เมื่อน้องหมาคำรามในคอ คุณได้ยินแววกระตือรือร้นประมาณว่า ‘ออกไปเดินเล่นกันเถอะเจ้านาย’ และน้องแมวอาจร้องเหมียวๆ ในท่วงทำนองพิเศษที่คุณแปลได้ว่า ‘เติมอาหารเดี๋ยวนี้เลยจ้า!’
คุณไม่ใช่คนเดียวที่เป็นแบบนี้
ผลสำรวจของแอสโซซิเอต เพรส-เพ็ตไซด์.คอมที่เผยแพร่ออกมาสัปดาห์ที่แล้วพบว่า เจ้าของ 67% เข้าใจเสียงเห่าหอน ร้องเหมียวๆ และเสียงต่างๆ นานาของสัตว์เลี้ยง
ผลสำรวจที่อาจทำให้พ่อแม่ที่มีลูกกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นต้องอิจฉาก็คือ เจ้าของ 62% บอกว่าสัตว์เลี้ยงของตนพูดด้วยรู้เรื่อง
“ผมจำกัดหัวข้อที่พูดกับแดนนี และมันก็ทำแบบเดียวกันกับผม การใช้สามัญสำนึกได้ผลถึง 98%” สตีเฟน คิง นักเคมีปลดเกษียนจากเทกซัส ที่บอกว่าแยกแยะเสียงเห่าของสุนัขออกว่ามันโกรธ อยากเล่น ดีใจ ฯลฯ
คิงเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของสัตว์เลี้ยง 1 ใน 5 ที่บอกว่าตัวเองและสัตว์เลี้ยงเข้าใจกันและกันดี
การสำรวจที่จัดทำโดยจีเอฟเคยังแสดงให้เห็นถึงความผูกพันที่เจ้าของมีต่อสัตว์เลี้ยงนอกเหนือจากเรื่องของภาษา เพราะแม้เศรษฐกิจย่ำแย่ ส่งผลให้คนนับล้านครัวเรือนต้องกระเบียดกระเสียรมากขึ้น แต่มีเจ้าของสัตว์เลี้ยงเพียง 1 ใน 7 เท่านั้นที่จำใจตัดงบสำหรับสัตว์เลี้ยงในปีที่ผ่านมา และกว่า 4 ใน 10 บอกว่ายังมีแผนซื้อของขวัญคริสต์มาสให้สัตว์เลี้ยงในงบเท่ากับปีที่แล้ว
“พวกมันต้องการที่อยู่และอาหารเหมือนลูกๆ ของฉัน และปกป้องตัวเองไม่ได้” ชาร์ล็อตต์ ฟิลลิปส์ วัย 40 ปีจากเวอร์จิเนีย คุณแม่ลูกสองที่ต้องตัดงบโดยรวมของครอบครัว ยกเว้นสำหรับน้องหมาสองตัวกับน้องแมวอีกห้าบอก
อย่างไรก็ตาม ยังมีเจ้าของ 15% ที่บอกว่าจะตัดงบสำหรับสัตว์เลี้ยง และ 1 ใน 4 กำลังคิดว่าจะเลิกเลี้ยงสัตว์ ครึ่งหนึ่งเป็นอย่างน้อยคิดว่าจะซื้ออาหารที่ราคาถูกลง ซื้อของเล่นน้อยลง และยืดระยะเวลาในการพาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตว์แพทย์
“ฉันแทบขาดใจ” คริสตัล แคนทาลา วัย 27 ปีจากเซาท์แคโรไลนา ที่ตัดใจทิ้งแมวหนึ่งในสองตัวที่เลี้ยงไว้หลังจากสามีตกงาน รำพัน
ผู้หญิงกว่า 7 ใน 10 และผู้ชายไม่ถึง 6 ใน 10 บอกว่าตนและสัตว์เลี้ยงเข้าใจความพยายามในการสื่อสารของกันและกัน ผู้สูงวัยและผู้มีรายได้ต่ำมีแนวโน้มสูงที่จะตอบว่าเข้าอกเข้าใจกับสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างดี
ในทางตรงข้าม ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะบอกว่าไม่สามารถสื่อสารกับสัตว์เลี้ยงมากกว่าผู้หญิงสองเท่า เจ้าของสุนัข 3 ใน 10 คิดว่าสัตว์เลี้ยงงงเวลาพูดด้วย เทียบกับเจ้าของแมวที่มีเกือบครึ่ง
