ASTVผู้จัดการรายวัน - “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” เชื่อปีหน้ารักษาผลประกอบการได้ดี
ขณะที่มั่นใจสิ้นปีนี้รายได้ตามเป้า ด้าน“อาร์เอส” เผยปีผลงานปี 51 เข้าเป้า 3 ธุรกิจคลื่นลูกใหม่ โชว์บิซ – ดิจิตอล – อินสโตร์มีเดีย นำทัพโกยรายได้เข้าเป้า ปูทางปีหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ถึงภาพรวมจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ในปี 2552 ว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจจะน่าเป็นห่วง แต่บริษัทฯ เชื่อว่าจะสามารถรักษาผลประกอบการให้ได้ดีไม่ต่ำกว่าปี 2551 เพราะมั่นใจผู้บริหารแต่ละธุรกิจสามารถปรับตัวตามสภาพสังคมคิดค้นโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เสมอ
บริษัทฯยังมั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะสูงสุดในรอบปี 25 สาเหตุที่ทำให้บริษัทฯบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ มาจากผู้บริหารแต่ละธุรกิจพยายามทำให้แบรนด์ของตัวเองเกิดการใช้ประโยชน์ และก่อให้เกิดรายได้สูงสุด
สำหรับธุรกิจที่โดดเด่น ได้แก่ ธุรกิจเพลงมีรายได้เติบโตดีจากโมเดลธุรกิจในการเป็นผู้ให้บริการเพลงแบบครบวงจร รวมทั้งการมีคอนเทนต์ที่แข็งแกร่งและเป็นที่หนึ่งในแต่ละเซกเมนต์ ทำให้คอนเทนต์เกิดการใช้ประโยชน์ และก่อให้เกิดรายได้สูงสุดให้กับบริษัทฯ คือ ธุรกิจโชว์บิซ และธุรกิจดิจิตอลซึ่งเริ่มโมเดลธุรกิจใหม่เป็นการบอกรับสมาชิก
ขณะที่ธุรกิจมีเดียมีรายได้เติบโตเช่นกัน ทั้งธุรกิจทีวีทั้ง 3 ส่วน ได้แก่ 1.เอ็กแซกท์และซีเนริโอที่มีความแข็งแกร่งทางด้านละครหลังข่าวและซิทคอม 2.จีเอ็มเอ็ม ทีวี ที่มีความแข็งแกร่งในเช็กเมนต์วัยรุ่นทางด้านรายการเพลงและรายการนอน มิวสิค และ 3.ดีทอล์ก ที่มีความแข็งแกร่งทางด้านวาไรตี้ และธุรกิจวิทยุที่มีแบรนด์แต่ละคลื่นแข็งแรงทำให้รายได้เติบโตต่อเนื่อง และธุรกิจอีเวนต์โดดเด่นทั้งอินเด็กซ์ และอีเวนต์ที่เกิดขึ้นในแต่ละธุรกิจ
ทั้งนี้บริษัทฯมีรายได้รวม 9 เดือนแรก 5,829.3 ล้านบาท เติบโต 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 5,152.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 456.5 ล้านบาท เติบโตประมาณ 43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 318.3 ล้านบาท
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า ธุรกิจของบริษัทฯปี 2551 เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เป็นผลจากการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ออกเป็นสองส่วนงานหลักคือ Media Service และ Content Provider
โดยธุรกิจใหม่ที่เป็นดาวรุ่งของอาร์เอสในปี 2551 และจะเติบโตก้าวกระโดดในปี 2552 คือ 3 ธุรกิจคลื่นลูกใหม่ 1. ธุรกิจโชว์บิซ ที่ดำเนินการโดยบริษัท อาร์เอส เฟรชแอร์ จำกัด 2. ธุรกิจดิจิตอลที่ประสบความสำเร็จจากการสร้างคอมมูนิตี้ออนไลน์ ใน“เว็บไซต์ชีซ่าดอทคอม” (www.zheza.com) ซึ่งเป็นเว็บเซคกันด์ไลฟ์คอมมูนิตี้ออนไลน์ ( Second Life Community Online) ที่มีสมาชิกกว่า 1 ล้านคน และ 3. ธุรกิจบริหารสื่อในโมเดิร์นเทรดเต็มรูปแบบ ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัท อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย จำกัด ที่
