"โปรโจ๊ก" ชัพชัย นิราช, เชาวลิต ผลาผล และ "โปรหมาย" ประหยัด มากแสง เป็นโปรไทยที่ยังคงมีลุ้นแชมป์ วอลโว่ มาสเตอร์ส ออฟ เอเชีย หลังจบรอบสองเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
การแข่งขันกอล์ฟ เอเชียน ทัวร์ รายการสุดท้ายของฤดูกาล 2008 "วอลโว มาสเตอร์ส ออฟ เอเชีย" ที่สนามไทย คันทรี คลับ พาร์ 72 ระยะ 7,094 หลา ชิงเงินรางวัลรวม 7.5 แสนเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 26 ล้านบาท เมื่อวันศุกร์ที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันรอบที่สอง
ซึ่งโปรไทยหลายรายทำผลงานกันได้ดี โดยเฉพาะ "โปรโจ๊ก" ชัพชัย นิราช ที่ทำ 7 เบอร์ดี แต่เสียไป 1 โบกี เก็บเพิ่มได้อีก 6 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวมมี 7 อันเดอร์พาร์ ขึ้นไปอยู่อันดับ 2 ร่วมกับ มิทเชลล์ บราวน์ (ออสเตรเลีย), มาร์คัส โบธ (ออสเตรเลีย) และ อันโตนิโอ ลาสคูนา (ฟิลิปปินส์) โดยตามหลังผู้นำคือ แลม ชี บิง ผู้นำจากสิงคโปร์ อยู่ 2 สโตรก
โดย ชัพชัย เจ้าของฉายา "คิงคอง" กล่าวถึงว่า "ผมพยายามเก็บสกอร์หลุมพาร์ 5 และพาร์ 4 สั้น แต่ก็ไม่ประมาท หากไม่ได้ก็พยายามจะไม่ให้เสีย ก่อนหน้านี้ได้เหล็กชุดใหม่มา จึงตัดสินใจไม่ลงแข่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อมุ่งมั่นซ้อมให้ถนัดมือ ถึงตอนนี้ก็เริ่มเข้าที่แล้ว ส่วนการพัตต์วันนี้ก็ดีขึ้นอาจเป็นเพราะตัดสินใจกลับไปใช้พัตเตอร์อันเก่า ในใจลึกๆ ก็หวังจะได้แชมป์อยู่เหมือนกัน แต่ก็พยายามไม่กดดันตัวเอง"
ขณะที่ เชาวลิต ผลาผล อีกหนึ่งโปรไทยที่ทำผลงานได้ดีเก็บ 5 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวมมี 6 อันเดอร์พาร์ อยู่อับดับ 6 ร่วมกับ หลิน เหวินถัง จากไต้หวัน โดยโปรหนุ่มกล่าวหลังการแข่งขันว่า "วันนี้ไดร์ฟไม่ดีเลย ทำให้ต้องตีช็อตแก้ไขอยู่ตลอด แต่ยังดีที่มีลูกชิปและพัตต์มาช่วย ตอนนี้ความมั่นใจของผมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามขอแค่จบในท็อป 10 ก็พอใจแล้ว ไม่อยากหวังสูง เพราะจะเป็นการกดดันตัวเอง ขอเป็นพวกม้ามืดดีกว่า"
ส่วน "แชมป์เก่า" ประหยัด มากแสง สวิงมือ 1 ของไทย ที่รอบแรกตีเกินไป 2 โอเวอร์พาร์ คืนฟอร์มเก่งแล้ว เร่งเครื่องทำ 7 อันเดอร์พาร์ เป็นสถิติของตัวเองที่สนามแห่งนี้ ทำให้สกอร์รวมกลับมามี 5 อันเดอร์พาร์ อยู่อันดับ 8 ยังคงมีลุ้นป้องกันแชมป์อยู่เหมือนกัน
ภายหลังระเบิดฟอร์มเก่งโปรหนุ่มใหญ่วัย 42 ปีจากอำเภอหัวหิน เผยว่าการออกรอบช่วงเช้า ทำให้ตีได้ง่ายขึ้นมาก "ออกรอบช่วงเช้าง่ายกว่ามาก เพราะกรีนนิ่ม ลมไม่แรง อีกทั้งบรรยากาศยังสดชื่น และผ่อนคลายมากกว่าเล่นในช่วงบ่าย อีกทั้งคนดูก็ไม่มากทำให้มีสมาธิกับการตีทุกช็อต"