วิลเลียม มิลเลอร์ ศาสตราจารย์ภาควิชาสัตวบาล และผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของโรงพยาบาลคอมปาเนียน แอนิมอล มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ สหรัฐฯ อธิบายว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงและสัตว์เลี้ยงมากมายเข้าใจการสื่อสารของกันและกัน เนื่องจากคนและสัตว์เรียนรู้ในการสื่อสารตลอดเวลาโดยมีท่วงทำนองเสียงและท่าทางประกอบ เช่น เสียงเห่าที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนเมื่อสุนัขต้องการออกนอกบ้าน หรือน้ำเสียงปลอบโยนเวลาลูบหัวแมว
“ไม่ใช่ว่าคุณนั่งลงและพูดภาษาสหประชาชาติกับสัตว์เลี้ยงเสียหน่อย” มิลเลอร์หมายถึงการใช้ภาษาต่างๆ
ผู้ตอบแบบสอบถาม 74% เลี้ยงสุนัข และ 46% เลี้ยงแมว โดยผู้ชายและผู้หญิงชอบสัตว์เลี้ยงทั้งสองประเภทนี้พอๆ กัน
นอกจากนี้ ยังมีผู้ตอบแบบสอบถาม 12% เลี้ยงปลา, 7% เลี้ยงนก และ 2% เลี้ยงม้า กระต่าย หนู เต่า กิ้งก่า และสัตว์อื่นๆ
แม้เศรษฐกิจถดถอย แต่เจ้าของสัตว์เลี้ยง 43% บอกว่าจะยังคงซื้อของขวัญเทศกาลรื่นเริงส่งท้ายปีให้สัตว์เลี้ยง ในจำนวนนี้จำแนกได้เป็น 48% ของเจ้าของน้องหมา และ 28% ของเจ้าของน้องแมว
อนึ่ง การสำรวจครั้งนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 3-8 เดือนนี้ โดยเป็นการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างที่สุ่มเลือกมา 1,129 คน อัตราส่วนความผิดพลาดบวก-ลบไม่เกิน 2.9%
คุณไม่ใช่คนเดียวที่เป็นแบบนี้
ผลสำรวจของแอสโซซิเอต เพรส-เพ็ตไซด์.คอมที่เผยแพร่ออกมาสัปดาห์ที่แล้วพบว่า เจ้าของ 67% เข้าใจเสียงเห่าหอน ร้องเหมียวๆ และเสียงต่างๆ นานาของสัตว์เลี้ยง
ผลสำรวจที่อาจทำให้พ่อแม่ที่มีลูกกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นต้องอิจฉาก็คือ เจ้าของ 62% บอกว่าสัตว์เลี้ยงของตนพูดด้วยรู้เรื่อง
“ผมจำกัดหัวข้อที่พูดกับแดนนี และมันก็ทำแบบเดียวกันกับผม การใช้สามัญสำนึกได้ผลถึง 98%” สตีเฟน คิง นักเคมีปลดเกษียนจากเทกซัส ที่บอกว่าแยกแยะเสียงเห่าของสุนัขออกว่ามันโกรธ อยากเล่น ดีใจ ฯลฯ
คิงเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของสัตว์เลี้ยง 1 ใน 5 ที่บอกว่าตัวเองและสัตว์เลี้ยงเข้าใจกันและกันดี
การสำรวจที่จัดทำโดยจีเอฟเคยังแสดงให้เห็นถึงความผูกพันที่เจ้าของมีต่อสัตว์เลี้ยงนอกเหนือจากเรื่องของภาษา เพราะแม้เศรษฐกิจย่ำแย่ ส่งผลให้คนนับล้านครัวเรือนต้องกระเบียดกระเสียรมากขึ้น แต่มีเจ้าของสัตว์เลี้ยงเพียง 1 ใน 7 เท่านั้นที่จำใจตัดงบสำหรับสัตว์เลี้ยงในปีที่ผ่านมา และกว่า 4 ใน 10 บอกว่ายังมีแผนซื้อของขวัญคริสต์มาสให้สัตว์เลี้ยงในงบเท่ากับปีที่แล้ว
