เอเอฟพี - ภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองเกาะกินทุกแง่มุมชีวิตในประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรป แม้แต่กับสภาพความเป็นอยู่ของสัตว์เลี้ยงยังเลี่ยงไม่พ้น
สุนัขหลากพันธุ์และเจ้าของเข้าคิวรอหน้าครัวปันส่วนซุปสำหรับสัตว์เลี้ยงแห่งแรกของเบอร์ลิน ที่ตั้งอยู่ในอาคารโรงเรียนภาคค่ำร้างในย่านเทรปทาวตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม
ผู้ที่มีสิทธิ์พาสัตว์เลี้ยงมารับอาหารปันส่วนคือผู้มีรายได้ไม่เพียงพอเลี้ยงชีพและผู้ปลดเกษียณ เพื่อให้คนเหล่านี้มีโอกาสได้อยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงที่รักต่อไป
“มีคนมาสมัครขอรับบริจาคอาหารสัตว์แล้วเกือบ 400 คน และสต็อกของเราพร่องลงอย่างรวดเร็ว วันนี้เจ้าของแมวได้อาหารแมวกลับไปคนละกระป๋องเท่านั้น” จูเลีย ราสช์ ผู้บริหารครัวอาหารสัตว์ในเบอร์ลินที่ดำเนินการโดยเทียร์ทาเฟล (โต๊ะอาหารสัตว์) หรือสมาคมสวัสดิการสัตว์เลี้ยง กล่าว
ทั้งนี้ เบอร์ลิน ซึ่งมีอัตราว่างงานถึง 13% ของจำนวนประชากร มีสัตว์เลี้ยงที่เจ้าของพาไปขึ้นทะเบียนประมาณ 100,000 ตัว โดยเจ้าของจำนวนมากเป็นผู้ปลดเกษียณ
นอกจากสุนัขแล้ว ครัวซุปสำหรับสัตว์ยังอุปถัมป์สัตว์เลี้ยงอื่นๆ เช่น แมว กระต่าย หนูตะเภา เป็นต้น โดยมีอาสาสมัคร 12 คนคอยดูแลแจกจ่ายอาหารและให้คำแนะนำ รวมถึงตรวจสุขภาพสัตว์
ปกติแล้วครัวซุปสำหรับสัตว์จะสต็อกอาหารปันส่วนซึ่งได้รับการบริจาคมาจากผู้มีจิตกุศล รวมถึงบริษัทผลิตอาหาร เพียงพอสำหรับ 4-5 วัน
ปัจจุบัน เทียร์ทาเฟลที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว บริหารครัวซุปสำหรับสัตว์ 19 แห่งทั่วเยอรมนี และในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจของประเทศแห่งนี้อึมครึมด้วยภาวะถดถอยที่ยาวนานและรุนแรงที่สุดนับจากสงครามโลกครั้งที่สอง สมาคมแห่งนี้มีแผนเปิดครัวเพิ่มอีก 30 แห่ง
คลาวเดีย ฮอล์ม ที่เลี้ยงสุนัขสามตัว บอกว่าเธอได้ความคิดนี้หลังดูรายงานข่าวทางทีวีเกี่ยวกับครอบครัวที่ต้องนำสุนัขไปมอบให้สถานพิทักษ์สัตว์เนื่องจากพ่อบ้านตกงาน
“หมาไม่เข้าใจหรอกว่าเกิดอะไรขึ้น คนบ้านนั้นทั้งบ้านก็ไม่สบายใจ เราแค่คิดว่าพวกเขาไม่น่าต้องทิ้งหมาแค่เพราะเงิน 30-40 ยูโร (42-56 ดอลลาร์) เท่านั้น” ฮอล์มบอก
“ทุกวันเราเห็นคนที่ไม่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้อีกต่อไปเพราะค่าใช้จ่ายเหล่านั้น” เอวามารี โคนิก โฆษกศูนย์พิทักษ์สัตว์ส่วนกลางของเบอร์ลินสำทับ
