นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแสดงหลักฐานที่ระบุว่ามีการจ้างบริษัท ล็อบบี้ ยิสต์ว่า ตนยืนยันในคำพูดเดิม ว่ามีมูลเหตุมาจากความสงสัยของหลายภาคส่วนในสังคม ไม่ใช่เฉพาะตัวเองเท่านั้น ว่าการที่บริษัท ล๊อบบี้ที่เคยถูกจ้าง ตั้งแต่ปี 2549 และ 2550 นั้น ในปีที่ผ่านมา คือ 2551 ยังมีการดำเนินการต่ออยู่หรือไม่ จึงได้ถามไปยังผู้ที่คิดว่าให้คำตอบได้ เพราะเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่ประชาชนคนไทยควรที่จะรับทราบ อีกทั้ง ข้อมูลและหลักฐานที่มีอยู่นั้นก็ตรงกับสื่อมวลชนหลายแขนง ที่ได้เผยแพร่มาแล้ว
อย่างไรก็ตาม การออกมายืนยันทั้งโดยโฆษกส่วนตัวเมื่อวันที่ 6 ม.ค.และคณะทนายของพ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ว่า การว่าจ้างได้สิ้นสุดไปแล้วเมื่อปลายปี 2550 และหลังจากนั้นได้เลิกว่าจ้างทั้งหมดแล้ว แต่จากการตรวจสอบ การรายงานตามกฎหมายของ Lobbying Disclosure Act 1995 (Section 5) พบว่าในปี 2551 ยังคงมีการว่าจ้างในจำนวนเงินที่ลดลง โดยบริษัท Barbour, Griffiths & Rogers อยู่ ทั้งในรายงานไตรมาสที่ 1 และ 2 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2551 จึงอยากจะขอสอบถามไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ทีมกฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้เวลาพรรคประชาธิปัตย์ 7 วัน ในการนำหลักฐานเรื่องที่อ้างว่าพ.ต.ท.ทักษิณจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ เพื่อทำลาย ความเชื่อมั่นของประเทศไทย ไม่เช่นนั้นจะฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทกับพรรคประชาธิปัตย์และนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคว่า โฆษกพรรคออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ก็คงจะมีข้อมูลอยู่ ถ้ามีการฟ้องร้อง โฆษกพรรคก็พร้อมที่จะชี้แจงในกระบวนการที่เกี่ยวข้อง แต่เจตนาที่ออกมาพูดเพื่อที่จะให้เห็นว่ามีกระบวนการอย่างไรเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่านายสาทิตย์เคยเห็นหลักฐานชิ้นนี้หรือไม่ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้เห็น แต่ทราบเรื่องก่อนหน้านี้ที่เคยมีการเปิดเผยกัน แต่ว่าหลังจากนั้นก็ไม่ได้ตามเรื่องนี้ เมื่อโฆษกพรรคออกมาพูด เข้าใจว่าคงเจตนาออกมาพูด ให้เห็นถึงกระบวนการบางอย่าง ที่อาจจะทำให้ข่าวสารที่ออกมามีผลกระทบเท่านั้นเอง และคิดว่าเมื่อเปิดเผย คงมีข้อมูลที่พร้อมชี้แจง ส่วนรัฐบาลก็ทำงานไป ไม่ได้จะไปสืบเรื่องเหล่านั้น เพราะว่าภารกิจเรื่องอื่นก็มีเยอะ เฉพาะแผนกระตุ้นเศรษฐกิจก็เยอะแล้ว และยังมีเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นอีก ซึ่งส่วนตัวดูแลงานประชาสัมพันธ์ก็มีแผนที่จะต้องทำอีกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่นายกรัฐมนตรี จะไปเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เรื่องการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนที่ฝ่ายค้านมองว่ามีแกนนำในพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังการออกมา ให้ข่าวของโฆษกพรรค และหากพิสูจน์ได้ว่าจริง ก็เรียกร้องให้ลาออก นายสาทิตย์ กล่าวว่า โฆษกพรรคเป็นผู้ใหญ่และเป็นส.ส. ฉะนั้นพูดอะไรก็คงมีวิจารณญาณ ของเขาเอง และเขาต้องรับผิดชอบสิ่งที่เขาออกมาแถลง
อย่างไรก็ตาม การออกมายืนยันทั้งโดยโฆษกส่วนตัวเมื่อวันที่ 6 ม.ค.และคณะทนายของพ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ว่า การว่าจ้างได้สิ้นสุดไปแล้วเมื่อปลายปี 2550 และหลังจากนั้นได้เลิกว่าจ้างทั้งหมดแล้ว แต่จากการตรวจสอบ การรายงานตามกฎหมายของ Lobbying Disclosure Act 1995 (Section 5) พบว่าในปี 2551 ยังคงมีการว่าจ้างในจำนวนเงินที่ลดลง โดยบริษัท Barbour, Griffiths & Rogers อยู่ ทั้งในรายงานไตรมาสที่ 1 และ 2 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2551 จึงอยากจะขอสอบถามไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ทีมกฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้เวลาพรรคประชาธิปัตย์ 7 วัน ในการนำหลักฐานเรื่องที่อ้างว่าพ.ต.ท.ทักษิณจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ เพื่อทำลาย ความเชื่อมั่นของประเทศไทย ไม่เช่นนั้นจะฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทกับพรรคประชาธิปัตย์และนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคว่า โฆษกพรรคออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ก็คงจะมีข้อมูลอยู่ ถ้ามีการฟ้องร้อง โฆษกพรรคก็พร้อมที่จะชี้แจงในกระบวนการที่เกี่ยวข้อง แต่เจตนาที่ออกมาพูดเพื่อที่จะให้เห็นว่ามีกระบวนการอย่างไรเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่านายสาทิตย์เคยเห็นหลักฐานชิ้นนี้หรือไม่ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้เห็น แต่ทราบเรื่องก่อนหน้านี้ที่เคยมีการเปิดเผยกัน แต่ว่าหลังจากนั้นก็ไม่ได้ตามเรื่องนี้ เมื่อโฆษกพรรคออกมาพูด เข้าใจว่าคงเจตนาออกมาพูด ให้เห็นถึงกระบวนการบางอย่าง ที่อาจจะทำให้ข่าวสารที่ออกมามีผลกระทบเท่านั้นเอง และคิดว่าเมื่อเปิดเผย คงมีข้อมูลที่พร้อมชี้แจง ส่วนรัฐบาลก็ทำงานไป ไม่ได้จะไปสืบเรื่องเหล่านั้น เพราะว่าภารกิจเรื่องอื่นก็มีเยอะ เฉพาะแผนกระตุ้นเศรษฐกิจก็เยอะแล้ว และยังมีเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นอีก ซึ่งส่วนตัวดูแลงานประชาสัมพันธ์ก็มีแผนที่จะต้องทำอีกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่นายกรัฐมนตรี จะไปเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เรื่องการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนที่ฝ่ายค้านมองว่ามีแกนนำในพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังการออกมา ให้ข่าวของโฆษกพรรค และหากพิสูจน์ได้ว่าจริง ก็เรียกร้องให้ลาออก นายสาทิตย์ กล่าวว่า โฆษกพรรคเป็นผู้ใหญ่และเป็นส.ส. ฉะนั้นพูดอะไรก็คงมีวิจารณญาณ ของเขาเอง และเขาต้องรับผิดชอบสิ่งที่เขาออกมาแถลง