“พวกมันต้องการที่อยู่และอาหารเหมือนลูกๆ ของฉัน และปกป้องตัวเองไม่ได้” ชาร์ล็อตต์ ฟิลลิปส์ วัย 40 ปีจากเวอร์จิเนีย คุณแม่ลูกสองที่ต้องตัดงบโดยรวมของครอบครัว ยกเว้นสำหรับน้องหมาสองตัวกับน้องแมวอีกห้าบอก
อย่างไรก็ตาม ยังมีเจ้าของ 15% ที่บอกว่าจะตัดงบสำหรับสัตว์เลี้ยง และ 1 ใน 4 กำลังคิดว่าจะเลิกเลี้ยงสัตว์ ครึ่งหนึ่งเป็นอย่างน้อยคิดว่าจะซื้ออาหารที่ราคาถูกลง ซื้อของเล่นน้อยลง และยืดระยะเวลาในการพาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตว์แพทย์
“ฉันแทบขาดใจ” คริสตัล แคนทาลา วัย 27 ปีจากเซาท์แคโรไลนา ที่ตัดใจทิ้งแมวหนึ่งในสองตัวที่เลี้ยงไว้หลังจากสามีตกงาน รำพัน
ผู้หญิงกว่า 7 ใน 10 และผู้ชายไม่ถึง 6 ใน 10 บอกว่าตนและสัตว์เลี้ยงเข้าใจความพยายามในการสื่อสารของกันและกัน ผู้สูงวัยและผู้มีรายได้ต่ำมีแนวโน้มสูงที่จะตอบว่าเข้าอกเข้าใจกับสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างดี
ในทางตรงข้าม ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะบอกว่าไม่สามารถสื่อสารกับสัตว์เลี้ยงมากกว่าผู้หญิงสองเท่า เจ้าของสุนัข 3 ใน 10 คิดว่าสัตว์เลี้ยงงงเวลาพูดด้วย เทียบกับเจ้าของแมวที่มีเกือบครึ่ง
วิลเลียม มิลเลอร์ ศาสตราจารย์ภาควิชาสัตวบาล และผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของโรงพยาบาลคอมปาเนียน แอนิมอล มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ สหรัฐฯ อธิบายว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงและสัตว์เลี้ยงมากมายเข้าใจการสื่อสารของกันและกัน เนื่องจากคนและสัตว์เรียนรู้ในการสื่อสารตลอดเวลาโดยมีท่วงทำนองเสียงและท่าทางประกอบ เช่น เสียงเห่าที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนเมื่อสุนัขต้องการออกนอกบ้าน หรือน้ำเสียงปลอบโยนเวลาลูบหัวแมว
“ไม่ใช่ว่าคุณนั่งลงและพูดภาษาสหประชาชาติกับสัตว์เลี้ยงเสียหน่อย” มิลเลอร์หมายถึงการใช้ภาษาต่างๆ
ผู้ตอบแบบสอบถาม 74% เลี้ยงสุนัข และ 46% เลี้ยงแมว โดยผู้ชายและผู้หญิงชอบสัตว์เลี้ยงทั้งสองประเภทนี้พอๆ กัน
นอกจากนี้ ยังมีผู้ตอบแบบสอบถาม 12% เลี้ยงปลา, 7% เลี้ยงนก และ 2% เลี้ยงม้า กระต่าย หนู เต่า กิ้งก่า และสัตว์อื่นๆ
แม้เศรษฐกิจถดถอย แต่เจ้าของสัตว์เลี้ยง 43% บอกว่าจะยังคงซื้อของขวัญเทศกาลรื่นเริงส่งท้ายปีให้สัตว์เลี้ยง ในจำนวนนี้จำแนกได้เป็น 48% ของเจ้าของน้องหมา และ 28% ของเจ้าของน้องแมว
อนึ่ง การสำรวจครั้งนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 3-8 เดือนนี้ โดยเป็นการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างที่สุ่มเลือกมา 1,129 คน อัตราส่วนความผิดพลาดบวก-ลบไม่เกิน 2.9%