"ในหลุมแรก ผมมีโอกาสยิงเบอร์ดีจากระยะไม่ไกลนัก แต่ทำไม่ได้รู้สึกเสียดายมาก ซึ่งหลังจากทำอีเกิลได้ในหลุมที่ 4 ความมั่นใจก็กลับมาทันที วันนี้ผมเปลี่ยนแซนเวจใหม่ และก็ได้ผล อีกทั้งแคดดียังช่วยเตือนช่วงพัตต์อีกด้วย"
นอกจากนี้ เจ้าของแชมป์ เจแปน ทัวร์ 3 รายการในปีนี้ ที่ก่อนหน้านี้ตั้งเป้าหมายจบให้ได้อยู่ในท็อป 15 ของการแข่งขัน เพื่อรักษาอันดับโลกให้อยู่ในท็อป 50 การันตีไปการไปเล่นในศึกเมเจอร์ เดอะ มาสเตอร์ส ปีหน้า ก็เริ่มมีความหวังว่าจะป้องกันแชมป์ได้เช่นกัน
"ถึงตอนนี้ผมมีสิทธิ์ลุ้นแชมป์แล้ว โอกาสเปิดกว้างขึ้น แต่ผมจะไม่กดดันตัวเองและพยายามเล่นตามเกมของตัวเอง เป้าหมายของผมยังเหมือนเดิมนั้นคือ จบปีนี้ด้วยการอยู่ในท็อป 50 ของโลก แต่ถ้าได้แชมป์วอลโว่ฯ ก็จะมีความสุขมาก"
ด้านผลงานของ ธงชัย ใจดี ที่ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่ง จากฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงคว้าแชมป์มา 2 รายการติดต่อกัน ยังคงทำผลงานได้ไม่ดี โดยในรอบสอง "โปรช้าง" ตีเกินไปอีก 2 โอเวอร์พาร์ สกอร์รวม 3 โอเวอร์พาร์ อยู่อันดับ 49 ร่วม หมดลุ้นแชมป์สมัยที่ 3 ค่อนข้างแน่นอนแล้ว
ทั้งนี้โปรมือ 92 ของโลกชาวไทย ยอมรับว่าโอกาสคว้าแชมป์ของตัวเองในรายการนี้จบไปแล้ว "การเล่นในวันนี้จริงๆ ถ้าดูสกอร์แล้วจะเห็นว่าน่าผิดหวัง แต่ความจริงผมมีสกอร์ 3 อันเดอร์ฯ ถึงหลุมที่ 14 จนกระทั่งมาพลาดออกทริปเปิลโบกีในหลุมที่ 15 ทุกอย่างเลยจบ ผมเริ่มเหนื่อยหลังจากแข่งขันมา 6 สัปดาห์ติดต่อกัน ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ที่ตามผู้นำอยู่ไกลมาก คงไม่มีหวังแล้ว แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุดในอีก 2 วันที่เหลือ"
สำหรับผลงานของโปรไทยรายอื่นๆ ปรากฎว่า ถาวร วิรัตน์จันทร์ ทำ 1 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวมมี 2 อันเดอร์พาร์ อยู่อันดับ 17 ร่วม ขณะที่ ชินรัตน์ ผดุงศิลป์ ตีอีเวนพาร์เป็นวันที่สอง อยู่อันดับ 27 ร่วม ด้าน สมเกียรติ ศรีสง่า ตีเกิน 2 โอเวอร์พาร์ สกอร์รวม 5 โอเวอร์พาร์ อยู่อันดับ 56 ร่วมกับ พรหม มีสวิสดิ์ ที่วันนี้ตีเกิน 3 โอเวอร์พาร์ และ วสินทร์ ศรีภัทรานุสรณ์ ที่ตีเกิน 3 โอเวอร์พาร์เช่นกัน และ พิพัฒน์พงษ์ แนวสุข ตีเกิน 6 โอเวอร์พาร์ สกอร์รวม 9 โอเวอร์พาร์ รั้งบ๊วยที่อันดับ 67 ร่วม