“ตลอดทั้งปี 51 ที่ผ่านมาเราเน้นการรุกธุรกิจเป็นผู้ผลิตและบริหารจัดการคอนเทนต์บันเทิง และกีฬา อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งผนวกคอนเทนต์บันเทิงและกีฬารวมกับสื่อทุกประเภทที่มีอยู่ในมือเข้าด้วยกัน โดยมีสัดส่วนรายได้แบ่งเป็นธุรกิจคอนเทนต์ 75% และธุรกิจมีเดีย 25%” นายสุรชัยกล่าว
นายสุรชัยกล่าวต่อว่า ธุรกิจของบริษัทในปีหน้าจะยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจเพลง ซึ่งถือเป็นธุรกิจต้นน้ำที่สามารถสอดรับกับธุรกิจอื่นๆ โดยนำกลยุทธ์ “Music Segment Champion” มาเดินเกมในการทำธุรกิจเพลงในรูปแบบใหม่
“ความสำเร็จจากการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทได้ส่งผลให้การดำเนินงานในปี 51 ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ และจะเติบโตได้เป็นอย่างดีในปี 52 เนื่องจากเราสามารถปรับตัวให้เป็นองค์กรที่มีความคล่องตัวในการเป็นผู้ผลิตและบริหารจัดการคอนเทนต์บันเทิงและกีฬา และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแม้ทิศทางด้านเศรษฐกิจของประเทศในปีหน้าจะมีแนวโน้มชะลอตัว แต่บริษัทจะถือเป็นโอกาสที่ดี ที่จะใช้คอนเทนต์ทั้งสองด้านเพื่อเร่งสร้างรายได้ให้แก่บริษัทด้วยการสร้างสรรค์สาระบันเทิงเพื่อให้คนไทยได้ผ่อนคลายความเครียดจากชีวิตประจำวัน ” นายสุรชัยกล่าว
ขณะที่มั่นใจสิ้นปีนี้รายได้ตามเป้า ด้าน“อาร์เอส” เผยปีผลงานปี 51 เข้าเป้า 3 ธุรกิจคลื่นลูกใหม่ โชว์บิซ – ดิจิตอล – อินสโตร์มีเดีย นำทัพโกยรายได้เข้าเป้า ปูทางปีหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ถึงภาพรวมจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ในปี 2552 ว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจจะน่าเป็นห่วง แต่บริษัทฯ เชื่อว่าจะสามารถรักษาผลประกอบการให้ได้ดีไม่ต่ำกว่าปี 2551 เพราะมั่นใจผู้บริหารแต่ละธุรกิจสามารถปรับตัวตามสภาพสังคมคิดค้นโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เสมอ
บริษัทฯยังมั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะสูงสุดในรอบปี 25 สาเหตุที่ทำให้บริษัทฯบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ มาจากผู้บริหารแต่ละธุรกิจพยายามทำให้แบรนด์ของตัวเองเกิดการใช้ประโยชน์ และก่อให้เกิดรายได้สูงสุด
สำหรับธุรกิจที่โดดเด่น ได้แก่ ธุรกิจเพลงมีรายได้เติบโตดีจากโมเดลธุรกิจในการเป็นผู้ให้บริการเพลงแบบครบวงจร รวมทั้งการมีคอนเทนต์ที่แข็งแกร่งและเป็นที่หนึ่งในแต่ละเซกเมนต์ ทำให้คอนเทนต์เกิดการใช้ประโยชน์ และก่อให้เกิดรายได้สูงสุดให้กับบริษัทฯ คือ ธุรกิจโชว์บิซ และธุรกิจดิจิตอลซึ่งเริ่มโมเดลธุรกิจใหม่เป็นการบอกรับสมาชิก
