อุบลราชธานี-“อุทยานบุญนิยม”จ.อุบลฯ เป็นอีกองค์กรเครือข่ายของสันติอโศก ที่ถูกคุกคามจากกลุ่มคนเสื้อแดง ม็อบรับจ้างลิ่วล้อทักษิณมาอย่างต่อเนื่องตลอดกว่า193 วัน ที่ร่วมชุมนุมกู้ชาติกับพี่น้องพันธมิตรฯกระนั้นก็ตามด้วยหลักสันติ อหิงสา ที่ญาติธรรมถูกขัดเกลา ทำให้ความนิ่งสงบสามารถสยบความบ้าคลั่งของม้าใช้”ระบอบทักษิณ”ไม่ให้บานปลายได้ และผลจากการถูกคุกคามดังกล่าว ทำให้ศูนย์ขายสินค้าสุขภาพจากธรรมชาติแห่งนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
จากการเคลื่อนไหวกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 193 วัน เพื่อกดดันรัฐบาลพรรคพลังประชาชนไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ ได้ส่งผลให้เกิดการปลุกระดมจัดตั้งกลุ่มคนเสื้อแดงของนักการเมือง ที่รับใช้ระบอบทักษิณในพื้นที่ต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อต้านตอบโต้การเคลื่อนไหวของพี่น้องพันธมิตรฯทุกรูปแบบ ทั้งในบริเวณที่ชุมนุมสะพานมัฆวานรังสรรค์ ทำเนียบรัฐบาล ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และในอีกหลายจังหวัด
เช่นเดียวกับที่ จ.อุบลราชธานี ก็มีการเคลื่อนไหวของประชาชนที่รวมตัวเป็นกลุ่มพันธมิตรฯ โดยใช้อุทยานบุญนิยม ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายอาหารสุขภาพ หรือสินค้าที่ได้จากธรรมชาติของกองทัพธรรม ตั้งอยู่ถนนศรีณรงค์ ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี อุทยานอาหารสุขภาพแห่งนี้ เปรียบเหมือนจุดนัดพบปะแลกเปลี่ยนแสดงทัศนะความเห็นเหตุบ้านการเมือง
... จากคนเพียงหยิบมือในช่วงเริ่มแรก นานวันเข้า..กลับเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆจากการบอกเล่าปากต่อปาก ว่า ณ ที่แห่งนี้คือจุดนัดพบพันธมิตรฯ หลายครั้งวิทยากรบนเวทีทำเนียบรัฐบาลก็พูดถึงอุทยานบุญนิยม
การพบปะของประชาชนที่ต้องการได้ยินได้ฟัง รับทราบความจริงของปัญหาที่เกิดขึ้นในชาติ ทำให้กลุ่มนักการเมืองในจังหวัด ซึ่งพยายามปิดหูปิดตาสกัดกั้นการรวมตัวของภาคประชาชนเริ่มจับตาการเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาชนที่ต่อมาเรียกตัวเองว่า "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอุบลราชธานี" พร้อมจัดตั้งกองกำลังออกมาเคลื่อนไหวก่อกวนประชาชนที่เป็นพันธมิตรฯ ทำให้แกนนำตัดสินใจนำผู้ร่วมอุดมการณ์ ซึ่งขอเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนหน้าตาทางประวัติศาสตร์ครั้งนี้ มุ่งหน้าเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มาจากทุกสารทิศของประเทศ
ส่วนอุทยานบุญนิยมหลังพี่น้องพันธมิตรฯอุบลราชธานี เดินทางเข้าไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงและกลุ่มคนเสื้อเหลือง บ่อยครั้งที่ถูกคนเสื้อแดงก่อกวน บุกรุกโดยนำประทัดมาโยนใส่ ใช้หนังสติ๊กยิงลูกหินใส่ หรือเวลาเมาได้ที่ก็เอาขวดเหล้าขวดเบียร์ขว้างใส่