ขณะที่การแข่งขันในวันนี้ (20 ธ.ค.) จะเป็นการแข่งขันกันในวันที่สาม ซึ่งเหล่าบรรดายอดโปรจะได้โอกาสแก้มือกันโดยไม่มีการตัดตัว และนักกอล์ฟทั้งหมดจะลงแข่งขันกันจนถึงวันอาทิตย์ที่ 21 ธ.ค.นี้
การแข่งขันกอล์ฟ เอเชียน ทัวร์ รายการสุดท้ายของฤดูกาล 2008 "วอลโว มาสเตอร์ส ออฟ เอเชีย" ที่สนามไทย คันทรี คลับ พาร์ 72 ระยะ 7,094 หลา ชิงเงินรางวัลรวม 7.5 แสนเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 26 ล้านบาท เมื่อวันศุกร์ที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันรอบที่สอง
ซึ่งโปรไทยหลายรายทำผลงานกันได้ดี โดยเฉพาะ "โปรโจ๊ก" ชัพชัย นิราช ที่ทำ 7 เบอร์ดี แต่เสียไป 1 โบกี เก็บเพิ่มได้อีก 6 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวมมี 7 อันเดอร์พาร์ ขึ้นไปอยู่อันดับ 2 ร่วมกับ มิทเชลล์ บราวน์ (ออสเตรเลีย), มาร์คัส โบธ (ออสเตรเลีย) และ อันโตนิโอ ลาสคูนา (ฟิลิปปินส์) โดยตามหลังผู้นำคือ แลม ชี บิง ผู้นำจากสิงคโปร์ อยู่ 2 สโตรก
โดย ชัพชัย เจ้าของฉายา "คิงคอง" กล่าวถึงว่า "ผมพยายามเก็บสกอร์หลุมพาร์ 5 และพาร์ 4 สั้น แต่ก็ไม่ประมาท หากไม่ได้ก็พยายามจะไม่ให้เสีย ก่อนหน้านี้ได้เหล็กชุดใหม่มา จึงตัดสินใจไม่ลงแข่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อมุ่งมั่นซ้อมให้ถนัดมือ ถึงตอนนี้ก็เริ่มเข้าที่แล้ว ส่วนการพัตต์วันนี้ก็ดีขึ้นอาจเป็นเพราะตัดสินใจกลับไปใช้พัตเตอร์อันเก่า ในใจลึกๆ ก็หวังจะได้แชมป์อยู่เหมือนกัน แต่ก็พยายามไม่กดดันตัวเอง"
ขณะที่ เชาวลิต ผลาผล อีกหนึ่งโปรไทยที่ทำผลงานได้ดีเก็บ 5 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวมมี 6 อันเดอร์พาร์ อยู่อับดับ 6 ร่วมกับ หลิน เหวินถัง จากไต้หวัน โดยโปรหนุ่มกล่าวหลังการแข่งขันว่า "วันนี้ไดร์ฟไม่ดีเลย ทำให้ต้องตีช็อตแก้ไขอยู่ตลอด แต่ยังดีที่มีลูกชิปและพัตต์มาช่วย ตอนนี้ความมั่นใจของผมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามขอแค่จบในท็อป 10 ก็พอใจแล้ว ไม่อยากหวังสูง เพราะจะเป็นการกดดันตัวเอง ขอเป็นพวกม้ามืดดีกว่า"
ส่วน "แชมป์เก่า" ประหยัด มากแสง สวิงมือ 1 ของไทย ที่รอบแรกตีเกินไป 2 โอเวอร์พาร์ คืนฟอร์มเก่งแล้ว เร่งเครื่องทำ 7 อันเดอร์พาร์ เป็นสถิติของตัวเองที่สนามแห่งนี้ ทำให้สกอร์รวมกลับมามี 5 อันเดอร์พาร์ อยู่อันดับ 8 ยังคงมีลุ้นป้องกันแชมป์อยู่เหมือนกัน
ภายหลังระเบิดฟอร์มเก่งโปรหนุ่มใหญ่วัย 42 ปีจากอำเภอหัวหิน เผยว่าการออกรอบช่วงเช้า ทำให้ตีได้ง่ายขึ้นมาก "ออกรอบช่วงเช้าง่ายกว่ามาก เพราะกรีนนิ่ม ลมไม่แรง อีกทั้งบรรยากาศยังสดชื่น และผ่อนคลายมากกว่าเล่นในช่วงบ่าย อีกทั้งคนดูก็ไม่มากทำให้มีสมาธิกับการตีทุกช็อต"