ศูนย์ดังกล่าวรับสัตว์เข้ามาในความดูแลเพิ่มขึ้นปีละกว่า 10,000 ตัว โดย 1 ใน 3 มีเจ้าของพามาส่งเนื่องจากไม่สามารถดูแลเองได้อีกต่อไป
ที่ครัวซุปสำหรับสัตว์เทปทาวน์ เจ้าของสัตว์ ซึ่งใช้สรรพนามแทนว่า ‘ลูกค้า’ จะต้องพาสัตว์เลี้ยงมาลงทะเบียนก่อนเป็นอันดับแรก รวมถึงแสดงหลักฐานว่าสัตว์ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคแล้ว และแสดงเอกสารด้านสวัสดิการ ทะเบียนผู้ว่างงาน หรือบัตรบำนาญของตนเอง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่ามีความจำเป็นทางการเงินที่ทำให้ต้องพาสัตว์มารับอาหารปันส่วน
“ขั้นตอนเหล่านี้ทำได้ง่ายมากสำหรับคนที่มีรายได้ปานกลางไปจนถึงผู้ที่มีบัตรสวัสดิการระยะยาวจากรัฐที่ได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 350 ยูโร” ฮอล์มกล่าวและเสริมว่า ความช่วยเหลือของสมาคมยังครอบคลุมถึงคนจนที่บางครั้งต้องพึ่งพาสัตว์เลี้ยง
“ลูกค้าครึ่งหนึ่งของเราเป็นผู้สูงวัยที่แมวหรือสุนัขเป็นสายใยทางสังคมเส้นสุดท้าย”
ฮอล์มยังบอกว่า เธอเข้าใจอย่างชัดเจนและรวดเร็วว่า คนเราต้องการมากกว่าอาหารสัตว์หนึ่งกระป๋อง แต่ยังรวมถึงการทำให้แน่ใจว่าสัตว์เลี้ยงมีสุขภาพดี
ในช่วงเทศกาลวันหยุดที่ผ่านมา สมาคมได้รณรงค์ขอรับบริจาคอาหารเพิ่มเติม เพื่อให้อาสาสมัครสามารถแจกจ่ายกระดูก หูหมู ของเล่น และป้ายสำหรับขีดข่วนเล่นใต้ต้นคริสต์มาสในครัวซุปสัตว์ทุกแห่ง
สุนัขหลากพันธุ์และเจ้าของเข้าคิวรอหน้าครัวปันส่วนซุปสำหรับสัตว์เลี้ยงแห่งแรกของเบอร์ลิน ที่ตั้งอยู่ในอาคารโรงเรียนภาคค่ำร้างในย่านเทรปทาวตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม
ผู้ที่มีสิทธิ์พาสัตว์เลี้ยงมารับอาหารปันส่วนคือผู้มีรายได้ไม่เพียงพอเลี้ยงชีพและผู้ปลดเกษียณ เพื่อให้คนเหล่านี้มีโอกาสได้อยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงที่รักต่อไป
“มีคนมาสมัครขอรับบริจาคอาหารสัตว์แล้วเกือบ 400 คน และสต็อกของเราพร่องลงอย่างรวดเร็ว วันนี้เจ้าของแมวได้อาหารแมวกลับไปคนละกระป๋องเท่านั้น” จูเลีย ราสช์ ผู้บริหารครัวอาหารสัตว์ในเบอร์ลินที่ดำเนินการโดยเทียร์ทาเฟล (โต๊ะอาหารสัตว์) หรือสมาคมสวัสดิการสัตว์เลี้ยง กล่าว
ทั้งนี้ เบอร์ลิน ซึ่งมีอัตราว่างงานถึง 13% ของจำนวนประชากร มีสัตว์เลี้ยงที่เจ้าของพาไปขึ้นทะเบียนประมาณ 100,000 ตัว โดยเจ้าของจำนวนมากเป็นผู้ปลดเกษียณ
นอกจากสุนัขแล้ว ครัวซุปสำหรับสัตว์ยังอุปถัมป์สัตว์เลี้ยงอื่นๆ เช่น แมว กระต่าย หนูตะเภา เป็นต้น โดยมีอาสาสมัคร 12 คนคอยดูแลแจกจ่ายอาหารและให้คำแนะนำ รวมถึงตรวจสุขภาพสัตว์