ขณะที่ธุรกิจมีเดียมีรายได้เติบโตเช่นกัน ทั้งธุรกิจทีวีทั้ง 3 ส่วน ได้แก่ 1.เอ็กแซกท์และซีเนริโอที่มีความแข็งแกร่งทางด้านละครหลังข่าวและซิทคอม 2.จีเอ็มเอ็ม ทีวี ที่มีความแข็งแกร่งในเช็กเมนต์วัยรุ่นทางด้านรายการเพลงและรายการนอน มิวสิค และ 3.ดีทอล์ก ที่มีความแข็งแกร่งทางด้านวาไรตี้ และธุรกิจวิทยุที่มีแบรนด์แต่ละคลื่นแข็งแรงทำให้รายได้เติบโตต่อเนื่อง และธุรกิจอีเวนต์โดดเด่นทั้งอินเด็กซ์ และอีเวนต์ที่เกิดขึ้นในแต่ละธุรกิจ
ทั้งนี้บริษัทฯมีรายได้รวม 9 เดือนแรก 5,829.3 ล้านบาท เติบโต 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 5,152.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 456.5 ล้านบาท เติบโตประมาณ 43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 318.3 ล้านบาท
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า ธุรกิจของบริษัทฯปี 2551 เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เป็นผลจากการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ออกเป็นสองส่วนงานหลักคือ Media Service และ Content Provider
โดยธุรกิจใหม่ที่เป็นดาวรุ่งของอาร์เอสในปี 2551 และจะเติบโตก้าวกระโดดในปี 2552 คือ 3 ธุรกิจคลื่นลูกใหม่ 1. ธุรกิจโชว์บิซ ที่ดำเนินการโดยบริษัท อาร์เอส เฟรชแอร์ จำกัด 2. ธุรกิจดิจิตอลที่ประสบความสำเร็จจากการสร้างคอมมูนิตี้ออนไลน์ ใน“เว็บไซต์ชีซ่าดอทคอม” (www.zheza.com) ซึ่งเป็นเว็บเซคกันด์ไลฟ์คอมมูนิตี้ออนไลน์ ( Second Life Community Online) ที่มีสมาชิกกว่า 1 ล้านคน และ 3. ธุรกิจบริหารสื่อในโมเดิร์นเทรดเต็มรูปแบบ ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัท อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย จำกัด ที่
“ตลอดทั้งปี 51 ที่ผ่านมาเราเน้นการรุกธุรกิจเป็นผู้ผลิตและบริหารจัดการคอนเทนต์บันเทิง และกีฬา อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งผนวกคอนเทนต์บันเทิงและกีฬารวมกับสื่อทุกประเภทที่มีอยู่ในมือเข้าด้วยกัน โดยมีสัดส่วนรายได้แบ่งเป็นธุรกิจคอนเทนต์ 75% และธุรกิจมีเดีย 25%” นายสุรชัยกล่าว
นายสุรชัยกล่าวต่อว่า ธุรกิจของบริษัทในปีหน้าจะยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจเพลง ซึ่งถือเป็นธุรกิจต้นน้ำที่สามารถสอดรับกับธุรกิจอื่นๆ โดยนำกลยุทธ์ “Music Segment Champion” มาเดินเกมในการทำธุรกิจเพลงในรูปแบบใหม่
“ความสำเร็จจากการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทได้ส่งผลให้การดำเนินงานในปี 51 ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ และจะเติบโตได้เป็นอย่างดีในปี 52 เนื่องจากเราสามารถปรับตัวให้เป็นองค์กรที่มีความคล่องตัวในการเป็นผู้ผลิตและบริหารจัดการคอนเทนต์บันเทิงและกีฬา และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแม้ทิศทางด้านเศรษฐกิจของประเทศในปีหน้าจะมีแนวโน้มชะลอตัว แต่บริษัทจะถือเป็นโอกาสที่ดี ที่จะใช้คอนเทนต์ทั้งสองด้านเพื่อเร่งสร้างรายได้ให้แก่บริษัทด้วยการสร้างสรรค์สาระบันเทิงเพื่อให้คนไทยได้ผ่อนคลายความเครียดจากชีวิตประจำวัน ” นายสุรชัยกล่าว