"ในหลุมแรก ผมมีโอกาสยิงเบอร์ดีจากระยะไม่ไกลนัก แต่ทำไม่ได้รู้สึกเสียดายมาก ซึ่งหลังจากทำอีเกิลได้ในหลุมที่ 4 ความมั่นใจก็กลับมาทันที วันนี้ผมเปลี่ยนแซนเวจใหม่ และก็ได้ผล อีกทั้งแคดดียังช่วยเตือนช่วงพัตต์อีกด้วย"
นอกจากนี้ เจ้าของแชมป์ เจแปน ทัวร์ 3 รายการในปีนี้ ที่ก่อนหน้านี้ตั้งเป้าหมายจบให้ได้อยู่ในท็อป 15 ของการแข่งขัน เพื่อรักษาอันดับโลกให้อยู่ในท็อป 50 การันตีไปการไปเล่นในศึกเมเจอร์ เดอะ มาสเตอร์ส ปีหน้า ก็เริ่มมีความหวังว่าจะป้องกันแชมป์ได้เช่นกัน
"ถึงตอนนี้ผมมีสิทธิ์ลุ้นแชมป์แล้ว โอกาสเปิดกว้างขึ้น แต่ผมจะไม่กดดันตัวเองและพยายามเล่นตามเกมของตัวเอง เป้าหมายของผมยังเหมือนเดิมนั้นคือ จบปีนี้ด้วยการอยู่ในท็อป 50 ของโลก แต่ถ้าได้แชมป์วอลโว่ฯ ก็จะมีความสุขมาก"
ด้านผลงานของ ธงชัย ใจดี ที่ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่ง จากฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงคว้าแชมป์มา 2 รายการติดต่อกัน ยังคงทำผลงานได้ไม่ดี โดยในรอบสอง "โปรช้าง" ตีเกินไปอีก 2 โอเวอร์พาร์ สกอร์รวม 3 โอเวอร์พาร์ อยู่อันดับ 49 ร่วม หมดลุ้นแชมป์สมัยที่ 3 ค่อนข้างแน่นอนแล้ว
ทั้งนี้โปรมือ 92 ของโลกชาวไทย ยอมรับว่าโอกาสคว้าแชมป์ของตัวเองในรายการนี้จบไปแล้ว "การเล่นในวันนี้จริงๆ ถ้าดูสกอร์แล้วจะเห็นว่าน่าผิดหวัง แต่ความจริงผมมีสกอร์ 3 อันเดอร์ฯ ถึงหลุมที่ 14 จนกระทั่งมาพลาดออกทริปเปิลโบกีในหลุมที่ 15 ทุกอย่างเลยจบ ผมเริ่มเหนื่อยหลังจากแข่งขันมา 6 สัปดาห์ติดต่อกัน ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ที่ตามผู้นำอยู่ไกลมาก คงไม่มีหวังแล้ว แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุดในอีก 2 วันที่เหลือ"
สำหรับผลงานของโปรไทยรายอื่นๆ ปรากฎว่า ถาวร วิรัตน์จันทร์ ทำ 1 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวมมี 2 อันเดอร์พาร์ อยู่อันดับ 17 ร่วม ขณะที่ ชินรัตน์ ผดุงศิลป์ ตีอีเวนพาร์เป็นวันที่สอง อยู่อันดับ 27 ร่วม ด้าน สมเกียรติ ศรีสง่า ตีเกิน 2 โอเวอร์พาร์ สกอร์รวม 5 โอเวอร์พาร์ อยู่อันดับ 56 ร่วมกับ พรหม มีสวิสดิ์ ที่วันนี้ตีเกิน 3 โอเวอร์พาร์ และ วสินทร์ ศรีภัทรานุสรณ์ ที่ตีเกิน 3 โอเวอร์พาร์เช่นกัน และ พิพัฒน์พงษ์ แนวสุข ตีเกิน 6 โอเวอร์พาร์ สกอร์รวม 9 โอเวอร์พาร์ รั้งบ๊วยที่อันดับ 67 ร่วม
ขณะที่การแข่งขันในวันนี้ (20 ธ.ค.) จะเป็นการแข่งขันกันในวันที่สาม ซึ่งเหล่าบรรดายอดโปรจะได้โอกาสแก้มือกันโดยไม่มีการตัดตัว และนักกอล์ฟทั้งหมดจะลงแข่งขันกันจนถึงวันอาทิตย์ที่ 21 ธ.ค.นี้