เหตุการณ์ที่ดูรุนแรงที่สุดคือ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2551 กรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงนำขี้อ่อน และเลือดวัวปาเข้าใส่อุทยานบุญนิยม พร้อมบุกเข้าทำลายโต๊ะเก้าอี้ และจะทำร้ายญาติธรรมที่ประจำอยู่ในร้าน แต่เหตุการณ์ไม่ลุกลามบานปลายใหญ่โต ทั้งที่ขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มารักษาความสงบอยู่ระหว่างเข้าเกียร์ว่างแบบสุดๆ ปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงที่อยู่ในสภาพบ้าคลั่งบุกเข้าประชิดตัวญาติธรรมที่มีอยู่ประมาณ 10 คน โดยทั้งหมดเป็นเด็ก ผู้หญิง และคนชรา
เหตุการณ์คุกคามที่เกิดขึ้น ณ วันนั้นยุติได้อย่างไร และทำไมจึงไม่รุนแรงกว่าที่คิด ทั้งหมดมีคำตอบ โดยพี่ไพรเวียง สารตันติพงศ์ ผู้ดูแลร้านจำหน่ายอาหารอุทยานบุญนิยมเล่าว่า ในวันเกิดเหตุมีผู้ชายสูงอายุอยู่ในอาการเมาสุรา เดินเข้ามาสำรวจดูต้นทาง จากลักษณะบ่งบอกความไม่เป็นมิตร แต่ญาติธรรมก็เดินนำน้ำไปให้ดื่ม พร้อมชวนพูดคุย เพื่อสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้น จนชายดังกล่าวเริ่มลังเล
เมื่อขบวนรถของกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางมาถึงหน้าอุทยานบุญนิยม ตน ก็ได้พูดกับชายสูงอายุคนดังกล่าวว่า "ไม่ต้องออกไปร่วมกับพวกข้างนอกก็ได้ อยู่กับพวกเราก็ได้" แต่ชายคนนั้นก็บอกว่า “ไม่ได้ เพราะได้กินเหล้าของเขาแล้ว และจะได้รับเงินตอบแทนด้วย ต้องออกไปรวมตัวกับคนอื่นๆ”
หลังจากนั้นก็มีกลุ่มคนเริ่มเดินเข้ามาในร้าน โดยบางคนในมือถือไม้ก็ใช้ทุบตีโต๊ะเก้าอี้ บางคนเริ่มระดมปาขี้อ่อนและเลือดวัวใส่ร้าน และเข้ามาประชิดตัวญาติธรรม โดยญาติธรรมบางคนที่กำลังนั่งกินอาหาร ก็ได้กล่าวเชิญชวนให้กลุ่มคนเสื้อแดงที่มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายมาร่วมทานข้าวด้วยกัน ใครหิวน้ำเราก็จัดหาน้ำให้ดื่ม ไม่มีการตอบโต้จากญาติธรรมทั้งวาจาและกำลัง
เมื่อเราไม่ตอบโต้ ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงเริ่มระส่ำระสาย ไม่รู้จะทำอย่างไร และเริ่มถอยออกจากพื้นที่อุทยานฯ มารวมตัวกันที่ถนน แต่แกนนำที่อยู่บนรถขยายเสียง ก็ยังปราศรัยด่าทอแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ด้วยถ้อยคำหยาบคายรุนแรง แต่คนสันติอโศกก็ยึดหลัก "ความสงบสยบความเคลื่อนไหว" ทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้