ปกติแล้วครัวซุปสำหรับสัตว์จะสต็อกอาหารปันส่วนซึ่งได้รับการบริจาคมาจากผู้มีจิตกุศล รวมถึงบริษัทผลิตอาหาร เพียงพอสำหรับ 4-5 วัน
ปัจจุบัน เทียร์ทาเฟลที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว บริหารครัวซุปสำหรับสัตว์ 19 แห่งทั่วเยอรมนี และในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจของประเทศแห่งนี้อึมครึมด้วยภาวะถดถอยที่ยาวนานและรุนแรงที่สุดนับจากสงครามโลกครั้งที่สอง สมาคมแห่งนี้มีแผนเปิดครัวเพิ่มอีก 30 แห่ง
คลาวเดีย ฮอล์ม ที่เลี้ยงสุนัขสามตัว บอกว่าเธอได้ความคิดนี้หลังดูรายงานข่าวทางทีวีเกี่ยวกับครอบครัวที่ต้องนำสุนัขไปมอบให้สถานพิทักษ์สัตว์เนื่องจากพ่อบ้านตกงาน
“หมาไม่เข้าใจหรอกว่าเกิดอะไรขึ้น คนบ้านนั้นทั้งบ้านก็ไม่สบายใจ เราแค่คิดว่าพวกเขาไม่น่าต้องทิ้งหมาแค่เพราะเงิน 30-40 ยูโร (42-56 ดอลลาร์) เท่านั้น” ฮอล์มบอก
“ทุกวันเราเห็นคนที่ไม่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้อีกต่อไปเพราะค่าใช้จ่ายเหล่านั้น” เอวามารี โคนิก โฆษกศูนย์พิทักษ์สัตว์ส่วนกลางของเบอร์ลินสำทับ
ศูนย์ดังกล่าวรับสัตว์เข้ามาในความดูแลเพิ่มขึ้นปีละกว่า 10,000 ตัว โดย 1 ใน 3 มีเจ้าของพามาส่งเนื่องจากไม่สามารถดูแลเองได้อีกต่อไป
ที่ครัวซุปสำหรับสัตว์เทปทาวน์ เจ้าของสัตว์ ซึ่งใช้สรรพนามแทนว่า ‘ลูกค้า’ จะต้องพาสัตว์เลี้ยงมาลงทะเบียนก่อนเป็นอันดับแรก รวมถึงแสดงหลักฐานว่าสัตว์ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคแล้ว และแสดงเอกสารด้านสวัสดิการ ทะเบียนผู้ว่างงาน หรือบัตรบำนาญของตนเอง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่ามีความจำเป็นทางการเงินที่ทำให้ต้องพาสัตว์มารับอาหารปันส่วน
“ขั้นตอนเหล่านี้ทำได้ง่ายมากสำหรับคนที่มีรายได้ปานกลางไปจนถึงผู้ที่มีบัตรสวัสดิการระยะยาวจากรัฐที่ได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 350 ยูโร” ฮอล์มกล่าวและเสริมว่า ความช่วยเหลือของสมาคมยังครอบคลุมถึงคนจนที่บางครั้งต้องพึ่งพาสัตว์เลี้ยง
“ลูกค้าครึ่งหนึ่งของเราเป็นผู้สูงวัยที่แมวหรือสุนัขเป็นสายใยทางสังคมเส้นสุดท้าย”
ฮอล์มยังบอกว่า เธอเข้าใจอย่างชัดเจนและรวดเร็วว่า คนเราต้องการมากกว่าอาหารสัตว์หนึ่งกระป๋อง แต่ยังรวมถึงการทำให้แน่ใจว่าสัตว์เลี้ยงมีสุขภาพดี
ในช่วงเทศกาลวันหยุดที่ผ่านมา สมาคมได้รณรงค์ขอรับบริจาคอาหารเพิ่มเติม เพื่อให้อาสาสมัครสามารถแจกจ่ายกระดูก หูหมู ของเล่น และป้ายสำหรับขีดข่วนเล่นใต้ต้นคริสต์มาสในครัวซุปสัตว์ทุกแห่ง
