค์กรที่คนก็มองว่า เป็นผู้ที่เป็นประกันของความอยู่เย็นเป็นสุขของประเทศ ถ้าท่านทำได้ดี คือหมายความว่าท่านทำด้วยความเข้มแข็งก็จะทำให้เป็นความสำเร็จของแต่ละท่าน การทำสำเร็จนั้น ท่านได้เรียนรู้มา และได้ปฏิบัติมา ในฐานะนักกฎหมาย ในฐานะนักกฎหมายที่จะทำหน้าที่ผู้พิพากษา
ผู้พิพากษานั้น เป็นคนที่จะเป็นประกันของความยุติธรรม ความยุติธรรมนั้นถ้าดูว่าเป็นอะไร ยุติ ก็หยุด หยุดในธรรม อยู่ในสิ่งที่ดี ไม่เฉไฉไปทางซ้ายทางขวา ไปตรงไปตรงมา สำหรับธรรมนี้ก็ต้องมีความรู้ ถ้าท่านได้เรียนมา ฉะนั้นสำคัญที่สุด ท่านตั้งใจที่จะใช้กฎเกณฑ์ของกฎหมายของความยุติธรรม ถ้าทำได้แล้วท่านก็ทำสำเร็จในงานที่ท่านตั้งใจจะทำ
ที่ท่านได้ปฏิญาณด้วยความดีอย่างนี้ ก็เชื่อว่าท่านจะมีส่วนในการสร้างให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข แต่ละคนจะอยู่เย็นเป็นสุข มีความสุข มีความเรียบร้อยของบ้านเมือง ท่านก็ได้ทำตามหน้าที่ที่ท่านเลือกไว้ที่จะทำ ฉะนั้นการที่ท่านได้มาปฏิญาณตน เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะว่าท่านถ้าทำตามที่ท่านตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้น คือหมายความว่าท่านเรียนรู้เกี่ยวข้องกับกฎหมาย เกี่ยวข้องกับความดี ความตรงไปตรงมา และท่านจะได้ปฏิบัติในสิ่งที่ท่านได้เรียนมา และตั้งใจจะทำ
ฉะนั้นทุกครั้งที่เห็นผู้พิพากษา โดยเฉพาะศาลฎีกา มาปฏิญาณตนว่า จะทำดี ทำตรงไปตรงมา ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกมีความหวังในอนาคตของประเทศ ถ้าผู้พิพากษาทำดี ก็ประเทศชาติก็อยู่ได้
วานนี้ (9 ม.ค.) เมื่อเวลา 17.20 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จฯ ลง ณ ท้องพระโรง ศาลาเริง วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา นำผู้พิพากษาประจำศาล สำนักงานศาลยุติธรรม เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
ในโอกาสนี้ นายพินิจ สุเสารัจ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม นายวิชัย อริยนันทกะ เลขาธิการประธานศาลฎีกา และนายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ด้วย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสกับคณะผู้พิพากษา โดยให้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำปฏิญาณด้วยความเข้มแข็ง ซื่อสัตย์ สุจริต อย่างเคร่งครัด เพราะศาลเป็นองค์กรที่ประกันความอยู่เย็นเป็นสุขของประเทศชาติ
"ศาลนั้นเป็นองค์กรที่เป็นประกันของความอยู่เย็นเป็นสุขของประเทศชาติ ถ้าไม่มีความยุติธรรมในประเทศ คนอยู่ไม่ได้ ถ้าคนอยู่ไม่ได้ ก็มีประเทศชาติไม่มีประโยชน์ ฉะนั้นท่านเป็นประกันของความสงบสุขของชาติบ้านเมือง"
ความสงบสุขนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับทุกคน จะเป็นอาชีพใดๆ ก็ตาม ต้องมีความสงบสุข ถ้าไม่มีความสงบก็ทำงานไม่ได้ มีความอยู่เย็นไม่ได้ ฉะนั้นก็เห็นได้ว่าท่านเป็นประกันของความสบาย ความสงบของประเทศ ก็ได้เห็นว่าถ้าท่านตั้งใจอย่างที่ท่านได้ปฏิญาณอย่างเข้มแข็งนั้น ก็รู้ได้ว่าประเทศจะไปได้รอด ได้ดี
โดยเฉพาะศาลฎีกานั้น ก็เป็นองค์กรที่คนก็มองว่า เป็นผู้ที่เป็นประกันของความอยู่เย็นเป็นสุขของประเทศ ถ้าท่านทำได้ดี คือหมายความว่าท่านทำด้วยความเข้มแข็งก็จะทำให้เป็นความสำเร็จของแต่ละท่าน การทำสำเร็จนั้น ท่านได้เรียนรู้มา และได้ปฏิบัติมา ในฐานะนักกฎหมาย ในฐานะนักกฎหมายที่จะทำหน้าที่ผู้พิพากษา
ผู้พิพากษานั้น เป็นคนที่จะเป็นประกันของความยุติธรรม ความยุติธรรมนั้นถ้าดูว่าเป็นอะไร ยุติ ก็หยุด หยุดในธรรม อยู่ในสิ่งที่ดี ไม่เฉไฉไปทางซ้ายทางขวา ไปตรงไปตรงมา สำหรับธรรมนี้ก็ต้องมีความรู้ ถ้าท่านได้เรียนมา ฉะนั้นสำคัญที่สุด ท่านตั้งใจที่จะใช้กฎเกณฑ์ของกฎหมายของความยุติธรรม ถ้าทำได้แล้วท่านก็ทำสำเร็จในงานที่ท่านตั้งใจจะทำ
ที่ท่านได้ปฏิญาณด้วยความดีอย่างนี้ ก็เชื่อว่าท่านจะมีส่วนในการสร้างให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข แต่ละคนจะอยู่เย็นเป็นสุข มีความสุข มีความเรียบร้อยของบ้านเมือง ท่านก็ได้ทำตามหน้าที่ที่ท่านเลือกไว้ที่จะทำ ฉะนั้นการที่ท่านได้มาปฏิญาณตน เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะว่าท่านถ้าทำตามที่ท่านตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้น คือหมายความว่าท่านเรียนรู้เกี่ยวข้องกับกฎหมาย เกี่ยวข้องกับความดี ความตรงไปตรงมา และท่านจะได้ปฏิบัติในสิ่งที่ท่านได้เรียนมา และตั้งใจจะทำ
ฉะนั้นทุกครั้งที่เห็นผู้พิพากษา โดยเฉพาะศาลฎีกา มาปฏิญาณตนว่า จะทำดี ทำตรงไปตรงมา ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกมีความหวังในอนาคตของประเทศ ถ้าผู้พิพากษาทำดี ก็ประเทศชาติก็อยู่ได้