แต่จนถึงทุกวันนี้ ชาวสันติอโศกที่อยู่ในอุทยานบุญนิยม ก็ยังถูกคุกคามก่อกวน ทั้งยิงลูกหินเข้าใส่ เข้ามาเปิดน้ำดื่มบริสุทธิ์ที่เป็นน้ำซับ ซึ่งขนมาจากราชธานีอโศกและใส่ไว้ในถังน้ำดื่มบริการฟรีทิ้ง แต่ญาติธรรมก็ไม่ได้คิดโกรธแค้นอะไร ซ้ำได้แผ่เมตตาให้แก่คนที่เข้ามาก่อกวน เพราะเข้าใจว่าความคิดเห็นสามารถแตกต่างกันได้ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการรุนแรงเข้ามาแก้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนเสื้อแดงที่เข้ามารุกรานญาติธรรมสันติอโศกเอง ก็ได้รับผลกระทบ เพราะหลังพาคนบุกเข้ามาขว้างปาทำลายข้าวของ คนที่ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง ก็ออกมาปกป้องเรา เพราะทุกคนรู้ดีว่าที่อุทยานบุญนิยมคือ แหล่งจำหน่ายอาหารสุขภาพ จำหน่ายอาหารที่ไร้สารพิษ จำหน่ายพืชสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ อุทยานบุญนิยม จึงเป็นที่พึ่งของคนที่ต้องการบริโภคอาหารที่ดีต่อร่างกาย และเป็นที่พึ่งของคนที่ป่วยไข้ และต้องการได้รับอาหารที่ดีกว่าปกติ
"เหตุการณ์ครั้งนั้น ไม่ได้ทำให้คนที่เคยใช้บริการกลัว แต่กลับทำให้คนที่ไม่เข้าใจวิถีชีวิตของคนสันติอโศกได้เข้าใจวิถีชีวิตของพวกเรามากขึ้น แต่ก็ไม่ยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก เพราะเป็นคนไทยด้วยกันควรใช้หลักสันติอหิงสาเข้าแก้ปัญหาจะดีที่สุด"พี่ไพรเวียงบอก
ด้านท่านสมณะถักบุญ อาจิตบุญโญ นักบวชของสันติอโศกที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างกองทัพธรรมและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอุบลราชธานี ให้ทัศนะความคิดของคน 3 กลุ่มต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ว่า ปัจจุบันอุทยานบุญนิยมยังถูกคนในกลุ่มเสื้อแดงก่อกวนเป็นระยะ ทั้งการยิงลูกหิน การแอบเข้ามาเปิดน้ำดื่มบริสุทธิ์ทิ้ง การคุกคามที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องปกติของชาวสันติอโศกไปแล้ว และเป็นเรื่องที่ใช้ฝึกจิตสมาธิว่ายังมีครบถ้วนสมบูรณ์ดีหรือไม่
"เพราะหากพวกเราโกรธในสิ่งที่คนเสื้อแดงทำ ก็ถือว่าเราแพ้ แต่ถ้าเราไม่โกรธไปกับการกระทำของพวกเขา ก็ถือว่าเราชนะ"
เหตุการณ์การชุมนุมที่ผ่านมาของคนเสื้อเหลือง ที่ใช้เวลาร่วมกันอย่างยาวนาน ทำให้ผนึกความคิดให้แนบแน่นยิ่งขึ้น โดยระยะแรกต่างคนก็ต่างมีความคิดจะทำเรื่องช่วยชาติอย่างหลากหลาย แต่เมื่อนานวันเข้าความคิดต่างๆก็เริ่มเข้ามาหลอมรวมกลายเป็นเป้าหมายที่ทุกคนจะร่วมเดินทางไปด้วยกัน
ส่วนคนที่ยังเป็นกลางกลวงก็หันมาสนใจกิจกรรมที่ชาวสันติอโศกทำร่วมกัน โดยพุทธสถานของสันติอโศกที่อยู่ทั่วประเทศทั้ง 9 แห่ง มีประชาชนให้ความสนใจเข้ามาดู เพื่อเรียนรู้ความเป็นอยู่และการจัดระบบของกองทัพธรรม ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจชาวสันติอโศกมากขึ้น จึงถือเป็นเรื่องดีที่เกิดขึ้นในสังคม หลังการต่อสู้ของกองทัพธรรมร่วมกับประชาชนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยครั้งนี้